ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ต้องทำอย่างไรจึงจะบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน



ถาม - สำหรับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป นอกจากรักษาศีลแล้ว
ต้องทำอย่างไรและทำแค่ไหน ถึงจะได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันครับ


ก็คือเจริญสตินั่นเองนะครับ ค่อยๆ รู้ไปทีละนิดทีละหน่อย
หายใจเข้า หายใจออก ก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออก
แล้วพอมันยาวขึ้นก็รู้ว่ามันยาวขึ้น มันสั้นลงก็รู้ว่ามันสั้นลง
อย่างนี้มันก็จะเกิดความรู้สึกขึ้นมาเองจนได้
ว่าลมหายใจนี่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเรา
มันเป็นแค่ธาตุลมผ่านเข้าผ่านออกร่างกายชั่วคราว
พอดูลมหายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยงได้เป็น
มันก็จะลามมาถึงอิริยาบถปัจจุบันที่กำลังเป็นที่ตั้งของลมหายใจนั้นแหละ


ถ้าหากว่าเราสามารถเห็นลมหายใจได้
ก็สามารถเห็นที่ตั้งของลมหายใจคือภาวะของร่างกายนี้ได้
อยู่ในอิริยาบถไหน เราก็รู้ตรงตามอิริยาบถนั้น
อยู่ในอิริยาบถนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เราก็รู้
รู้จนกระทั่งเห็นไปหมดว่าภาวะทางกายก็ตาม
หรือว่าความสุขความทุกข์ก็ตาม
มันไม่ใช่ของที่เที่ยง มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
ในที่สุดมันก็แจ่มแจ้งขึ้นมาด้วยจิตที่รวมลงเป็นฌานได้เป็นครั้งแรก
รวมลงเป็นฌานอย่างเห็นว่าอะไรๆ ภายในขอบเขตกายใจนี้
ล้วนแล้วแต่แสดงความไม่เที่ยงอยู่ทั้งสิ้น

ล้วนแล้วแต่ฟ้อง เป็นหลักฐานประจักษ์ว่ามันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนเดิมทั้งสิ้น
มันต้องเปลี่ยนนี่ มันต้องเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ
แล้วจะเอาตรงไหนล่ะมาชี้ว่าเป็นตัวเป็นตนเดิม


จิตที่มันหลุดออกจากภาวะยึดมั่นถือมั่น
ว่าต้องมีตัวตนอยู่เดิมๆ เป็นตัวของเราอยู่แน่ๆ
มันจะหายไป เหลือแต่ความว่างเปล่าจากอุปาทาน

เหมือนกับที่นักฟิสิกส์ไปค้นพบว่าที่นึกว่ามีตัวมีตนมีก้อนอะไรอยู่
จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลยนะ
มันเป็นการสั่นสะเทือนของอะตอม (
atom) ทั้งนั้นเลย
ก็เกิดภาวะความรู้สึกเหมือนกับทะลุจากที่ยืนเดิม
ที่ยืนเดิมที่นึกว่ามีอยู่แน่ๆ เป็นตัวเป็นตนอยู่แน่ๆ
มีเรา มีความเป็นนักฟิสิกส์อยู่แน่ๆ
มันกลายเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ว่ามันไม่มีอะไรเป็นตัวของเราจริงๆ เลย
เขาก็บอกว่ามันเหมือนกับทะลุแก้วออกมา
แก้วแก้วเดิมที่มีน้ำขังเราอยู่ ก้นแก้วพอมันแตกทะลุออกมา มันก็หลุดผลัวะ
น้ำที่มันห่อหุ้มเรานี่หายไปหมด กลายเป็นอากาศว่างเปล่า
ที่ไม่ได้มีความเป็นภาชนะแบบเดิมที่เข้าใจว่าเคยมี
ซึ่งคืออย่างนักฟิสิกส์ที่บรรลุธรรมกันไม่ได้
ก็เพราะว่าเขาเห็นความจริงด้วยการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์
หรือว่าด้วยการส่องกล้องเอา แล้วหาหลักฐานทางฟิล์ม ทางอะไรต่อมิอะไร


แต่ถ้าเป็นนักเจริญสติ จะเอาจิตเป็นเครื่องฉายภาพ จอรับภาพ
เป็นทั้งเครื่องฉายภาพแล้วก็เป็นทั้งจอรับภาพในตัวของมันเอง
ว่าอะไรๆ ทั้งหลายในขอบเขตรูปพรรณสัณฐานกายนี้
ที่นึกว่าเป็นตัวเป็นตนนี่ มันไม่มีอยู่เลย
ถ้าจิตมันสามารถรับได้เต็มที่
รับภาพ รับนิมิตของความเป็นอนัตตาได้เต็มที่
นั่นแหละตัวนั้นแหละที่มันจะมีสิทธิ์เป็นพระโสดาบันขึ้นมา

แล้วมันต้องเห็นแบบที่มีสมาธิตั้งมั่นระดับฌานด้วยนะ ไม่ใช่แค่คิดๆ นึกๆ เอา
เป็นพระโสดาบันยากตรงนี้แหละ
ตรงที่ว่าทำอย่างไรเราจะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายใจนี้
จนกระทั่งเกิดสมาธิระดับฌานขึ้นมา


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP