วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๑๑


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


เย็นวันนี้ ที่บ้านรามมีการรวมตัวของพี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลโดยไม่ได้นัดหมาย เนื่องจากข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้พี่ชายคนโตไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ก็ยังพร้อมใจกันมาหาในเวลาใกล้เคียงกัน

เฮียนี่โชคดีอย่างเหลือเชื่อเลยนะ สีดาบอกต่อพี่ชาย

แล้วนึกยังไงถึงนั่งรถเจ้าเชนมันแทนรถตัวเอง เฮียมีลางสังหรณ์อะไร ลักษณ์ถาม

เปล่า...จังหวะมันดีน่ะ รามพูดทั้งที่อดคิดไม่ได้ เหตุใดเชนถึงคะยั้นคะยอให้เปลี่ยนรถ หรือเจ้าเชนจะมีลางสังหรณ์

ดีนะไม่มีใครบาดเจ็บมาก สุขศจีเอ่ยขึ้น

นั่นสิ ผมยังสงสัยเลย ตอนได้ข่าวว่ารถถูกยิงยาง ฟังดูเหมือนมีใครจงใจมาเตือนเฮียมากกว่ามาฆ่า สมุทรแสดงความเห็น

รามตะครั่นตะครอใจเล็กน้อย ก่อนโทสะจะผลักดันให้พูดจาอย่างไม่เกรงกลัว

ขู่ก็ขู่สิวะ คนอย่างเฮียจะไปกลัวใคร...มีแต่คนอื่นที่กลัวเฮีย พวกมันไม่กล้าจริงหรอก

เฮียไปขัดขาใครเขาเข้าล่ะ ถึงกล้ามาขู่แบบนี้ ลักษณ์ถาม

พวกแกอย่ารู้เลย นี่มันเรื่องส่วนตัวของเฮีย รามปัด

มันก็ไม่แน่นะเฮีย สมุทรเอ่ยลอยๆ มองหน้าทุกคน มันอาจไม่ใช่เรื่องเฮียคนเดียวก็ได้

เฮ่ยหมุดหมายความว่ายังไงวะ รามสงสัย

รถผมถูกเปลี่ยนยางตอนไหนก็ไม่รู้...มารู้อีกทีมันก็แตกกลางถนนแล้ว

เรื่องของสมุทรเรียกความสนใจทุกคนทันที เป็นไปได้อย่างไรที่พี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เวลาใกล้เคียงกัน

มีใครเป็นอะไรมากมั้ย สีดาถามอย่างเป็นห่วง

ไม่มีหรอกเจ้ ผมขับรถเข้ากรุงเทพฯคนเดียว ยังดีไม่ชนกับใคร คนทำมันคงไม่ตั้งใจให้ผมตาย คงแค่ขู่...แต่ไม่รู้มันขู่เรื่องอะไร

เรื่องนี้เกี่ยวกับคู่อริของเฮียหรือเปล่า ลักษณ์ถามพี่ชาย

ไม่น่าเกี่ยวนะ รามพูด...ครุ่นคิด...สมุทรไม่น่ามีเรื่องขัดขากับนายภาสกร

หมุด...แกมีปัญหาอะไรกับอาภาสกรหรือเปล่า รามถามเผื่อ

ไม่มีนี่เฮีย สมุทรตอบ ขมวดคิ้วสงสัย เฮียถามทำไม...หรือว่า...

คำทิ้งท้ายทำให้พี่น้องที่เหลือได้คำตอบ

อย่าบอกนะเฮียว่าคนที่สั่งยิงรถเฮียเป็นอาภาสกร สีดาถาม

เฮียมีปัญหาอะไรกับเขา ลักษณ์สงสัย

เออ...เพิ่งจะมี...แต่ก็ไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องไอ้หมุดมัน รามตอบ

เฮียมีเรื่องอะไรกับเขาล่ะ สมุทรไม่หายสงสัย

พวกแกอย่ารู้เลย รามตัดบท

เกี่ยวกับเรื่องการเข้าพรรคหรือเปล่าเฮีย ลักษณ์ยิงคำถามถูกจุด พี่ชายอึ้ง จึงคาดการณ์ได้สามสี่ส่วน

แสดงว่าเฮียเปลี่ยนใจ ไม่เข้าพรรคของอาภาสกรแล้ว

เมื่อไม่ได้คำตอบแรก ลักษณ์ยิงปัญหาที่สองตาม ก่อนมีปัญหาข้อสามปิดท้าย

นอกจากเฮียจะไม่เข้าพรรคของอาภาสกรแล้ว เฮียยังคิดจะเข้าพรรคที่เป็นรัฐบาลตอนนี้ใช่หรือเปล่า

สามคำถามไม่มีคำตอบ น้องทุกคนเข้าใจ...นี่อาจเป็นเหตุจูงใจให้เกิดเรื่องเมื่อคืนได้...ยังสงสัยแค่...เรื่องนี้เกี่ยวกับสมุทรหรือไม่...อย่างไร

แปลกนะเฮีย สุขศจีเอ่ยปาก ทำไมช่วงนี้พวกเรามีแต่เรื่อง เฮียโดนยิงยางรถ เฮียหมุดโดนแอบเปลี่ยนยาง วันก่อนหนูกับเจ้ก็โดนขว้างกระจกหน้ารถ...เฮียลักษณ์ล่ะ โดนอะไรแบบนี้บ้างไหม

คำถามไม่จริงจังแต่ลักษณ์รู้สึกเหมือนโดนสอบสวนไม่ทันตั้งตัว

ไม่มี เขาพูดเสียงแข็ง ทำไมถามอย่างนี้วะจี

ก็ลองถามดู คำตอบไม่สนใจความรู้สึกฝ่ายตรงข้าม เห็นทีพวกเราต้องทำบุญใหญ่กันแล้วละ ว่ามั้ย

ไม่มีคำตอบ...ทุกคนตกอยู่ในห้วงความกังวลส่วนตัว กำแพงแห่งความหวาดระแวงก่อตัวช้าๆ หนาขึ้นโดยไม่มีใครรู้

เราจะทำยังไงดีล่ะเฮีย สีดาถามหวั่นๆ

เฮ่ย...พวกแกอย่ากลัวอะไรไม่เข้าท่าเลยน่า รามหัวเสีย แล้วเมื่อวันก่อนที่โดนขว้างกระจกน่ะ รู้มั้ยฝีมือใคร

รามพยายามเปลี่ยนเรื่อง

น่าจะเป็นพวกแถวตลาดนั่นแหละ...ไม่น่าเกี่ยวกับเรื่อง...เอ่อ...ของเฮียหรอก

สีดาตอบเกรงๆ วงสนทนาเริ่มเคร่งเครียดขึ้นทุกที

...กริ๊ง...กริ๊ง...โทรศัพท์ในบ้านรามดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนบุญส่งจะรับสาย พูดจานอบน้อมมีสัมมาคารวะสองสามคำ จากนั้นรีบเดินมาหน้าบ้าน ตรงวงสนทนาพี่น้องทั้งห้า

โทรศัพท์ครับนาย

ใครวะ รามถามเสียงห้วน อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

ท่านภาสกรครับ บุญส่งตอบ

พี่น้องทั้งห้ามองตากันด้วยความประหลาดใจ...ผู้โทรศัพท์มาราวกับรู้ว่าทุกคนกำลังพูดถึง

นายจะรับสายไหมครับ บุญส่งถาม

รับสิวะ รามพูดจาหนักแน่น ไม่มีร่องรอยเกรงกลัว

คนอย่างเขาผ่านสมรภูมิมาไม่น้อย เผชิญหน้าบารมีคนใหญ่คนโตหลากรูปแบบ จะเป็นไรไปแค่รับโทรศัพท์ ต่อให้นายภาสกรเดินทางมาถึงบ้านเดี๋ยวนี้ก็รับรอง...คนอย่างรามไม่มีทางถอยหลัง...ถอดใจ





บทที่ ๙


รามมองโทรศัพท์ตรงหน้าราวกับมันเป็นอสรพิษร้าย ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องยื่นมือออกไปรับมัน...สีหน้าเคร่ง คิ้วขมวด ในใจมีพายุอารมณ์หลากหลายพัดกระหน่ำแยกแยะไม่ถูก จ้องโทรศัพท์สงบอารมณ์ชั่วครู่ ก่อนจะกรอกเสียงผ่านหูโทรศัพท์ ใช้น้ำเสียงปกติ สุภาพ อ่อนน้อม ไม่ผิดกับรามคนเดิม

ลักษณ์ สีดา สมุทร สุขศจีมองตามหลังพี่ชายคนโตด้วยสายตาหลากหลาย ทั้งเป็นห่วง อยากรู้ สงสัย ปนเป...อายุพวกเขารวมกันก็เกินสองร้อย เป็นบุคคลที่ใครๆ นับหน้าถือตา มีชื่อเสียงสังคมระดับหนึ่ง กับเรื่องที่กำลังเกิดยามนี้มันคล้ายมรสุมคลื่นลมที่ซัดกระหน่ำระยะเวลาไล่เลี่ยจนยากต้านรับ

รถสีดาถูกขว้างกระจกยังไม่เท่าไหร่ สมุทรถูกเปลี่ยนยางก็อาจเป็นการล้อเล่น แต่รามโดนยิงยางกลางถนนไม่ธรรมดาแล้ว พอเรียงเรื่องทั้งสามเข้าด้วยกัน มันได้ภาพใหญ่ภาพหนึ่งซึ่งสร้างความหวาดหวั่นไม่น้อย

รามคุยโทรศัพท์ครู่ใหญ่ ช่วงเวลานั้นน้องทุกคนนั่งไม่ติดเก้าอี้ คอยเหลียวดูการสนทนาด้านในสังเกตสีหน้าพี่ชายใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

จนรามวางโทรศัพท์ ออกมานั่งรวมกับทุกคนด้านนอก

เป็นยังไงบ้างเฮีย สมุทรถามคนแรก

เออ รามตอบสั้น ไม่มีความหมายอะไร

เออของเฮียน่ะ มันแปลว่าอะไร สุขศจีย้อนถาม

ไม่มีอะไรรามยังไม่ให้ความกระจ่าง สีหน้าหมกมุ่น

อาภาสโทรมาว่ายังไง ลักษณ์ถามย้ำแทนทุกคน

ก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีมั้ย น้ำเสียงรามฟังเยาะหยัน

ข่าวของเฮียคงเข้าถึงหูเขาแล้ว ลักษณ์บอก

หรือไม่ก็...เพิ่งได้รับรายงานจากลูกน้อง รามพูดเหมือนรู้ทัน

คำพูดจาโต้ตอบกันหลายประโยคฟังคล้ายพายเรือวนในอ่าง รามจมกับความคิดตัวเองมากกว่าต้องการเปิดใจกับน้องๆ

เล่าให้พวกเราฟังอย่างละเอียดไม่ได้เหรอเฮีย อาภาสแกคุยอะไรบ้าง สีดาถามเสียงอ่อน

รามถอนใจเฮือกใหญ่ มองหน้าน้องทุกคนเหมือนชั่งใจ...บนสนามรบเชิงการค้า ธุรกิจที่ผ่านมาเขามีแม่เป็นที่ปรึกษา สั่งการคนเดียว น้องๆ แค่รับผลประโยชน์ ความสุขสบายก็พอ ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องบอกเรื่องราวทุกอย่างกับพวกนี้ด้วยหรือ

ไม่มีอะไรมาก...แกโทรมาถามข่าวอุบัติเหตุนั่น แล้วก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถามโน่นถามนี่ตามประสาผู้ใหญ่นั่นแหละ รามอธิบายรวบรัด

เขาโทรมาทำไม สมุทรสงสัย

ไม่โทรมาสิแปลก ลักษณ์ออกความเห็น ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ป่านนี้คนเขารู้กันทั่วเมืองแล้ว ถ้าอาภาสทำเฉยก็เหมือนมีพิรุธ

รามมองหน้าน้องชาย พอใจความเห็นนั้น

นั่นสิ พอแกโทรมา เฮียเลยชักรู้สึกว่าเรื่องเมื่อคืนไม่น่าเกี่ยวกับแก...ถึงแกจะไม่พอใจเรื่องเฮียถอนตัว แต่ไม่น่าเล่นงานเร็วขนาดนี้...นี่มันเหมือนเตรียมการมาก่อน

งั้นเป็นฝีมือใคร สุขศจีถาม

ใครก็ได้ที่มีความแค้นกับบ้านเรา รามตอบ

เจอคำตอบนี้ทุกคนราวตกอยู่กลางวงล้อมศัตรู...คนที่มีความแค้นกับตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลมีไม่น้อยตั้งแต่เมียเก่าของเสี่ย...พ่อพวกเขา พวกชาวบ้านชาวตลาดที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไล่ที่ ศัตรูบนเส้นทางอาชีพของราม คู่แข่งทางการค้า...ใครก็ได้ที่ถูกเบียดเบียนผลประโยชน์อันควรได้ คนเหล่านั้นล้วนแค้นเคืองตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลทั้งสิ้น

เราจะทำยังไงดี สีดานึกหวั่น

ต้องระวังตัว

ลักษณ์ตอบคำถามนี้...บนเส้นทางก้าวสู่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจังหวัด ต้องเบียดเบียน สร้างความเจ็บช้ำ รอยแค้นแก่คนจำนวนไม่น้อย ยามนี้ถึงเวลาที่พวกเขาถูกทวงคืนแล้วหรือไร


คุณนายพวงทองกำลังร้อนรุ่ม...ร้อนรุ่มกว่าที่เคยร้อน...ในใจมีเปลวไฟเต้นยิบยับตลอดเวลา บางครั้งปลายเปลวของมันแลบเลียขึ้นสูง ส่งผลปรอทความร้อนแทบระเบิด นานครั้งถึงผ่อนพักให้มีสติเป็นช่วง อาการร้อนเร่าเช่นนี้ถี่ยิบขึ้นทุกที ไม่ผิดสัญญาณนาฬิการะเบิดเวลา

สังหรณ์คุณนายพวงทองปรากฏภาพแวบวาบวูบผ่านล่อหลอก พาจิตใจวิบวับหวั่นไหวบอกไม่ถูก ทุกข์ที่มีเพิ่มท้นทวีคุณ

อันตราย...เรื่องร้ายแรง...สองคำผุดขึ้นสลับไปมา

ใคร ใครจะเป็นอันตราย...คุณนายพวงทองถามตนเองซ้ำซากต้องการให้สังหรณ์นั้นตอบคำถามตนได้

...ลูก...คำตอบผุดมาแล้วจางหาย...

...ลูกคนไหน...ใครจะได้รับอันตราย...คำถามถี่ยิบ...คราวนี้ไม่มีคำตอบ...สังหรณ์เลยลับไม่ย้อนกลับมาอีก

คุณนายพวงทองไม่อาจรู้ ความห่วงใยในลูกและสมบัติจะเป็นสายใยกรรมผูกพันจิตตนไว้ เมื่อใดแรงกรรมเก่าสะท้อนกลับมา สัมผัสคุณนายจะสามารถรับรู้ระลอกคลื่นกรรมได้ก่อน เป็นการรู้โดยสัญชาตญาณ ไม่ใช่รู้ด้วยจิตอันเที่ยงตรง ใสสะอาด

เมื่อรู้ครึ่งๆ กลางๆ ก็ยิ่งดิ้นรนอยากช่วยเหลือ อยากปกป้องแก้ไข แต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ คุณนายพวงทองวนเวียนอยู่ในโรงเจไร้ทางออก พยายามทุกวิถีทางที่จะติดต่อกับคนภายนอก

คืนก่อนคุณนายพวงทองทำสำเร็จ...เชนช่วยรามให้พ้นจากอุบัติเหตุ...คืนนี้สังหรณ์ร้อนแผ่กระทบใจรุนแรงกว่าเดิม ทว่าคุณนายไม่อาจออกไปหาเชนเพื่อขอความช่วยเหลือได้เลย

ในความร้อนมีความล้าแฝงอยู่ อาการล้านั้นเหมือนปลิงดูดเรี่ยวแรง พรากสติอันน้อยนิดให้ไหลสู่ความเลื่อนลอย จนยากรวมเจตจำนงตนให้พุ่งสู่บุคคลเป้าหมาย

คุณนายพวงทองต้องทำ...ต้องพยายามฝืนความล้า อาการเลื่อนลอย ทนต่อความทุกข์รุมเร้าส่งข่าวขอความช่วยเหลือจากเชนให้ได้

เชน...เชน...ช่วยยายด้วย...คุณนายพวงทองตั้งใจมั่นร้องเรียก ระลึกถึงใบหน้าชายหนุ่มที่พร่าเลือนให้ชัดเจนขึ้น

เชน...เชน...ช่วยยายด้วย...ช่วยบอกให้รามกับทุกคนระวังตัว...บอกให้ทุกคนระวังตัว...

คุณนายพวงทองพร่ำส่งข้อความซ้ำซาก ใบหน้าเชนชัดขึ้นก่อนวูบหายแบบจอทีวีดับ แล้วกลับลอยเบลอๆ

เชน...เชน

เสียงร้องเรียก เจตจำนงแน่วแน่นี้ทำให้คุณนายพวงทองมองเห็นชายหนุ่มกำลังอยู่ในบ้านพร้อมหน้าพ่อแม่ รังสีเหลืองอ่อนปกคลุมบ้านทั้งหลังจนคุณนายไม่แน่ใจ ตนจะสามารถฝ่าผ่านเข้าไปส่งสารได้หรือไม่

เชน...เชน...ช่วยยายที


เพิ่งหัวค่ำ พ่อแม่ลูกทั้งสามนั่งดูข่าวหน้าจอทีวี สนทนาด้วยเรื่องทั่วไป ก่อนวกมายังเรื่องที่รามเกิดอุบัติเหตุเมื่อคืน ทุกคนรู้อย่างที่เชนรู้ แต่ไม่อยากยกประเด็นเหล่านั้นมาวิพากษ์วิจารณ์

ผมรู้สึกว่าเรื่องมันยังไม่จบง่ายๆ เชนออกความเห็นก่อนส่งคำถาม เราจะมีวิธีไหนช่วยเหลือพวกเขาได้บ้าง

พ่อแม่มองหน้ากัน คำถามนี้ไม่ยากจะตอบ...ปัญหาอยู่ที่...ตอบแล้ว จะทำได้หรือไม่

เตือน คุณจิตใสตอบลูกชาย เราทำได้แค่นี้

เตือนพวกเขายังไง...แบบไหนครับ เชนสงสัย ผมไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะเป็นอันตรายตอนไหน...ถ้าให้เตือนคลุมๆ กว้างๆ มันคงไม่มีประโยชน์อะไร ถึงยังไงตอนนี้พวกเขาก็คงต้องระวังตัวเหมือนกัน

เตือนให้พวกเขาสร้างกุศล...เตือนให้พวกเขารู้จักอโหสิ นายพลทางธรรมตอบแทนภรรยา

อโหสิ เชนทวนคำ พ่อพูดเหมือนกับว่าจะให้พวกเขายอมแพ้ง่ายๆ

ไม่ใช่จ้ะ คราวนี้แม่พูด ตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่สว่าง ศัตรูอยู่ในที่มืด...เรื่องการระวังตัวอะไร เขาคงเตรียมกันไว้แล้ว แต่ที่เตือนให้พวกเขาสร้างกุศล ก็เพื่ออาศัยความเย็นของบุญช่วยกล่อมเกลาความทุกข์ร้อนในใจให้เบาบาง ที่ให้พวกเขารู้จักอโหสิก็เพื่อให้จิตเกิดเมตตา เมื่อจิตมีเมตตาธรรมคุ้มครอง จะอยู่ในสภาวะไหนก็ไม่ทำให้ใจรุ่มร้อน ต่อให้รู้ว่ามีศัตรูคอยซุ่มเล่นงานอยู่ตลอดเวลาก็เถอะ

โห...สิ่งที่แม่พูดนี้คงเป็นเรื่องที่พวกเขาทำได้ยากมากๆ เชนเข้าใจคำพูดมารดา แต่การให้คนธรรมดาทำใจอย่างนั้นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานคงเป็นเรื่องสุดวิสัยแน่

ผมว่า พวกเขาคงต้องการคำเตือนชัดๆ อย่างที่คุณยายมาเตือนผมมากกว่า...ว่าใครจะเป็นอะไรตอนไหน จะได้ป้องกันตัวทัน

เอ่ยถึงคุณนายพวงทอง เชนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบรรยากาศห้องนั่งเล่น อากาศที่ปลอดโปร่งเย็นสบายเริ่มอับร้อน มีคลื่นกดดันแผ่เข้ามาไม่รู้ทิศทาง

เขาชะงักคำพูด เหลียวมองด้านหลัง ตั้งสตินิ่ง สังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบตัวอย่างละเอียด คุณจิตใส นายพลทางธรรมเห็นกิริยาลูกชายก็ฉุกใจ นั่งนิ่งส่งจิตสัมผัสบรรยากาศรอบตัว...สายลม ความเงียบ อุณหภูมิ กระทั่งลึกลงถึงคลื่นพลังงานแฝงเร้นที่มีเจตจำนงแน่วแน่ จากนั้นเกาะพลังงานนั้นดูมันด้วยดวงจิตเบาๆ ผ่อนคลาย ปรากฏนิมิตโรงเจ คุณนายพวงทองขึ้นมาสองสามวินาที

คุณอา...

คุณจิตใสพึมพำ

จริงหรือครับ

เชนถอนใจ เขาแค่สงสัย จนมารดาหลุดปากค่อยแน่ใจ

เขาจะบอกอะไรเราครับแม่ ชายหนุ่มถามมารดา

แม่ก็ตอบไม่ถูก ความหมายคุณจิตใสคือไม่ต้องการตอบ

จะมีเรื่องร้ายกับใครอีกหรือเปล่า เชนเป็นห่วง แปลกจัง ทำไมคืนนี้แกถึงไม่มาบอกผมชัดๆ เหมือนเมื่อคืน

แกคงยังอยู่ที่โรงเจ คุณจิตใสพูดเป็นกลางแทนการตอบ

ถ้าผมไปโรงเจ จะติดต่อแกได้ชัดกว่านี้มั้ยครับ เชนถาม

ลูกคิดว่าแกจะบอกอะไร ผู้เป็นพ่อถาม

ถ้าเป็นกรณีนี้ผมว่าคงเป็นเรื่องเดียวแหละครับ เชนมั่นใจ

สองสามีภรรายาเงียบ ไม่พูด ลูกชายเห็นอย่างนั้นจึงรีบตัดสินใจ

งั้นผมขอไปโรงเจก่อนนะครับ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง แล้วยังไงถ้าผมกลับดึกก็ไม่ต้องรอปิดบ้านได้เลย

ลูกชายคนเดียวขับรถออกจากบ้าน นายพลทางธรรม คุณจิตใสไม่มีคำพูดคัดค้าน...รู้แก่ใจ...มันไม่มีประโยชน์ เชนเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนใกล้ตัวทุกคน การปล่อยให้เขาทำอะไรที่คิดว่าเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง น่าจะมีประโยชน์กว่าบอกให้อยู่เฉย

ทั้งที่จริง ทั้งคู่ต่างมีความเห็นตรงกัน ดวงวิญญาณคุณนายพวงทองอาจมีสังหรณ์ต่อเหตุร้ายของลูกก็จริง...ถ้าจะให้ชัดเจนชนิดบอกได้ว่าเกิดอะไร กับใคร ตอนไหน น่าจะเป็นสิ่งเกินกำลัง

ดวงจิตที่หม่นมัวด้วยทุกข์และกรรมเก่าเช่นนี้ คงไม่อาจมองเห็นอนาคตใสกระจ่างได้เลย

 

เวลาเพิ่งเลยหัวค่ำเล็กน้อย กลุ่มพี่น้องทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลแยกย้ายกันกลับ สมุทรแยกไปโรงแรมและเก็บเอกสารที่ห้างฯ มาทำงานต่อ...สีดาไม่ค่อยสบายจึงให้สุขศจีดูร้านครัวพวงทองแทน ส่วนลักษณ์ขับรถส่งสีดาที่บ้าน ปล่อยให้พี่ชายใหญ่พักผ่อนในบ้านที่เป็นเสมือนป้อมปราการแข็งแรง

ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกัน สองพี่น้องคุยกันน้อยคำ ต่างฝ่ายล้วนมีเรื่องในใจต้องครุ่นคิด สะสาง...วัยเพิ่มมากขึ้น ภาระรับผิดชอบใหญ่โตเป็นเงาตามตัว

รุ้งเป็นยังไงบ้างเฮีย สีดาเอ่ยคุยระหว่างทาง

ก็เป็นอย่างที่เห็นกันนั่นแหละ ลักษณ์ไม่เข้าใจน้องสาวเอ่ยถึงบุตรตนทำไม

มีลูกก็ดีนะเฮีย สีดาพูดลอยๆ ไม่เอาเป็นสาระ

ดีที่ไหนกัน สร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน เขาบ่น

เด็กไม่มีแม่ก็อย่างนี้แหละ ทำไมเฮียไม่หาแม่ให้กับเขาล่ะ...บางทีผู้หญิงด้วยกันจะคุยกันรู้เรื่องกว่า

ลักษณ์หัวเราะหึหึ

อย่าให้เฮียต้องหาเรื่องปวดหัวเป็นสองเท่าเลย แกไม่รู้หรอก ไอ้รุ้งมันฤทธิ์มากแค่ไหน...แล้วนี่คุยเรื่องลูกทำไม หรืออยากมีบ้าง

สีดามีสีหน้าหม่นลง

ถ้ามีก็ดีนะเฮีย ทักษ์เขาจะได้ดีใจ แต่ดาอายุขนาดนี้แล้ว คงมีลูกไม่ไหวหรอก...หมอเขายิ่งบอกว่า ผู้หญิงอายุมากมีลูกแล้วจะอันตราย

พี่ชายจับความหดหู่จากเสียงน้องสาวได้

ครอบครัวมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เขาถามไม่เน้นน้ำหนักเสียง

สีดาถอนใจ ถ้าตอบว่ามีปัญหาก็ไม่เชิงนัก ถ้าบอกไม่มีอะไรมันก็โกหก...ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยามักมีเรื่องกระทบกระทั่งเป็นธรรมดา ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ระยะนี้หล่อนรู้สึกพิทักษ์แปลกไป มีความเปลี่ยนแปลงที่บอกไม่ถูก ดูไม่มีอะไร แต่สัญชาตญาณผู้หญิงบอกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ

หรือว่าผัวแกทำตัวผิดปกติ ลักษณ์ไม่หยุดถาม

ตอบไม่ถูกหรอกเฮีย สีดายอมเปิดปาก มันคล้ายจะมีอะไร แต่พอสังเกตจริงก็ไม่มีอะไร

มีพวกโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ โทรมาหามันบ้างมั้ยล่ะ เขาถามถึงน้องเขย

ดาไม่รู้หรอกเฮีย เรื่องโทรศัพท์มือถือส่วนตัวอะไรน่ะ แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์ก็มีอยู่สามสี่ครั้งดารับสาย โทรมาแล้วไม่ยอมพูด

สีดาหยุดชะงักนิดนึง ก่อนส่งคำถามทำให้ตัวเองใจคอหวั่น

เฮียถามอย่างนี้ สงสัยว่าพิทักษ์เขาจะมีคนอื่นเหรอ

ก็...ลองถามดู ลักษณ์ไม่กล้าบอกความคิดตนเอง คอยสังเกตดูเอา อย่าให้ถึงขั้นสืบสวนสอบสวนกัน จะบ้านแตกเปล่าๆ

สีดาถอนใจเหนื่อยๆ

ถ้าทักษ์เขาจะมีคนอื่น ดาก็เข้าใจนะเฮีย กว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน กว่าอะไรจะลงตัวมันก็ยากไปหมด แล้วครอบครัวเราก็ไม่ได้สมบูรณ์ ไม่มีลูกเป็นโซ่คล้องใจกัน

มีลูกแล้วยังเลิกกันได้เลย ดูอย่างเฮียกับเมียสิ ลักษณ์ยกเรื่องตัวเองสอนน้อง อย่าคิดเป็นแม่พระอย่างนั้น ถ้าคนมันรักกันจริง ก็ต้องยอมรับทุกอย่างที่เป็นเราได้

แปลกจังนะเฮีย ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้มันรู้สึกหดหู่พิกล สีดาพูดเชิงบ่น สงสัยเจอแต่เรื่องแย่ๆ น่าเบื่อ เห็นทีต้องหยุดงาน ชวนทักษ์ไปเที่ยวสักอาทิตย์

อย่าเพิ่งเลย จำไม่ได้เหรอ ที่เฮียรามบอกว่าช่วงนี้พวกเราต้องระวังตัว ลักษณ์เตือน

ก็นี่ไงเฮีย...ดาว่าจะหลบไปอยู่ต่างประเทศสักพัก ทิ้งงานให้จีมันทำไป เท่ากับเป็นการป้องกันตัวเองด้วย

เอาไว้ไปคุยกับผัวแกก่อนเถอะไป๊ ลักษณ์ตัดบท ไม่เห็นด้วยแต่ไม่คัดค้าน

แล้วเฮียล่ะ ไม่พักผ่อนบ้างเหรอ สีดาถาม

งานกองเป็นพะเรอ จะทิ้งไปได้ยังไง เขาพูด

พักก็ได้น่าเฮีย

ยังหรอก ยังไงก็ต้องรอให้ผ่านเรื่องมรดก เรื่องบริษัทกงสีอะไรให้เรียบร้อยก่อน

พูดถึงเรื่องนี้สีดาต้องถอนใจอีกรอบ มรดก พินัยกรรม สมบัติเหล่านี้มันแทงใจหล่อนมาตลอดตั้งแต่รู้ว่าแม่ทำพินัยกรรมอีกฉบับตัดหล่อนออกจากกองมรดก

ระหว่างที่ทั้งสองไม่มีคำพูดจา รถก็แล่นมาจอดถึงหน้าบ้านสีดา

ขอบคุณนะเฮีย ที่มาส่ง

เออ...ไปกินยา นอนพักซะ พรุ่งนี้จะได้ทำงานได้

เฮียนี่ คิดอะไรมีแต่เรื่องงาน ห่วงลูกบ้างนะเฮีย...เสียเมียไปคนแล้ว อย่าให้เสียลูกไปอีกล่ะ

สีดาทิ้งท้าย ลักษณ์ปวดใจ เขาเสียเมียแล้วจริงๆ ส่วนลูกสาวล่ะ เขาสูญเสียรุ่งรตีหรือยัง

การที่สองพ่อลูกอยู่บ้านเดียวกัน มองเห็นหน้ากัน แต่ไม่อาจเอื้อมแตะถึงใจกันได้ ไม่มีเรื่องราวจิปาถะประจำวันมาคุยกัน ยังนับเป็นคนใกล้ได้อยู่หรือ

ลักษณ์มองน้องสาวเดินเข้าบ้านซึ่งเป็นเรือนหอที่แม่ไม่เคยเหลือบแล ใจคอวิบวับบอกไม่ถูก เงาหลังสีดาเดียวดายดูคล้ายกำลังยืนอยู่ปากเหว ก้มมองเบื้องล่างมีแต่ความดำมืด ลึกจนไม่เห็นก้น


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP