วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๒๘


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



“ยายหอมแกเป็นแม่ค้ารุ่นแรกของตลาดทรัพย์ยั่งยืน สมัยโน้นแกค้าขายดี มีแผงใหญ่ในตลาด แต่ชีวิตคนมันเอาแน่ไม่ได้ แกโดนลูกผัวผลาญเงินจนหมด ต้องอยู่อย่างลำบาก พอผัวตาย ไม่เหลือสมบัติอะไร พวกลูกก็ทิ้งแกไปอยู่ที่อื่น...ยายหอมไม่มีทางไป ไม่มีเงินเซ้งแผงเดิมของตัวเอง ไปกราบเท้าขอร้องคุณยายให้แกได้ค้าขาย ทำมาหากินที่นี่ ตอนแรกคุณยายแกไม่สนใจหรอก แต่แม่พี่ช่วยพูดให้ยายหอมเลยมีแผงเล็กๆ ท้ายตลาด อาศัยขายผัก ขายของเล็กๆ น้อยๆ พอกินอยู่ไปวันๆ”

รุ่งรตีฟังแล้วหดหู่

“แล้วเรือนแถวเก่าๆ หลังตลาดนี่ล่ะ คุณย่าแกสร้างไว้ให้พวกแม่ค้าที่นี่หรือคะ”

“เรือนแถวนี้สร้างตั้งแต่สมัยปู่ของรุ้งตั้งตลาดแล้ว ทีแรกให้พวกพ่อค้าแม่ค้าเช่าเก็บของ ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นเช่าอยู่ ส่วนพวกรุ่นใหม่ๆ ก็มาอยู่กันเป็นครอบครัว เพราะหาที่อยู่อื่นไม่ได้”

“น่าสงสารจัง ทำไมคุณย่าแกถึงไม่ปรับปรุงใหม่ สร้างให้มันดีหน่อย” รุ่งรตีสงสัย

“คุณยายแกไม่รื้อทิ้งขยายทำตลาด ทำที่จอดรถก็บุญแล้ว ค่าเช่าที่นี่เก็บได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จะไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นก็ไม่ได้ แต่ละคนก็คนเก่าคนแก่ไม่มีทางไปทั้งนั้น”

เชนไม่ได้เล่าละเอียด คุณนายพวงทองมีโครงการจะรื้อไม่ต่ำกว่าสามสี่ครั้ง ไม่ก็จะขอขึ้นค่าเช่าให้มันสมกับสภาวะปัจจุบัน แต่ได้คุณจิตใสยับยั้งไว้ อ้างว่ายังไงก็คนเก่าคนแก่ เป็นแม่ค้ารุ่นแรกเห็นกันเหมือนญาติ ถือว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป

คุณนายพวงทองไม่ได้ฟังคุณจิตใสสักเท่าไหร่ สายตามองผลประโยชน์อย่างเดียว คุณจิตใสต้องเปลี่ยนวิธี บอกว่าเรือนแถวนี้อยู่ด้านหลัง จะรื้อทำอะไรก็ไม่คุ้มค่า สู้ทำตึกแถวด้านหน้ายังจะได้ประโยชน์เสียกว่า

ครั้งนี้คนกล่อมต้องเสียเวลา เปลืองสมองไปมาก กว่าคุณนายพวงทองจะคล้อยตาม การเปลี่ยนใจของคุณนายพวงทองไม่ใช่ว่าเห็นด้วยกับเหตุผล แต่ไม่อยากคัดค้านรุนแรงกับหลานสาวตนเอง คุณจิตใสเป็นบุคคลเดียวที่คุณนายพวงทองไว้ใจได้ ที่ยอมคล้อยตามก็เพื่อผูกใจไว้ให้ช่วยทำงานนานๆ

“แหม...ตอนนี้มันคนละยุคกันแล้ว ถ้ามีโอกาสรุ้งจะบอกพ่อให้มาปรับปรุงที่นี่ใหม่ดีมั้ย”

หญิงสาวเสนอความคิดที่ดูว่าเข้าท่าแล้ว

“คงยากจ้ะ” เชนพอจะรู้ระบบบริหารของตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล “ตอนนี้คนดูแลตลาดคือน้าศรีนวลกับน้าจี ไม่ใช่น้าลักษณ์”

“อ้าว...” อีกครั้งที่รุ่งรตีแสดงความโง่ออกไป

“เอาเถอะ...ยายหอมแกไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก ปล่อยให้แกอยู่อย่างที่เคยน่ะดีแล้ว รุ้งเห็นแกมีสีหน้าลำบาก ทุกข์ร้อนอะไรบ้างหรือเปล่าล่ะ”

“นั่นสิ” รุ่งรตียอมรับ “ขนาดว่าแกไม่มีเงิน ไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง แต่สีหน้าท่าทางแกดูเหมือนจะมีความสุขสบายกว่าพ่อของรุ้ง ที่มีทั้งบ้าน ทั้งเงินทองเต็มบัญชีซะอีก”

เชนไม่ตอบคำ รอยยิ้มระบายเกลื่อนใบหน้า อย่างน้อยวันนี้เขาได้ทำประโยชน์ ดึงคุณหนูบนหอคอยให้ลงมาติดดิน รู้จักชีวิตจริง แม้เพียงเล็กน้อยผิวเผิน มันก็ทำให้รุ่งรตีรู้จักคิดมากขึ้น

...คนเรา...ขอให้ “คิด” เป็น “รู้” เป็น ย่อมมีโอกาสพัฒนาตัวเองขึ้นแน่นอน...



รามอยู่ในบ้านเสมือนปราการใหญ่โต แข็งแรง รักษาความปลอดภัยเป็นเลิศ เขาควรวางใจเป็นสุข ทว่า ตลอดทั้งวันราวมีไฟสุมหัวอก เผารุมไม่ผ่อนพัก จะนั่ง จะนอนร้อนไปหมด

วันนี้...๑๕ มิถุนายน...

ต่อให้ไม่เชื่อความฝันหลาน ไม่ใส่ใจคำเตือนญาติผู้พี่ แต่จะมากจะน้อยในใจก็หวั่นไหว

รามรู้จักตัวเอง...หากวันนี้จะมีเหตุให้เสียชีวิต รับรองไม่ใช่ป่วยตาย...ร่างกายเขาแข็งแรงเท่าที่คนวัยห้าสิบเศษจะแข็งแรงได้ ฉะนั้นความตายต้องมาจากบุคคลอื่น

เพราะคิดเช่นนี้จึงวางกำลังป้องกันแน่นหนาขนาดนี้

เพราะคิดเช่นนี้ตลอดทั้งวัน จึงเฝ้าค้นหา ศัตรูคือใครกันแน่

ยิ่งคิด ยิ่งค้น ยิ่งพบ...ตนเองสร้างศัตรูไม่น้อย...ผูกรอยแค้นหลายราย...ตอนนี้ถ้าคนเหล่านั้นบุกมาแก้แค้นพร้อมกันทั้งหมด กองกำลังป้องกันคงยากจะต้านรับไหว

ความรู้สึกผิดวูบไหวในใจเป็นพัก ก่อนจางหาย...รามเคยรู้สึกผิดรุนแรงครั้งเดียว...ตอนที่ทำบาปครั้งแรก

ครั้งนั้น...เขาผ่านความรู้สึกผิดมาได้เพราะคิดว่า...ทำบาปเพื่อแม่...


 

“ราม...แม่มีเรื่องสำคัญอยากให้แกทำ”

“ได้ครับ” เขาตอบโดยไม่ถามสักคำ แม่จะให้ทำอะไร

“เรื่องนี้มันไม่ใช่งานง่ายๆ...แม่ไม่อยากให้แกทำหรอก...แต่มันจำเป็น”

“งานอะไรครับแม่”

“เก็บน้ารุ่งของแกซะ”

เสียงของแม่เยียบเย็นจนเขาหนาวยะเยือก

“รุ่ง” น้าชายคนเล็ก เป็นนักเลงหัวไม้ เมื่อก่อนทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน อาศัยมาขอเงินแม่ใช้เป็นพักๆ หลังจากพ่อตาย แม่ได้เป็นเจ้าของตลาด น้ารุ่งก็ขอมาควบคุมดูแลตลาด แต่แม่ไม่ยอม พอน้ารุ่งเซ้าซี้มากๆ แม่จึงหาทางออกให้ตัวเอง

บริษัทขนส่งมาขอเช่าที่ดินแม่ทำท่ารถ แม่ให้น้ารุ่งไปเป็นคนคุมคิวรถทัวร์ ดูแลความเรียบร้อย เวลานั้นเขายังเรียนอยู่ จึงไม่รู้แม่กับน้ารุ่งทำอะไรบ้าง จนได้สัมปทานเดินรถเป็นของตัวเอง

ด้วยความฉลาดลงทุนของแม่ กิจการเดินรถก้าวหน้า จนมีอู่ต่อรถทัวร์เป็นของตัวเอง น้ารุ่งก็ก้าวขึ้นมาดูแลผลประโยชน์เรื่องทางนี้เต็มตัว

รามไม่ถาม ทำไมแม่สั่งฆ่าน้ารุ่ง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นความผยอง ยโส มองไม่เห็นหัวใครที่น้ารุ่งแสดงต่อแม่มาตลอด คล้ายน้ารุ่งกำความลับของแม่เอาไว้ ยิ่งช่วงหลังกิจการเดินรถและอู่ไปด้วยดี น้ารุ่งก็เข้ามาขอให้แม่โอนกิจการนี้แก่ตนเองเสียเฉยๆ

เขาไม่เข้าใจ เหตุใดแม่ถึงปฏิเสธเด็ดขาดไม่ได้ ทั้งที่กิจการนั้นรุ่งเรืองด้วยกำลังเงิน มันสมองของแม่ น้ารุ่งแค่คนออกแรง ซึ่งได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าลูกจ้างทั่วไปอยู่แล้ว

น้ารุ่งคงกำความลับของแม่จริง และกำลังใช้ความลับนั้นบีบให้แม่ยกกิจการที่กำลังดีวันดีคืนให้กับตน

รามไม่สนใจน้ารุ่งรู้ความลับอะไรของแม่...ถ้าแม่สั่งให้ฆ่าน้ารุ่ง เขาก็จะทำ...ทั้งที่ตอนนั้นไม่เคยฆ่าใครมาก่อน

รามไม่ใช่คนโง่ เข้าใจที่แม่ไม่สามารถจ้างมือปืนหรือคนนอกให้มาเก็บน้ารุ่ง เพราะถ้ามันถูกจับ ย่อมต้องซัดทอดถึงแม่ ส่วนคนไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยอย่างเขา ถ้าวางแผนดีๆ ตำรวจยากสืบสาวมาถึง หรือหากพลาดถูกจับ เขาย่อมไม่ซัดทอดถึงแม่...แค่ให้การว่าทำไปด้วยความแค้นเคืองน้าชายส่วนตัวก็จบ...แม่รอด...น้องทุกคนไม่เดือดร้อน

ฉะนั้น...เพื่อแม่เขาต้องทำ

ฆ่าคน...ใครว่าง่าย...เขาอาจวางแผนฆ่าน้ารุ่งได้รัดกุมจนตำรวจสาวมาไม่ถึง ไม่มีใครรู้ฆาตกรตัวจริงเป็นแค่คนหนุ่มอายุเพิ่งยี่สิบ ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย...ถึงอย่างนั้น กว่าเขาจะลั่นไกปืน ต้องผ่านสมรภูมิในจิตใจนับร้อยยก

ประสบการณ์ฆ่าคนครั้งแรกไม่น่าสนุกตื่นเต้นเอาเสียเลย มีแต่ความน่าสะอิดสะเอียน คราบเลือด โหดร้าย ภาพหลอนติดตา ติดใจ กับความร้อนรุ่มสุมอก หวาดกลัว รู้สึกผิดแผดเผาใจไม่ผิดกับตกนรกทั้งเป็น

เขาเก็บตัวเป็นเดือน เกือบเป็นบ้ากับภาพหลอนติดตา พอเริ่มฟื้นตัวได้ แม่ก็ให้รางวัลด้วยการยกเป็นผู้ดูแลกิจการเดินรถและอู่เต็มตัว นั่นคือเดินสู่ถนนสายมืดทีละก้าว จนเขาไม่รู้สึกผิดอีก หากต้องปัดเศษสวะชีวิตใครให้พ้นทางเพื่อธุรกิจของตนไม่มีขวากหนาม

ความรู้สึกผิดหายไปจากใจเขาจนถึงวันนี้...วันที่อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นวันตายของตัวเอง

การมีโอกาสนึกทบทวนค้นหาศัตรูในความมืด เหมือนการตามเก็บรายละเอียดการกระทำความผิดตนเองในอดีต...แม้รู้ว่าหลายสิ่งทำเพื่อแม่ เพื่อกิจการ ครอบครัว ยอมให้มือเปื้อนเลือดเพื่อแม่และน้องปลอดภัย แต่บาปนั้นใช่ว่าจะได้รับการลดหย่อน อภัยโทษ



กลับมาถึงบ้าน เชนขอตัวไปดูแลงานที่ร้าน โดยบอกกับรุ่งรตีว่า ไม่ลืมสัญญาจะทำอาหารมื้อเย็นให้กิน หญิงสาวขี้เกียจตามไปนั่งดูเชนทำงานที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง จึงเลือกนั่งเล่นช่วยพ่อเชนขายต้นไม้ที่ร้านใกล้กัน

ร้านต้นไม้เวลานี้ ไม่ค่อยเหมือนร้านต้นไม้ตอนแรกที่รุ่งรตีมาเยือนเท่าไหร่ หน้าร้านถูกจัดใหม่แบบร้านขายดอกไม้ ต่างกันแค่ ดอกไม้ที่นี่ขายทั้งกระถาง

รุ่งรตีออกไอเดียแต่งหน้าร้านโชว์ดอกไม้ กระถางสวยๆ ทุกกระทางเพ้นต์สีด้วยฝีมือหล่อนเอง แต่ละลายไม่ซ้ำกัน บางทีทำเป็นคอลเลคชั่นหลายชุด จัดเรียงวางสะดุดตา รวมกับดอกไม้สีสวย ทำให้คนผ่านอดแวะซื้อหาติดมือไม่ได้

หญิงสาวพบนายพลทางธรรมเจ้าของร้านตัวจริงนั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้ด้านใน หน้าร้านปล่อยให้เด็กสาวลูกจ้างคอยดูแล

“สวัสดีค่ะคุณลุง” รุ่งรตียกมือไหว้ทักทาย “คุณป้าอยู่ที่ร้านโน้นหรือคะ”

“จ้ะ”

คำตอบเดียวใช้ได้ทั้งรับคำทักทายและตอบคำถาม

“เป็นยังไง ไปไหนกันมา” ท่านนายพลเห็นลูกชายจอดรถเข้าบ้าน ปล่อยหญิงสาวมาที่นี่

“ว่าจะแวะไปหาลุงรามน่ะค่ะ แต่แกงดรับแขก พี่เชนเลยพาไปเดินเที่ยวตลาด”

“สนุกมั้ย” คำถามแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก

“ที่ไหนคะ บ้านลุงรามหรือตลาด” รุ่งรตีแกล้งถาม

“แล้วที่ไหนสนุกกว่ากัน” ผู้อาวุโสเปลี่ยนคำถามใหม่

“คงต้องบ้านลุงรามนั่นแหละ” หญิงสาวย่นจมูกกึ่งหมั่นไส้กึ่งขำขัน “มีคนเต็มบ้านเลยน่าสนุกเชียว ไม่รู้แกไปหาทหารรับจ้างมาสร้างกองทัพส่วนตัวหรือเปล่า ทำอย่างกับจะออกรบกับใคร”

รุ่งรตีอาจพูดเกินจริงบ้าง ความที่เห็นสภาพบ้านรามแล้ว มันชวนให้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

ท่านนายพลไม่ตอบ ลองส่งจิตแตะสัมผัสจิตรามแวบหนึ่ง รู้สึกถึงความกระวนกระวายไม่อยู่สุข เหมือนตกในกระทะร้อนๆ ดิ้นรถหาทางออกไม่ได้ นึกปลงในใจ...คำเตือนด้วยความหวังดีของคุณจิตใส จะทำให้เกิดผลตรงข้ามหรือไร

“พ่อของรุ้งรู้เรื่องความฝันนั้นหรือยัง” ผู้เป็นลุงถาม

“ยังหรอกค่ะ” รุ่งรตีถอนใจ “รุ้งหาจังหวะบอกไม่ได้เลย ช่วงนี้พ่อยุ่งเอามากๆ กลับบ้านค่ำมืด มาถึงก็ปิดประตูทำงาน กับรุ้งเองพูดจากันแค่วันละคำสองคำ รุ้งพยายามหาโอกาสบอกก็ไม่มีสักที ไม่รู้จะทำยังไง”

“คงงานยุ่งจริงละมั้ง” ผู้อาวุโสเอ่ยเป็นกลาง

“น่าจะใช่ค่ะ เห็นพวกลูกจ้างในบ้านนินทากันว่าพ่อกับลุงทะเลาะกัน งัดข้อกัน พ่อเลยต้องหาวิธีรับมือกับลุง ไม่รู้ว่าทำอะไรไปถึงไหนแล้ว”

“รุ้งว่ายังไงล่ะ” ท่านนายพลผู้รักสงบถามชวนคุยเรื่อยๆ

“บอกตามตรง รุ้งไม่ค่อยสนใจเรื่องงาน เรื่องสมบัติอะไรของพ่อของลุงสักเท่าไหร่ ยอมรับว่าที่บ้านรวยจริงๆ สมบัติก็เยอะจริง จะว่าไปแบ่งกันดูแลก็ดีอยู่แล้ว ไม่รู้จะทะเลาะกันทำไม”

หญิงสาวพูดอย่างคนไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง

นายพลทางธรรมมองหญิงสาว สัมผัสถึงความอ่อนโยน ห่วงหวงสมบัติน้อย...อาจเพราะหล่อน “มี” ตั้งแต่เกิด จึงไม่คิดแก่งแย่ง แข่งขันอะไร...ผิดกับคนรุ่นพ่อรุ่นลุง ซึ่งเคยลำบากมาก่อน ต้องทำงานบุกเบิกมากกว่าครึ่งชีวิตจึงหวงแหน ติดยึดและกลัวการสูญเสียอย่างยิ่ง

“ทั้งราม ทั้งลักษณ์ เขาเหนื่อยมาตลอดกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่แปลกหรอก เพราะของที่ได้มายาก เขาก็หวงมาก”

“แต่แหม...รวยขนาดนี้ ก็น่าจะพอได้แล้วนะคะ” รุ่งรตีพูดอย่างใจคิด

คำพูดนี้เรียกรอยยิ้มผู้อาวุโส

“ความพอ...มันอยู่ที่ปริมาณความต้องการในใจคน...คนไหนต้องการมาก มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ...รู้จักพอยาก...คนไหนรู้จักพอ มีความต้องการน้อย...ไม่มีอะไรเลยก็พอใจได้...ความพออยู่ใกล้ตัวนี่เอง”

รุ่งรตียิ้มตาม หัวใจอบอุ่นประหลาด

“แหม...รุ้งอยากให้พ่อมาได้ยินที่คุณลุงพูดจัง”

นายพลทางธรรมไม่ตอบคำ...คำพูดบางคำ สามารถทำให้บางคนจิตใจเต็มตื้น มีปัญญามองเห็นธรรมะ แต่คำพูดเดียวกัน นำไปถ่ายทอดต่ออีกคน กลับไม่เกิดประโยชน์ใดเลย

“เฮ้อ...รุ้งอยากให้ลุงรามแกผ่านวันนี้ได้จัง จะได้ยืนยันว่า ความฝันของรุ้งกับพี่เชนมันผิดเพี้ยน” หญิงสาวปรับทุกข์แกมบ่น

“หลานพูดเหมือนไม่สบายใจที่ฝันเป็นลางบอกเหตุแบบนี้” ท่านนายพลถามหยั่งใจ

“ตอบตรงๆ ก็ใช่ค่ะ” รุ่งรตียอมรับ “ตั้งแต่ตอนอาสีดาแล้ว รุ้งเห็นทุกอย่างชัดเจนมากในฝัน ซึ่งมันตรงกับความจริงจนน่ากลัว”

หล่อนถอนใจ หยุดเล่าชั่วครู่ แล้วพูดต่อเหมือนต้องการระบายความในใจกับคนที่ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเรื่องราวใด

“ยิ่งคุณย่ามาบอกเรื่องโน้น เตือนเรื่องนี้ จนมันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา รุ้งก็ชักผวา...การที่เราได้รู้เรื่องร้ายๆ ก่อนมันจะเกิดนี่ ช่างทรมานใจจริงๆ”

ผู้อาวุโสยิ้มอ่อนโยน

“รุ้งต้องรู้จักวางใจเป็นกลาง...ยอมรับให้ได้ว่า...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...ทุกสิ่งมีเหตุมีผลของตน...ใครก็ไปเปลี่ยนแปลงกรรมคนอื่นไม่ได้”

“รู้ล่วงหน้า...แต่เปลี่ยนแปลงไม่ได้มันจะมีประโยชน์อะไรคะ”

หญิงสาวถามเสียงอ่อน ไม่มีน้ำเสียงก้าวร้าวลองภูมิ

“ก็ให้รู้...ว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้...” คำตอบง่าย แต่ฟังยาก รุ่งรตีขมวดคิ้วสงสัย ผู้สูงวัยกว่ายิ้มละไม อธิบายเพิ่มเติม

“เมื่อเรารู้ว่า...ไม่อาจเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่...จำต้องดำเนินไปอย่างนั้น มันจะทำให้เราเข้าใจได้ว่า...มนุษย์เรา...ไม่อาจบังคับ ควบคุมอะไรได้เลย...แม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิด...จิตใจของเราเอง”

หญิงสาวนิ่งงันนาน...ห้วงสมองปรากฏแสงแวบของความเข้าใจบางอย่าง

มนุษย์...ไม่อาจควบคุม บังคับอะไรได้...ทุกสิ่งต่างมีครรลองของมัน...

“แล้ว...” รุ่งรตีถามเสียงแผ่ว...ไม่แน่ใจ “คุณลุงว่า...ลุงรามจะผ่านวันนี้ไปได้มั้ยคะ”

พูดจบก็นิ่งฟัง ไม่ต่างจากรอคำพิพากษา ส่วนลึกอยากให้รามผ่านรอดปลอดภัย จะได้ยืนยันความฝันผิดพลาด ยิ่งกว่านั้นรุ่งรตีเชื่อว่า หากรามรอด พ่อหล่อนย่อมรอดด้วยเช่นกัน

“หลังจากที่เราทำทุกอย่างที่ควรทำไปแล้ว” นายพลทางธรรมพูดช้าๆ “ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้...คือเฝ้าดู...ไม่ใช่คาดเดา”

รุ่งรตีอึ้ง...งัน...คำตอบของผู้อาวุโสบอกอะไรบางอย่าง...เฝ้าดูคืออยู่กับปัจจุบัน...ไม่ใช่คาดเดา...เอาตัวเองไปเกาะเกี่ยวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง...



บุญส่งรายงานผู้ต้องสงสัยให้รามฟังหลายราย พิจารณาแล้วไม่น่าเข้าข่ายบุคคลจะมาลอบทำร้ายเขาได้ นึกเหนื่อยหน่าย ถามตัวเอง...มาทำบ้าอะไรอยู่อย่างนี้...หดหัวเหมือนเต่าในกระดองทั้งที่มีเรื่องต้องทำอีกมากมาย

...เอาเถอะ...แค่วันเดียว...เสียงหนึ่งดังขึ้น...แค่วันเดียวไม่หนักหนาอะไรนัก ผ่านวันนี้ไปได้ก็ไม่มีอะไรให้ห่วงอีกแล้ว

คิดได้ค่อยคลายใจ...วันที่เคร่งเครียดผ่านไปจนค่ำ...รับประทานอาหารฝืดคอ...ไล่เมียไปนอนอีกห้องเพื่อความปลอดภัย ตรวจดูการจัดระวังเวรยามเรียบร้อย พอใจ จึงเตรียมตัวเข้านอน

...ขอให้ผ่านคืนนี้ไปด้วยดีทีเถอะ...รามบอกตนเองอีกครั้ง

หลับตานอนยากเย็น นับเป็นราตรีที่แสนยาวนานสำหรับเขา...จะเป็นอย่างไร ถ้าหลับตานอนคืนนี้โดยไม่อาจเห็นตะวันรุ่งวันพรุ่งนี้

รามผุดลุกผุดนั่งอยู่บนเตียง พยายามสั่งตนเองให้นอนหลับ ร่างกายไม่ยอมเชื่อฟัง ดื้อรั้น สติตื่น ตาค้างจนยอมแพ้ นอนลืมตานิ่ง ปล่อยให้พายุความคิด ฟุ้งซ่านพัดพาตามยถากรรม

ถึงจุดหนึ่งร่างกายผ่อนคลาย พายุในหัวซาลง รามเคลิ้มเข้าสู่นิทรารมย์ ช่วงเวลาที่เคลิ้มครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น รู้สึกในห้องเริ่มหนาวเย็นยะเยือกกว่าปกติ ทั้งที่ควบคุมอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไว้พอเหมาะ

หูแว่วเสียงสายลม กิ่งไม้ซัดซ่า เสียงเหล่านี้ไม่ควรเล็ดลอดในห้อง...มันย่างกรายเข้ามา...มาพร้อมกับเสียงบางอย่างฟังประหลาดหู ชวนเสียวสันหลัง

ครืด...ครืด...เสียงล้อเลื่อนรถเข็น กำลังวนเวียนรอบห้อง เสียงนั้นบาดลึกความรู้สึกคนคุ้นเคย...เขาเคยได้ยินเสียงนี้มาแล้ว...เสียงของใครกัน

รามพยายามเปิดเปลือกตายากเย็น ตกภวังค์ครึ่งหลับครึ่งตื่น สติสัมปชัญญะไม่อาจทำงานเต็มที่

หูแว่วเสียงกระซิก กระซิกสะอึกสะอื้นใกล้ๆ ไม่ห่างจากเตียงเท่าไหร่

...ใครน่ะ...รามร้องถามออกไปในความคิด เสียงกึกก้องสะท้อนไปมาในหัวก่อนจางหาย

ครืด...ครืด...เสียงรถเข็นเลื่อนใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาจนรามสัมผัสกลิ่นอายอาคันตุกะรัตติกาลชัดเจน

มันใกล้จนเหมือนอยู่เหนือหัวเขานี่เอง

รามลืมตาเต็มที่ พบความมืดโดยรอบดังฉากกั้น...และนั่น...เจ้าของเสียงสะอื้นกระซิกอยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ

...คุณนายพวงทอง...แม่ของเขากำลังชะโงกหน้าจากรถเข็น มองเขาด้วยน้ำตานองหน้า




บทที่ ๒๓



ความกลัวอันเย็นยะเยียบวูบผ่าน ชาซ่านทั้งร่าง เป็นความกลัวเฉียบพลันไม่ทันตั้งตัว ก่อนสติจะติดตามมา...

ทำไมต้องกลัว...นี่แม่แท้ๆ ...แม่มาหาควรยินดีสิ...

ความรู้สึกพลิกเปลี่ยน ภาพคุณนายพวงทองค่อยพร่าเลือน

“แม่...จะไปไหน...กลับมาก่อน” รามร้องตะโกนก้องในใจ

มันไร้ผล คุณนายพวงทองถอยห่าง ไกลออกไป ไกลออกไป ดวงตาเศร้าโศก น้ำตานองหน้านั้น ติดตรึงความทรงจำราม เสียงสะอื้นไห้กระจ่างชัดเต็มโสตประสาท



รามผ่านวันที่ ๑๕ มิถุนายนมาอย่างปลอดภัย ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากทุกคนในบ้านเขา

เช้าวันที่ ๑๖ รามทำงานตามปกติ ราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ตึกเทศบาล อู่รถทัวร์ ทุกอย่างไม่ต่างจากวันอื่น

คนที่ดีใจกับข่าวนี้ที่สุดคงเป็นรุ่งรตี นี่คือคำยืนยันว่าความฝันของหล่อนกับเชนผิดพลาด เมื่อเรื่องของรามผิดพลาด คนอื่นย่อมเป็นเช่นเดียวกัน

รุ่งรตีตัดสินใจไม่เล่าเรื่องความฝันกับลักษณ์ เชื่อว่าบิดาตนผ่านเรื่องเลวร้ายอันตรายแล้ว ขืนเล่าให้ฟังจะพานไม่สบายใจ

“ก็ดีจ้ะ” เชนเห็นด้วย น้ำเสียงไม่ปลอดโปร่งเท่าที่ควร

“บอกว่าดี ทำไมหน้ายังเครียดอยู่” รุ่งรตีตั้งข้อสังเกต

ชายหนุ่มรู้ทันอารมณ์ตน ยังมีม่านขุ่นบางปกคลุม

“ก็ดีที่รุ้งยังไม่ได้บอกน้าลักษณ์ แต่พี่ยังไม่วางใจเต็มที่”

“คิดมากไปหรือเปล่า” หญิงสาวเอียงคอมองล้อเลียน

เชนหัวเราะเบาๆ

“อาจเป็นได้จ้ะ”

ถึงปากยอมรับเช่นนั้น ในใจยังกังวล แว่วเสียงนาฬิกาดังติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก เป็นจังหวะ...นาฬิกาชีวิตบางคน...นี่อาจเป็นการรอยคอยเวลา...เวลาอะไรยากจะบอก มันเป็นเรื่องที่เชนไม่กล้าคาดเดาล่วงหน้า



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP