กระปุกออมสิน Money Literacy

มนุษย์เงินเดือน VS นักลงทุนอิสระ


 

Mr.Messenger
สนใจติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ http://twitter.com/MrMessenger

 

เอาเฉพาะช่วงไตรมาส ๔ ปีที่แล้ว จนถึงสิ้นเดือน มี.ค. ปีนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่าร้อยละ ๒๐ และนี่คือความร้อนแรงที่ไม่ได้เห็นกันมาก หากใครที่ลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นมายาวนานพอ 

แต่สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ นักศึกษาจบใหม่ พนักงานกินเงินเดือนที่หวังจะหาอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง (ไม่ทำงานบนอินเตอร์เน็ต ใครๆก็ทำได้ อะไรแบบนั้นนะครับ) ผลตอบแทนที่เห็นคาตาแบบนี้ ย่อมดึงดูด และเป็นแรงจูงใจให้ผู้เล่นหน้าใหม่เดินเข้าสู่ถนนแห่งการลงทุน 

ลองจิตนาการตามผมนะครับ สมมติว่า เรามีเงินซัก ๕๐ ล้านบาท ฝากธนาคารรับดอกเบี้ยปีละ ๓.๐% เรา จะรับดอกเบี้ย หลังจากหักภาษีแล้ว ปีละ ๑.๒๗๕ ล้านบาท คิดเป็นต่อเดือน ก็เดือนละ ๑๐๖,๒๕๐ บาท มองในมุมนี้ เป้าหมายของคนส่วนใหญ่ก็คือ เงินก้อนมหึมา เพื่อที่จะกินดอกเบี้ยโดยไม่กระทบเงินต้น และช่องทางที่คิดได้ง่าย และใกล้ตัวในตอนนี้ก็คือ การเป็นนักลงทุนลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้นเอง

แถมหลักฐานของคนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น ก็มีอยู่ไม่น้อย ดูได้จากหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่วางแผงกันราวกับดอกเห็ด รวมทั้งบทสัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ก็มีอยู่ไม่น้อย บางคนเริ่มต้นเงินลงทุน ๑ ล้านบาท ผ่านมา ๔ ปี ตอนนี้มีไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้านบาท ก็มีให้เห็น หรือนักลงทุนระดับเซียน อยู่ในตลาดหุ้นมากว่า ๑๐ ปี พอร์ตการลงทุนตอนนี้ ไม่ต่ำกว่า ๑ หมื่นล้านบาท เขาก็ทำได้ แถมบอกกับเราอีกว่า การลงทุนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ใครๆก็ทำได้ หลักฐาน และข้อพิสูจน์ มีให้เห็นเยอะขนาดนี้ บวกกับในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้น ก็เหมือนจะสร้างผลตอบแทนได้เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้น ฝันที่จะผันตัวเองจากมนุษย์เงินเดือน เป็น นักลงทุนอิสระ นั้น ไม่น่ายากเกินเอื้อม จริงไหมครับ?

ในมุมมองของมนุษย์เงินเดือน คำว่า อิสระดู จะเป็นฝันอันสูงสุดเลยก็ว่าได้ ไม่ต้องทำงานที่ไม่อยากทำ ไม่ต้องทำตามคำสั่งคนอื่น ไม่ต้องตื่นเช้าไปผจญรถติด ไม่ต้องคิดปวดหัวเรื่องการประชุมตลอดทั้งวัน ส่วนการเป็นนักลงทุนอิสระ ก็คือ การเลือกหาบริษัทที่มีความมั่นคง ร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจกับเขาด้วยการเข้าซื้อหุ้น สุดท้าย ก็แค่รอให้สิ่งที่เราคิดมันเกิดขึ้นจริง และทำให้เงินเรางอกเงย เพื่อเป็นรางวัลจากความอดทนของเรา นี่ก็คือ สิ่งที่มนุษย์เงินเดือน มอง นักลงทุนอิสระ

เคยได้ยินประโยคที่ว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” ไหมครับ? ผมไม่ได้บอกว่า นักลงทุนอิสระ เขาอยากจะผันตัวเองมาเป็นมนุษย์เงินเดือนนะ แค่อยากให้มองในมุมของพวกเขาเหล่านั้นดูบ้าง

นักลงทุนอิสระ จะไม่มีประกันสังคม ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ไม่มีสวัสดิการจากบริษัท ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันลา เพราะทุกวันคือวันทำงาน แล้วงานของเขาคืออะไรบ้าง? พอ ถึงฤดูประกาศงบบริษัทไตรมาสละครั้ง ก็ต้องมานั่งอ่าน มานั่งแกะงบ ว่า บริษัทที่เราลงทุน เป็นไปตามที่วิเคราะห์ไหม มีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องไปประชุมผู้ถือหุ้น สอบถามเจ้าของหรือผู้บริหารในเชิงลึก ต้องเพิ่มพูนความรู้อยู่เสมอ จับกลุ่มวิเคราะห์หุ้น เข้าฟังสัมมนา และต้องมานั่งติดตามพอร์ตการลงทุน บางคนเน้นการลงทุนในระยะสั้น ก็ต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอตลาดกันทุกวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น

ถ้าถามผมว่า สิ่งที่นักลงทุนอิสระ เขาต้องทำ มันอิสระจริงไหม? ในมุมมองของผม มันก็อิสระจากสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนพบอยู่ทุกวัน ก็แค่นั้นครับ

ไม่มีใคร มีชีวิตอิสระ อย่างแท้จริงหรอกครับ ถ้าคุณนิยาม หรือให้จำกัดความมันแค่นั้น 

ผมไม่ได้จะบอกให้ใครที่คิดจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้เลิกคิดนะครับ แต่ให้คิดดีๆว่า ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก 

อิสระ หรือ ไม่อิสระ จริงๆแล้ว มันอยู่ที่ คุณรักในสิ่งที่คุณทำหรือเปล่า 

นักลงทุนอิสระ เขาดูมีอิสระ ก็เพราะ เขารักในสิ่งที่เขาทำ และเขาก็ทำได้ดีอีกด้วย 

ถ้าคุณรักในสิ่งที่คุณทำ คุณจะไม่คิดว่ามันเป็นงาน ไม่คิดว่ามันเป็นภาระ และการทำสิ่งที่เรารักต่างหาก ที่ทำให้เราเป็นอิสระจากความรู้สึกเป็นทุกข์ หรือถึงจะเป็นทุกข์ ก็มีกำลังใจที่จะฟันฝ่ามันไปให้ได้ ทำให้ทุกข์มันเป็นแค่ของชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านมา เป็นรสชาติของชีวิต แล้วเดี๋ยวก็ผ่านไป

พระพุทธเจ้าได้ให้แนวทางไปสู่ความสำเร็จ ด้วยหลักคำสอน คือ อิทธิบาท ๔ประกอบด้วย
๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

เห็นไหมครับ พระพุทธองค์ ก็เริ่มต้นให้หลักการด้วยการบอกว่า ต้องพอใจ และรักในสิ่งที่ทำเป็นอันดับแรก จะเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ เป็น นักลงทุนอิสระ อย่าเลือกที่ตัวเงินที่คุณคิดว่าจะทำได้ อย่าเลือกเพียงเพราะเห็นคนอื่นเขาทำได้ดี แล้วอยากเอาอย่าง ถ้ายังเลือกไม่ได้ จริงๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องเลือกเลยครับ เอาอาชีพ นักลงทุน เป็นอาชีพรอง ทำไปควบคู่กับอาชีพหลัก ใช้เวลาว่างมาหาความรู้ นอกจากใช้แรงงานตัวเองแลกเงินแล้ว เราก็สามารถใช้เงินทำงานด้วยไปพร้อมๆกัน ต่อเมื่อคิดว่าพร้อมเมื่อไหร่ จะเลือกตอนนั้นก็ไม่สาย  

หนทางสู่ความสำเร็จ และความสุขที่ยั่งยืน คุณก็น่าจะรู้ว่า มันไม่ได้วัดที่ตัวเงิน 

ส่วน จะวัดด้วยอะไร ผมว่าคุณก็รู้คำตอบ เพียงแต่บางครั้ง ก็ต้องมีเพื่อนร่วมทางคอยย้ำ คอยสะกิดให้เรากลับมาอยู่บนทางเดินที่ถูกที่ควร หลงทางไปเมื่อไหร่ ไม่รู้อีกกี่ภพกี่ชาติถึงจะกลับมาเจอทางสายนี้นะครับ อย่าประมาทเชียว


 



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP