วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๑๔


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



 

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


คืนสวดศพสุดท้ายของสีดา

เป็นคืนวันพระที่นายพลทางธรรมกับคุณจิตใสไปถือศีลอยู่วัดมาไม่ได้ พรุ่งนี้จะมาร่วมงานเผาทีเดียว เชนจึงเป็นตัวแทนฟังสวดศพแทนพ่อแม่โดยปริยาย

คืนนี้เชนยังไม่พบเหล่าน้าต่างสายเลือด ไม่แน่ใจยังไม่มาหรือจงใจไม่มา สวดศพคืนสุดท้ายพวงหรีดแขวนเต็มศาลา ติดป้ายชื่อคนใหญ่คนโต ที่เด่นสะดุดตากว่าคนอื่นเป็นพวงหรีดจากพี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล นายภาสกรหัวหน้าพรรคการเมือง และที่เล่นเอาทุกคนแปลกใจคือพวงหรีดจากนายกรัฐมนตรี

หลายคนเห็นอย่างนี้ พอจะเดาเส้นทางการเมืองของพี่ชายใหญ่ผู้ตายไม่ยาก รามจะเติบโตบนถนนการเมืองลักษณะใด

เชนมองผ่านพวงหรีดอย่างไม่สนใจ นั่งเก้าอี้ด้านหลังรอฟังสวดศพเหมือนแขกคนอื่น เห็นพิทักษ์กำลังต้อนรับแขกผู้ใหญ่ คนใหญ่คนโตอย่างนอบน้อม เหน็ดเหนื่อย ห่างออกไปไม่กี่ก้าวมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งมองพิทักษ์ ชนิดไม่ยอมให้คลาดสายตา

เชนสะดุดใจ เขาไม่เคยพบหญิงสาวคนนี้ แต่อากัปกิริยาหล่อนบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยเจ้าภาพไม่ใช่แขกทั่วไป ยิ่งการมองเกาะติดเช่นนี้มันคล้ายการแสดงความเป็นเจ้าของโดยที่ใครสังเกตหน่อยก็เห็น

...หล่อนเป็นใครกันแน่...หญิงสาววัยยี่สิบปลาย รูปร่างหน้าตาสร้างเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้าม แต่งกายชุดดำแต่ชุดดำนี้น่าให้แต่งออกงานราตรี รื่นเริงมากกว่าไว้ทุกข์แก่ผู้ตาย

เชนละสายตาจากหญิงสาวคนนั้น หากมองต่อไปอาจโดนแรงดึงดูดหล่อนเข้าให้ไม่รู้ตัว พอเลื่อนสายตาก็พบหญิงสาวอีกคน เรือนร่างสูงเพรียว ใบหน้าสวยสะดุดตา ตกแต่งเครื่องหน้าเข้มชนิดใครเห็นต้องเหลียวหลัง มาในชุดดำเช่นเดียวกัน แม้ไม่ใช่ชุดดำออกงานราตรีเหมือนหญิงสาวอีกคน แต่ก็ไม่ใช่ชุดดำที่สมควรแต่งมางานศพแน่ สไตล์การแต่งตัวมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ยิ่งก้าวเดินเคลื่อนไหวด้วยกิริยามั่นใจตัวเอง ยิ่งน่าดูกว่าทุกคนในงานนี้

เจ้าหล่อนหันมาทางเชน เหมือนรู้มีสายตาจ้องมอง สายตาสบกันเกิดรอยยิ้มสองฝ่าย หญิงสาวคนนี้เชนรู้จัก...รุ่งรตี

มาคนเดียวเหรอพี่เชน... รุ่งรตีทักก่อน

จ้ะ...แล้วรุ้งล่ะ มากับน้าลักษณ์หรือ

เปล่า เจ้าหล่อนย่นจมูก ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ รุ้งมาคนเดียว กะว่าจะออกไปเที่ยวต่อ

เชนยิ้มในหน้า รู้ทัน

หญิงสาวหัวเราะ

แหม เกลียดจัง คนรู้ทัน รุ่งรตีไม่อยากบอก คนอย่างหล่อนถ้าจะออกมาเที่ยวซะอย่าง ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างก็ได้

แล้วจะอยู่ฟังสวดจริง หรือแค่มาในงานให้คนเห็นหน้า เชนถามดักคอ

ฟังสวดจริงสิ

หญิงสาวแกล้งยิ้มไร้เดียงสา ที่จริงกะไว้แล้ว พระสวดเสร็จเมื่อไหร่ก็ใกล้เวลาสถานที่เที่ยวเริ่มมีคนมา

ดีใจจังที่ได้เจอพี่เชน ทำไมคุณลุงคุณป้าไม่มาด้วยล่ะ

วันนี้วันพระ พ่อแม่ไปอยู่วัด ถือศีล

ถ้าได้ยินจากคนอื่น รุ่งรตีคงทำคอย่นนึกยี้ แต่หล่อนมีความเคารพลุงป้าคู่นี้ จึงเกิดความละอายใจขึ้นมา

วันพระอย่างนี้ หล่อนยังคิดไปเที่ยวกลางคืน หาเรื่องผิดศีลอีก

พระเริ่มสวด รุ่งรตีนั่งข้างเชนฟังสวดร่วมกัน บทสวดที่ยืดยาวฟังไม่เข้าใจสักคำ ทำเอาผู้ฟังบางคนเบื่อหน่าย รุ่งรตีก็อึดอัดนึกในใจว่าตนพลาดมหันต์ที่มาฟังสวดคืนนี้

พอเหลือบมองชายหนุ่มข้างๆ เห็นเขาไม่แสดงกิริยาอึดอัด รำคาญ มือประนมฟังสวดดูสบายเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืน สีหน้าละมุน นั่งข้างแล้วสบายใจ

รุ่งรตีรู้จักผู้ชายหลายคน ตั้งแต่หนุ่มไฮโซ สุดหล่อร่ำรวย ยันหนุ่มเซอร์ ติสต์ ติดดิน ไม่มีใครเหมือนเชน เขาเป็นคนง่าย สบาย มีจิตใจเอื้อเฟื้อ อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น เท่าที่พบกันยังไม่เคยเห็นเชนโกรธ มีท่าทีไม่พอใจกับอะไร น่าแปลก หล่อนกับเขาไม่ได้ห่างกันนักหนา นับเป็นคนครอบครัวเดียวกันยังได้ ทำไมถึงเฉียดไปเฉียดมาตลอด ไม่ค่อยมีโอกาสสนใจ ใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย

พระสวดเสร็จ เจ้าภาพมีข้าวต้ม กระเพาะปลาเลี้ยง รุ่งรตีขยับตัวเตรียมลุก เชนหันมาถาม

จะไปแล้วหรือ

อืมม์...พี่เชนไปเที่ยวด้วยกันมั้ย ไม่รู้คิดอะไร หล่อนถึงถามเขาเช่นนั้น

ตามสบายเถอะจ้ะ สีหน้าเขายังดูสบาย ไม่แสดงท่าดูถูก หมั่นไส้หรือสนับสนุนไล่ส่งแบบไม่จริงใจอย่างเคยเจอ

พอพบกิริยาเช่นนี้ รุ่งรตีเลยนึกไม่อยากเที่ยวเสียเฉยๆ

ถามจริงเถอะ พี่เชนมีแฟนรออยู่ที่บ้านหรือเปล่า หล่อนยิงคำถาม

ไม่มี เขาตอบพลางหัวเราะ ไม่คิดเจ้าหล่อนจะถามแบบนี้

ไม่มีแฟน หรือไม่มีแฟนรอที่บ้าน รุ่งรตีจี้คำถามต่อ

ทั้งสอง เขาตอบแล้วตั้งคำถามกลับ นึกยังไงถึงถามพี่แบบนี้

ก็... รุ่งรตีนึกเหตุผลไม่ถูก เห็นชวนไปเที่ยวแล้วไม่ไป

อยากให้พี่ไปด้วยจริงๆ หรือ

พอเขาถามสีหน้าจริงใจ รุ่งรตีก็ตอบไม่ถูก

ไม่หรอก แค่อยากมีเพื่อนเท่านั้นเอง ที่เมืองนี้ รุ้งไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นเดียวกันสักเท่าไหร่

รุ่งรตีพูดไม่ผิด หล่อนอยู่ต่างประเทศหลายปี เพื่อนวัยเด็กกระจัดกระจาย ลูกพี่ลูกน้องรุ่นเดียวกันยังเรียนต่างประเทศ ที่อยู่กรุงเทพฯก็ไม่สนิทกันนัก

เลยมาหาเพื่อนเที่ยวในงานศพนี่นะ เขาแซว

ได้ยินอย่างนี้รุ่งรตียิ้มแทน มองโลงศพที่ตั้งเด่นด้านหน้าเหมือนขออภัย แขกทยอยกลับกันมากแล้ว เก้าอี้รอบตัวว่างวาย วังเวง บอกไม่ถูก

ถ้ารุ้งบอกว่ามางานศพ เพราะนึกถึงอาสีดา...พี่เชนจะเชื่อมั้ยน้ำเสียงแปร่งแปลกจนเชนสังเกตชัด

นึกถึงในด้านไหน เขาเข้าประเด็นสงสัย รู้ว่าสีดากับรุ่งรตีไม่ใช่อาหลานที่สนิทสนมกัน กับคุณจิตใสยังคุ้นเคยด้วยมากกว่า

รุ่งรตีถอนใจหนัก ความฝันเกี่ยวกับสีดา คุณนายพวงทอง หล่อนไม่เคยบอกใคร คิดว่าคงไม่มีใครเชื่อ อาจมีบางคนหาว่าเรียกร้องความสนใจ ครั้งนี้เกิดความมั่นใจบางอย่าง คิดว่าน่าจะคุยเรื่องนี้กับเชนได้

รุ้งเคยฝันถึงอาสีดา คำพูดไม่มีต้นไม่มีปลาย

เชนตั้งใจฟัง แววตาไม่แสดงความแปลกใจ สงสัย

ฝันเห็นในคืนที่อาสีดาเสียชีวิต...

คำพูดต่อจากนั้นถูกถ่ายทอดอย่างละเอียด ทั้งถนนในฝันกับเส้นทางจริงที่พบ รถคันที่ขับในฝันกับรถจริงที่เกิดอุบัติเหตุ ยิ่งเล่าตัวเริ่มชา ความกลัวคืบคลานช้าๆ

พอรุ้งตื่นขึ้นมา ก็พบคุณย่านั่งบนรถเข็นอยู่ข้างเตียง

เหตุการณ์สุดท้าย อาจทำให้คนขวัญอ่อนขนลุกซู่ เผลอร้องกรี๊ดไม่รู้ตัว เชนผ่อนลมหายใจ พิจารณาเหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมด เขาไม่มีจิตสัมผัสเหมือนบิดามารดา ไม่อาจสืบสาวค้นหาที่มาที่ไปแท้จริง จึงพูดเท่าที่เข้าใจ

รุ้งน่าจะมีเซนส์นะ เขาบอก เพียงแต่ยังไม่เคยใช้ รุ้งมีจิตใจไม่หนักแน่นพอ เลยทำให้สิ่งที่เห็นมันแหว่งวิ่น

พี่เชนว่ามันจะเกี่ยวกับการตายของอาสีดามั้ย

ชายหนุ่มยิ้มแปลก

เห็นตำรวจบอกว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ

รุ่งรตีจับอารมณ์ขันในน้ำเสียงเขาได้

โธ่ พี่เชนก็รู้ พวกเราไม่มีใครเชื่อสักคนว่าเป็นอุบัติเหตุ แค่ตอบให้ได้ก่อนว่าอาสีดาขับรถออกไปทำอะไรทั้งที่ค่ำมืด ตัวเองไม่สบายอย่างนั้น ก็ไม่มีใครตอบได้

ประเด็นนี้เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ยังไม่มีใครหาคำตอบได้

อีกอย่าง ตอนรุ้งตื่นมาเจอคุณย่า ตอนนั้นมั่นใจว่าไม่ได้ฝันแน่ แค่สงสัยว่ามันเกี่ยวกับความฝันหรือเปล่า ยังไง

เชนพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า ไตร่ตรองช้าๆ สมควรเล่าเรื่องของตัวเองให้หล่อนฟังมากแค่ไหน

รุ้งเชื่อมั้ยว่าพี่เคยเจอวิญญาณคุณยาย เชนเป็นหลานยาย รุ่งรตีเป็นหลานย่า คำบอกเล่าเขาเหมือนคุยเรื่องธรรมดา

รุ่งรตีนิ่งอั้น มั่นใจผู้ชายคนนี้พูดจริง

คุณย่า... หล่อนเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่กล้าเอ่ยเต็มคำ ท่านว่ายังไงบ้าง

ชายหนุ่มมองทางโลงศพ เหลือบตาหาเจ้าภาพ เห็นพิทักษ์ยืนนอกศาลา กำลังส่งแขกคนสำคัญ มีผู้หญิงคนเดิมยืนอยู่ห่างๆ

ท่านบอกว่ามันเป็น...ฆาตกรรม ชายหนุ่มพูดแล้วอธิบายตาม ท่านบอกก่อนน้าสีดาจะตาย ตอนนั้นพี่ไม่รู้ว่าท่านพูดถึงใคร พยายามจะเตือนทุกคน แต่ก็ช้าไป

รุ่งรตีเกิดสังหรณ์แปลก คำเตือนนี้สร้างแรงสะเทือนแก่หล่อนไม่น้อย มันอาจไม่เจาะจงเตือนแค่สีดาคนเดียว น่าจะหมายรวมถึงลูกคุณย่าทุกคน

เราไปคุยที่อื่นดีมั้ย หญิงสาวชักรู้สึกไม่เหมาะคุยเรื่องพวกนี้ที่นี่

เชนมองรอบตัวแล้วเข้าใจ

ได้สิ จะไปที่ไหนดี

คราวก่อนพี่เชนเลี้ยงข้าวรุ้ง คราวนี้ขอรุ้งตอบแทนบ้างแล้วกัน หญิงสาวยิ้มเผล่ล้อเลียน

เอางั้นเหรอ เขาตอบกึ่งกระดากใจ

น่า...ไม่ต้องห่วงรุ้งจะจนหรอก ร้านที่จะพาไป อาจไม่ต้องเสียตังค์ด้วยซ้ำ

เชนขมวดคิ้ว มองหญิงสาว พบแววเจ้าเล่ห์ ขำขัน ค่อยนึกออก ร้านอาหารที่รุ่งรตีอาจไม่ต้องเสียเงิน เมืองนี้น่าจะมีร้านเดียว...ครัวพวงทอง...


ร้านครัวพวงทองมีผู้คนมาใช้บริการหนาตาเช่นเคน ขนาดทายาทเจ้าของร้านยังหาโต๊ะว่างไม่ได้ อาศัยที่เชนคุ้นเคยกับกัปตัน จึงได้โต๊ะมุมสงบ ไกลจากโต๊ะอื่นพอจะพูดจาส่วนตัว

ไปๆ มาๆ พี่เชนก็รู้จักร้านนี้ดีกว่ารุ้งอีกแล้ว หญิงสาวบ่น

มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่จ๊ะ เมื่อก่อนโน้นแม่พี่ก็เคยช่วยคุณยายดูแลร้านนี้เหมือนกัน

คุณจิตใสคือมือขวาคุณนายพวงทองช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ทำงานไว้ใจกันจนได้เป็นหนึ่งในผู้จัดการมรดก

พูดถึงคุณย่า... แค่เอ่ยชื่อหญิงสาวนึกเสียวสันหลัง ทำให้รุ้งคิดถึงตอนที่เจอกับพี่เชนที่โรงเจ แล้วได้ยินเสียงแปลกๆ รอบศาลา

ขนาดเล่าตอนนี้ยังขนลุก รุ่งรตีจำความกลัววันนั้นชัดเจน ทั้งบรรยากาศและเรื่องราวต่อเนื่องก่อนพบเชน ทุกอย่างประมวลแล้วชวนให้เชื่อว่า...คุณนายพวงทองยังไม่ไปไหน...

พี่คิดว่าคุณยายคงอยู่ที่โรงเจ เชนบอก

รู้ได้ยังไง รุ่งรตีสงสัย

เพราะพี่รับการติดต่อจากคุณยายครั้งแรกที่นั่น

ประโยคนี้เพียงการเริ่มต้น เรื่องราวที่ติดตามต่อมา หญิงสาวฟังแทบลืมหายใจ ประสบการณ์ของเชนกับวิญญาณคุณนายพวงทอง ไม่ต่างจากเรื่องสยองขวัญเรื่องนึงจริงๆ

ไม่อยากเชื่อเลย รุ่งรตีพึมพำ ว่าคุณย่าจะห่วงพวกเราขนาดนี้

เชนนิ่ง ไม่เสริมความเห็น...หากพูดต่อรุ่งรตีย่อมกังวล...คุณนายพวงทองห่วงลูกทุกคนรวมถึงลักษณ์...บิดาหล่อนด้วย

เราจะทำยังไงดี หญิงสาวหวาดกลัว

ต้องระวังตัว

เชนแนะนำได้เท่านี้ เขาไม่มีญาณหยั่งทราบเหตุการณ์อนาคต ไม่อาจรู้ใครจะเป็นรายต่อไป ด้วยความที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากบิดามารดาในเรื่องของกรรมตั้งแต่เด็ก จึงรู้จักวางเรื่องอนาคตได้

แล้วใครจะเป็นรายต่อไป

รุ่งรตีพึมพำ...ความเชื่อที่มีต่อชายหนุ่มตรงหน้ามากขึ้นเท่าใด ความหวาดกลัวในใจยิ่งเพิ่มพูน

พี่ว่าเราอย่าเพิ่งกลัวเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเลยดีกว่า เชนปลอบให้คลายใจ

อาหารมาเสิร์ฟในจังหวะนี้พอดี

รุ่งรตีรับประทานอาหารมื้อนี้ฝืดคอ เรื่องที่คุยกันก่อให้เกิดตะกอนขุ่นกวนจิตใจ ใครจะกินข้าวลง ถ้ารู้ครอบครัวตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย

เชนสังเกตออกจึงพยายามชวนคุยให้แจ่มใส แรกๆ หล่อนจะขัดฝืน จนสักครู่เชนจับจุดถูกจึงเรียกรอยยิ้มหญิงสาวได้ การสนทนาราบรื่นขึ้น เมฆหมอกความกังวลเจือจาง


รุ่งรตีขอตัวเข้าห้องน้ำหลังอาหาร ห้องน้ำนี้ใช้เฉพาะแขกพิเศษจึงสะอาด เงียบ ตอนหล่อนเข้าไปยังไม่มีใครอยู่ ระหว่างทำธุระส่วนตัวได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามา

รุ่งรตีกำลังจะเสร็จธุระ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือจากผู้ร่วมห้องน้ำดังขึ้น

มีธุระอะไรหลิง...บอกแล้วอย่าเพิ่งโทรมา

เสียงผู้รับสายคุ้นหูรุ่งรตี

รู้แล้ว...เข้าใจแล้ว อีกสองสามวันจะไปหา

เสียงชัดเจน

ก็ตอนนี้ยังไม่เสร็จงานศพพี่สาว จะให้ไปได้ยังไงกัน

เจ้าของเสียงคือสุขศจี

รู้...ฉันรู้ว่าคุณทำได้ทุกอย่างแหละ ไม่ต้องมาย้ำหรอก

เสียงสุขศจีขุ่นใจ

ไม่ต้องมาย้ำเลย...ฉันเห็นผลงานคุณแล้ว...จะให้ชื่นชมหรือขอบคุณหรือไง สุขศจีพูดเบาลง ก่อนทอดเสียงอ่อนตอนท้าย ตกลง ฉันจะไปหาแน่ๆ มีอะไรค่อยคุยกันที่โน่น

เสียงยิ่งเบา ก่อนเจ้าของเสียงจะเงียบหาย เข้าห้องน้ำถัดไปสองสามห้อง รุ่งรตีเปิดประตูห้องตนแผ่วเบา จรดฝีเท้าเงียบออกจากห้องน้ำโดยเร็ว

ตอบไม่ได้เหมือนกัน ทำไมต้องระวังตัวราวกับลอบฟังเรื่องคอขาดบาดตายเช่นนั้น...ความรู้สึกส่วนลึกบอก...อย่าให้สุขศจีรู้จะดีกว่า ว่าหล่อนแอบได้ยินการสนทนาครั้งนี้




บทที่ ๑๒


ลักษณ์แปลกใจที่พี่ชายนัดคุยในห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรม ทั้งห้องมีแค่ราม กับบุญส่ง สมุนมือขวาเท่านั้น

นึกยังไงล่ะเฮียถึงนัดผมมาคุยบนนี้ ที่จริงคุยกันในห้องทำงานข้างล่างก็ได้ลักษณ์ออกปากถาม

เฮียมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาแกส่วนตัว สีหน้ารามจริงจัง

เรื่องอะไรกัน ลักษณ์เริ่มรู้สึกแปลกๆ

ส่ง...เอ็งออกไปรอข้างนอกก่อน แทนคำตอบ รามกลับไล่ลูกน้อง จุดประสงค์จริงต้องการให้บุญส่งออกไปเฝ้าระวังคนลอบฟัง

ลักษณ์นั่งนิ่ง รอเวลาพี่ชายเริ่มเรื่อง มองเห็นซองสีน้ำตาลหนาวางบนโต๊ะ คาดการณ์ได้ว่าเรื่องที่พูดต้องเกี่ยวกับซองนั้น

วันนี้เผาศพดาใช่มั้ย รามเกริ่น

ใช่ ลักษณ์ตอบ

เฮียไม่อยากให้น้องสาวตายฟรี รามพูดเสียงเข้ม แววตาอาฆาต

แสดงว่าเฮียให้คนสืบเรื่องนี้แล้ว ลักษณ์ดักคอ

เออ ในเมื่อตำรวจบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ ผัวมันก็อยากให้คดีจบเร็วๆ เฮียเลยต้องสืบเอง

แล้วเฮียสืบได้ความว่าไงบ้าง

แทนคำตอบ รามเลื่อนซองสีน้ำตาลหนาปึกมาตรงหน้าน้องชาย ของที่อยู่ในซองเป็นสรุปสำนวนคดีของตำรวจ ภาพถ่ายที่เกิดเหตุ รูปศพของสีดา ผลตรวจของหมอ ข้อมูลในคดีสีดาทั้งหมด

ลักษณ์เปิดอ่านดูคร่าวๆ ส่วนใหญ่เขาพอจะรู้บ้างแล้ว

มีข้อสังเกตอะไรบ้างมั้ย รามถามน้องชาย

ถ้าให้วิเคราะห์ละเอียด ผมต้องเอากลับไปอ่านอีกที ลักษณ์บอก

ได้ เดี๋ยวเฮียจะให้เขาทำสำเนาให้อีกชุดนึง รามไม่ขัดข้อง

ถ้าจะมองเป็นคดีฆาตกรรม...ตอนนี้ผมแยกผู้ต้องสงสัยเป็นสองกลุ่ม คือพวกมีความแค้นกับดา...กับพวกที่ได้ประโยชน์หลังจากดามันตาย ลักษณ์พูดกึ่งตั้งข้อสังเกต

พวกแรกน่าจะเป็นใครบ้าง รามถาม

ผมมองไปที่พวกในตลาด ตอนนี้เรากำลังจะไล่ที่พวกตึกแถวเก่า วันก่อนดาก็โดนขว้างกระจกรถ นั่นอาจเป็นการเตือนก็ได้

พวกโดนไล่ที่มันจะกล้าวางแผนทำอะไรอย่างนี้เหรอ รามสงสัย

ผมก็ว่าอย่างนั้น ลักษณ์เห็นด้วย พวกนี้ถ้าแค้นเราจริงคงไม่วางแผนอุบัติเหตุฆาตกรรมอำพรางแบบนี้แน่ จ้างมือปืนมาดักยิงไม่ง่ายกว่าเหรอ

แล้วพวกที่สองล่ะ รามตัดกลุ่มแรกออก

ก็พวกเราไงเฮีย...พวกได้ผลประโยชน์จากการตายของดา

เฮ่ย...พวกเราไม่มาฆ่ากันเองอย่างนี้หรอก รามรีบค้าน

ลักษณ์ไม่พูดอะไร นิ่งครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปากอีกคำ

นอกจากเรายังมีอีกคนที่ได้ประโยชน์จากการตายของดา ลักษณ์ทิ้งท้าย

ไอ้พิทักษ์... รามต่อให้ทันที

ลักษณ์ดึงรูปพิทักษ์ออกมาจากกองเอกสาร เป็นรูปแอบถ่ายที่รามสั่งลูกน้องให้ติดตามพฤติกรรมน้องเขยมารายงานตลอด

จริงอยู่ ถ้าดาตายพิทักษ์จะได้ประโยชน์จากกองมรดก สมบัติเมีย แต่เหตุผลแค่นี้มันพอกับการเสี่ยงเป็นฆาตกรหรือ

ลักษณ์พูดอย่างเป็นกลาง สายตามองรูปพิทักษ์ตรงหน้าแล้วฉุกใจ

ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเฮีย ลักษณ์ชี้รูปหญิงสาวที่ร่วมเฟรมเดียวกับพิทักษ์

รามชะโงกหน้ามองก่อนขมวดคิ้ว

ส่ง...ไอ้ส่งโว้ย...เข้ามานี่หน่อย

บุญส่งเปิดประตูเข้ามารวดเร็วทันใจ

เฮ่ย เอ็งดูซิ ผู้หญิงที่อยู่ในรูปกับไอ้พิทักษ์นี่เป็นใคร

รามจิ้มนิ้วยังรูปหญิงสาวในภาพเดียวกับพิทักษ์ ยืนห่างกัน แต่สีหน้าท่าทางบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน

น่าจะเป็นเมียน้อย ไม่ก็เด็กของมันครับนาย

คำตอบนี้ทำเอารามชะงัก

เฮ่ย แล้วทำไมเอ็งเพิ่งมาบอก รามฉุนเฉียว ขัดใจ

นังคนนี้มันเพิ่งตามไอ้พิทักษ์อยู่ห่างๆ หลังจากคุณสีดาตายครับเฮีย ดูแล้วไม่น่าใช่ญาติพี่น้อง ผมเลยคิดว่าเป็นเมียเก็บมัน

งั้นไปสืบเรื่องนังนี่มาให้กูด่วนที่สุด รามประกาศิต

ครับนาย บุญส่งรับคำพร้อมถอยหลังกลับ

สองพี่น้องมองหน้ากัน ข้อสงสัยชักเห็นเค้ารางๆ ฆาตกรอาจเป็นคนไม่ใกล้ไม่ไกล

มันจะกล้าขนาดนี้เชียวหรือ รามเข่นเขี้ยว แรกๆ เขาแค่สงสัย ตอนนี้ความสงสัยหนักแน่นทุกทีจนเกือบมั่นใจแล้ว

อย่าเพิ่งผลีผลามปักใจเลยเฮีย ไม่งั้นเราอาจมองข้ามความน่าจะเป็นข้ออื่นได้

ลักษณ์เตือนสติ เขาก็คิดคล้ายพี่ชาย แต่มีความรอบคอบมากกว่า รู้ว่าเมื่ออคติบังตาจะไม่สามารถเห็นสิ่งต่างๆ ตามจริง

มันน่าจะลงตัวแล้วนะ ไอ้พิทักษ์มันมีเมียน้อย ต้องคิดเขี่ยเมียหลวงทิ้งอยู่แล้ว แต่ถ้าหย่ากันมันก็จะไม่ได้อะไรเลย สู้ฆ่าให้ตายยังได้มรดก

เหตุผลของรามฟังง่ายๆ อาจดูไม่น่าเชื่อ เหมือนนิยาย...ทั้งที่ความจริง...มันมี...

คิดดูสิ เมียมันตายคลุมเครือขนาดนี้ ยังให้ตำรวจปิดคดีง่ายๆ รีบเผาให้เสร็จๆ แล้วตอนนี้เด็กลูกจ้างพม่าบ้านมันน่ะ ไม่มีเหลือแล้ว พอตำรวจสอบสวนเสร็จ มันส่งกลับพม่าหมดเลย ตอนนี้มีแต่ลูกจ้างหน้าใหม่ คิดดู ถ้าไม่มีอะไรจะทำแบบนี้เหรอ

ลักษณ์ไม่ตอบคำ ต่อให้เห็นด้วยกับคำพูดพี่ชาย เขาก็ยังไม่อยากปักใจร้อยเปอร์เซ็นต์ พิทักษ์จะกล้าวางแผนฆ่าเมียชิงมรดกเพื่อไปเสวยสุขกับเมียน้อยจริงหรือ...เหตุผลมันอ่อนไปหน่อย เขาต้องดูรายละเอียดอีกที หาข้อมูลให้ครบทุกด้าน ก่อนปักใจเชื่อ


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP