วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๖


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


ร้านอาหารครัวพวงทองเป็นร้านอาหารใหญ่โต กว้างขวาง ตกแต่งสวยงาม ลงตัว ทำเลติดถนนใหญ่ ประกอบกับมีอาหารขึ้นชื่อ รสชาติถูกปากมาหลายปี ทำให้ลูกค้าไม่เคยบางตา

พี่น้องทั้งห้านั่งในห้องพิเศษ ติดเครื่องปรับอากาศ ปล่อยม่านลงมิดชิด คนภายนอกไม่มีโอกาสรับรู้การสนทนา

นอกจากพี่น้องทั้งห้า ยังมีบุคคลไม่ได้รับเชิญ แต่ยากออกปากขับไล่คือพิทักษ์ สามีของสีดาเจ้าของร้านครัวพวงทองในปัจจุบัน

การสนทนาเรื่องสัพเพเหระ ยังไม่วกเข้าสู่ประเด็นสำคัญ เนื่องด้วยต้องการรอให้คนนอกออกจากห้องเสียก่อน...คนนอกนั้นคือเขยของตระกูล

ร้านขายดีอย่างนี้ มีคนพอทำงานมั้ยดา รามถามน้องสาวแบบไม่สนใจคำตอบ

ก็พอนะเฮีย เด็กที่นี่มันทำงานแบบหมุนเวียนเข้าๆ ออกๆ ตลอด แต่ดามีคนทำเป็นหลักอยู่เลยไม่ลำบาก สีดาก็คุยตามน้ำ

ช่วงนี้ตลาดเป็นยังไงบ้างจี รามถามน้องคนเล็ก

ก็เรื่อยๆ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร สุขศจีตอบเสียงแข็งนิดๆ

แต่เฮียว่ารายได้มันน้อยลงนะ รามพูดต่อ

ไม่รู้สิ จีแค่ผู้จัดการดูแลทั่วไป แต่เจ้แกคุมบัญชี สุขศจีตอบห้วน

ตลาดสดขนาดใหญ่ทำรายได้มหาศาลต่อเดือนแบบน้ำเขื่อนใหญ่ แถมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ากิจการอื่น

ไม่น้อยหรอกครับเฮียราม พิทักษ์ตอบแทนภรรยา พอดีช่วงนี้เรามีรายจ่ายเรื่องปรับปรุงตลาดให้ได้มาตรฐานตามที่สาธารณสุขกำหนด ทำให้ยอดเงินเข้ากงสีน้อยกว่าเดิม แต่ถ้าดูรายละเอียดบัญชีแล้วจะรู้

รามหรี่ตามองน้องเขย สีหน้าเคร่ง รำคาญเต็มแก่

เออ หมุด...ตอนนี้ห้างเราจัดโปรโมชั่นอะไรมั้ย

สมุทรมองพี่ชายคนโต คร้านจะตอบ รู้ว่าถามไปอย่างนั้นเอง ใจจริงต้องการหาจังหวะไล่ใครบางคนต่างหาก

ก็มีเป็นช่วงๆ ถ้าไม่มีโปรโมชั่น ไม่มีจัดรายการกระตุ้นยอดขาย ไม่มีงานอะไรห้างมันก็จะเงียบ

สมุทรเป็นผู้จัดการห้างทรัพย์ยั่งยืนคอมเพล็กซ์ก็จริง แต่ลักษณ์พี่ชายคนรองจะเป็นผู้ควบคุมดูแลนโยบายอีกที

เฮียว่าจะหาคนมาช่วยดูที่บริษัทเดินรถของเราหน่อยว่ะ รามพูดให้คนฟังแปลกใจ ตอนนี้งานนายกฯก็หนัก ยิ่งใกล้หมดวาระ ยิ่งต้องเร่งงานหลายอย่างให้เสร็จ

ลักษณ์พยายามหาจุดประสงค์แท้จริงของวาจาพี่ชาย...ตำแหน่งนายกเทศมนตรีของรามไม่ได้เป็นเครื่องกีดขวางการดูแลบริษัทเดินรถทรัพย์ยั่งยืนทัวร์เลย หนำซ้ำมันยังช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตระกูลแทบทุกอย่าง

หมดวาระนี้ เฮียว่าจะสมัคร ส.ส. รามเปิดเผยในที่สุด

เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจใดๆ รามเดินมาบนเส้นทางการเมืองตั้งแต่ระดับเล็กจนถึงนายกเทศมนตรีระดับท้องถิ่น มีฐานคะแนนเสียงทั้งในตัวเมือง กับอำเภอนอกๆ ไม่น้อย ประกอบกับเป็นคนใจกว้าง คบหาเพื่อนฝูงหลากหลายทุกระดับ การที่ออกปากจะสมัคร ส.ส. ย่อมไม่ใช่เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต แต่เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ...พรรคการเมืองที่เปิดพร้อมรับรามเข้าไปคือพรรคของนายภาสกร หนึ่งในผู้จัดการมรดกนั่นเอง

การที่ภาสกรดึงตัวรามเข้าพรรคเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ ย่อมหมายถึงการที่รามจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงด้านเงินทุน การหาเสียงให้ ส.ส.ในพรรค ทำให้โอกาสที่จังหวัดนี้จะมี ส.ส.จากพรรคการเมืองเดียว นับว่าไม่ไกลเกินเอื้อม

ลักษณ์ถอนใจ...การที่พี่ชายเป็นนักการเมือง มีโอกาสเป็นถึงรัฐมนตรี มันจะมีส่วนช่วยขยายกิจการของตระกูล เป็นใบเบิกทางธุรกิจหลายด้าน...แต่กว่าจะถึงจุดนั้น ไม่รู้ต้องทุ่มเทแรงกายเงินทุนเท่าไหร่...มันคุ้มหรือไม่

ตอนนี้เข้าใจเจตนาที่รามเสนอเรื่องเบิกเงินกงสีเกินโควตาแล้ว ว่าจะใช้ในการใด...ขนาดยังไม่มีการพูดจาตกลงกับพี่น้อง ลักษณ์ยังอดหวั่นใจไม่ได้...หากทุกคนเห็นด้วยให้เบิกเงินเกินได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น

รายได้ทั้งหมดในกิจการหลักของตระกูลถูกเทรวมลงในบริษัทกงสี เม็ดเงินมันไม่น้อย หากทุกคนถลุงใช้มันมือ...รวมทั้งรามนำมาปูถนนสู่เวทีการเมือง...เขาแทบไม่อยากคิดเลยว่า...ลางวิบัติใกล้มาเยือนตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลแล้ว!





บทที่ ๕


จะเข้าพรรคของอาภาสกรเหรอ สมุทรถามทั้งที่รู้

ใช่ รามตอบ

เล่นการเมืองนี่มันต้องใช้เงินมากเลยนะเฮีย

พิทักษ์น้องเขยแสดงความเห็น

รามเงียบ ดวงตาฉายแวววับ ขุ่นใจ สีดาสะกิดสามีเป็นเชิงให้รู้ตัว รามเป็นคนโผงผางใจนักเลง เจ้าโทสะ โกรธง่าย

เฮียจะให้ใครดูแลบริษัทเดินรถ...เฮียหมุดเหรอ สุขศจีถาม

ยังไม่รู้เลย หมุดมันก็ช่วยลักษณ์ดูห้างฯของเราอยู่ งามเต็มมือ รามพูดไม่จริงจังนัก

ฟังเสียงพี่ชาย ลักษณ์ก็รู้ว่าไม่มีทางให้ใครมารับผิดชอบบริษัทเดินรถแทนแน่ ออกปากอย่างนั้นเพื่อเข้าประเด็นสมัคร ส.ส. และจะลากสู่เรื่องการใช้เงินกงสี

แล้วที่เฮียนัดมาคุยวันนี้มีธุระอะไร

สุขศจีน้องคนเล็กปากไวสุด ถามไม่เกรงใจ

ก็...เรื่องของพวกเรา

รามพูดอ้ำอึ้ง สายตามองน้องเขยเหมือนส่วนเกินในครอบครัว

งั้นผมขอตัวไปดูแขกก่อนนะครับ

เห็นท่าอย่างนั้น พิทักษ์รีบขอตัว พลางส่งสายตาให้ภรรยาแทนการสื่อสารด้วยวาจา

พอห้องอาหารเหลือแค่พี่น้อง รามแกล้งถอนใจดังๆ สีดาหน้าผิดปกติ เปรยอย่างเกรงใจ

ถ้าเฮียจะคุยเรื่องสำคัญ ส่วนตัวจริงๆ ก็น่าจะนัดกันที่โรงแรม

เฮ่ย ไม่มีอะไรหรอก พูดอย่างนั้นท่าทียังแสดงอารมณ์ขุ่น เฮียอยากคุยแบบกันเอง พี่ๆ น้องๆ ไม่อยากให้มีคนนอกเท่านั้น

แต่นั่นแฟนดานะเฮีย สีดาพ้อ

ใครไปว่าอะไรล่ะ แต่ดูสิ คืนนี้เฮียก็ไม่ได้เอาลูกเมียมา ไอ้หมุดก็เหมือนกัน

เข้าเรื่องเถอะเฮีย สมุทรออกปาก

พูดตรงๆ เลยนะ เฮียอยากคุยเรื่องบริษัทกงสีของเรา

คำพูดเหมือนระเบิดความเงียบลงกลางวง ทุกคนนิ่งอั้น มองผู้เริ่มเรื่องอย่างรอคอยฟังจุดประสงค์แท้จริง

จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าเราจะเบิกเงินเกินโควตาบ้าง

เสียงอ่อน มองท่าทีน้องๆ

เฮียมีเรื่องต้องใช้เงินอะไรนักหนา

สุขศจีโพล่งขึ้น ขนาดคุณนายพวงทอง หล่อนยังเถียงมาแล้ว ฉะนั้นพี่ชายคนโตจึงไม่เกรงใจกัน

ก็มีบ้างแหละน่า...ทุกคนก็มีไม่ใช่เหรอ อย่างไอ้หมุดนี่ก็ต้องส่งลูกไปซัมเมอร์แคมป์ที่อังกฤษทุกปี เมียมันก็เปรยว่าจะลงทุนซื้อหุ้น เพิ่มทุนซื้อบ้านที่อเมริกา ส่วนดาก็เคยบอกเฮียว่าอยากลงทุนทำกิจการค้าเพชรค้าทอง

ทุกคนมองตากัน จนคนที่ปิดปากมาตลอดได้ยิงประโยคเด็ด

ลงทุนกับการเมืองมันสูงนะเฮีย ลักษณ์พูดช้าๆ ยิงกลางใจพี่ชาย แล้วพรรคของอาภาสก็เป็นฝ่ายค้าน มีแต่เปลือก ข้างในกลวงโบ๋ เงินบำรุงพรรคจะมาจากไหน ถ้าไม่ใช่สมาชิก...เฮียคิดว่าจะเอาเงินเราไปอุดหนุนลงทุนกับเขาน่ะ มันคุ้มแล้วเหรอ...สมมุติว่าสมัยหน้าเลือกตั้งได้รัฐบาลพรรคเดียวอีก เขาไม่เอาพรรคอาภาสร่วมรัฐบาลจะทำยังไง เงินเราไม่สูญเปล่าเหรอ

รามอึ้ง กรุ่นไฟโทสะ คนอย่างเขาไม่เคยกลัวใคร ยกเว้นคุณนายพวงทอง ส่วนน้องชายคนรองนี้แค่เกรงใจ เพราะยอมรับในฝีมือบริหาร มันสมองที่ทำให้กิจการตระกูลก้าวหน้ามั่นคง

ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ตอนนี้รัฐบาลคะแนนเสียงตกลงเยอะ เป็นช่วงขาลงแล้ว รับรองเลือกตั้งสมัยหน้าไม่มีทางโกยคะแนนเหมือนเดิมหรอก รามมั่นใจ

ลักษณ์รู้ ความมั่นใจของพี่ชายมาจากไหน...นักการเมืองทุกคนมีสาลิกาลิ้นทอง รามคงถูกภาสกรเป่าหูมาแล้ว...ยิ่งคนใกล้ตัว เป็นผู้จัดการมรดก ยิ่งน่าเชื่อถือ เชื่อใจกันง่าย

ที่บอกว่าเกินโควตาน่ะ จะเกินได้ขนาดไหนล่ะเฮีย สักเก้าหลักได้มั้ย

สมุทรถามกึ่งจริงกึ่งเล่น แววตามาดหมาย

ลักษณ์แทบสะอึก เก้าหลักนี่มันระดับร้อยล้าน สมุทรอาจพูดเล่น แต่ซ่อนนัยหรือไม่

จะบ้าหรือเฮียหมุด นั่นมันปล้นสมบัติกันแล้ว สุขศจีอดไม่ได้

เฮ่ย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า รามประนีประนอม ทุนสำรองของเราแน่นปึ้กพอ รายรับต่อเดือนเหลือเฟือ ถ้าเราตกลงกันได้ ก็มาวางมาตรการ วางลิมิตกันอีกทีว่าแต่ละคนจะเบิกไปทำอะไร เท่าไหร่...กำหนดวงเงินมาเลยก็ได้

หลายคนเงียบ ชั่งน้ำหนักในใจ...แน่นอน หากข้อเสนอนี้ผ่าน ทุกคนต้องเบิกเกินโควตาเต็มที่ ไม่ยอมเสียเปรียบกัน

เอาอย่างนี้ดีมั้ย เปลี่ยนจากเบิกเงินเกินโควตาเป็นกู้เงินกองกลางด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดก็แล้วกัน ลักษณ์เสนอ ถ้าใครกู้ก็จะถูกหักเงินรายเดือน จนกว่าจะครบหนี้

ทำไมต้องคิดดอกเบี้ยกันด้วย สมุทรฉุน

ไปกู้ที่อื่นมีดอกเบี้ยหรือเปล่า

ลักษณ์ย้อน ตั้งใจกระทบบริษัทเงินทุนของเกตุ ภรรยาน้องชาย

เราคิดกันนิดหน่อย แบบพี่น้อง จะได้ไม่ต้องเอาเปรียบกัน

คำพูดของลักษณ์ทำเอาทุกคนเงียบอีกครั้ง คนที่อึดอัดใจสุดคือพี่ชายคนโต ข้อเสนอเขาง่ายดาย ทุกคนน่าจะพอใจ กลับถูกตลบหลังด้วยคำพูดน้องชาย

ที่จริง เฮียลักษณ์พูดก็ถูก ครู่ใหญ่กว่าสีดาจะออกปาก สมมุติเราเบิกเงินเกินโควตาได้ทุกคน ใครก็ต้องเบิกกันหมด สุดท้ายมีเงินแค่ไหนก็ไม่เหลือ ใช้วิธีกู้เงินกงสีนี่แหละยุติธรรมดีแล้ว

รามถอนใจเฮือก อารมณ์ขุ่นเต็มที่ ถ้าการพูดคุยครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินหลายหลักแล้ว เขาคงไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ขนาดนี้

ที่พูดนี่ก็เพื่อช่วยรักษาสิทธิให้พวกเรา รักษามรดกให้มันมั่นคง อยู่ได้ชั่วลูกชั่วหลานตามความต้องการของแม่

ลักษณ์เอ่ยถึงคุณนายพวงทองให้รามได้คิด ไม่กล้าอาละวาด

เฮียก็มีลูกมีเมีย ลูกเฮียเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว ไม่นานคงแต่งงานมีหลาน ผมเองก็มีลูกสาว ไอ้หมุดก็มีลูกมีเมีย ดาก็มีครอบครัว จีเองต้องมีสมบัติติดตัว ถ้าพวกเราถลุงเงินกงสีกันหมด แล้วรุ่นลูกรุ่นหลานเราจะเหลืออะไร

ลักษณ์พูดเหมือนเฮียจะพาทุกคนผลาญสมบัติ รามพูดเสียงกระด้าง โอเค เฮียยอมรับจะเอาเงินไปเล่นการเมือง...แต่การเมืองก็สร้างประโยชน์ให้พวกเรามากมาย...คิดดู ถ้าเฮียไม่ได้เป็นนายกเทศมนตรี ห้างฯของเราจะเป็นห้างฯเดียวในจังหวัดนี้หรือเปล่า...มีตั้งหลายห้างฯจากกรุงเทพฯจะมาตั้งแข่งกับเรา...เฮียก็ล็อบบี้พวกกรรมการไม่ให้อนุมัติ แล้วคิดดู เรื่องอื่นอีกล่ะ...โรงแรมของเรา สัมปทานเดินรถ อู่ต่อรถทัวร์ ตลาด จนกระทั่งร้านนี้ ถ้าไม่ได้อาศัยบารมีการเมืองของเฮีย มันจะดำเนินราบรื่นอย่างนี้มั้ย

ไม่มีใครเถียง...มันเป็นความจริง

การเมืองระดับประเทศมันหินกว่าการเมืองท้องถิ่นนะเฮีย ลักษณ์ติง ถ้าคิดว่าเป็นการทำธุรกิจ ก็เป็นธุรกิจที่ลงทุนสูงมาก แทบจะเทสมบัติพวกเราเข้าเดิมพัน...ถ้ามันสำเร็จ ถือว่าคุ้ม คืนทุนได้หลายเท่า...ถ้าพลาดล่ะ น้ำพักน้ำแรงที่พวกเราเหนื่อยยากมาเป็นสิบๆ ปีจะเป็นยังไง

งั้นพวกเรามาโหวตกัน จะให้กู้ หรือเบิกใช้ได้เกินฟรีๆ รามวางไม้ตาย

ลักษณ์มองหน้าน้องที่เหลือ ไม่มีใครโต้แย้ง...เมื่อพี่ใหญ่พูดอย่างนี้ เขาต้องเสี่ยง สิ่งสมควรพูดก็พูดหมดแล้ว...เหลือแต่จะมีคนฟังเข้าใจแค่ไหนเท่านั้น


พิทักษ์เกร่ดูแลลูกค้าพักใหญ่ สายตาแทบไม่คลาดจากห้องที่ห้าพี่น้องประชุมกัน มันต้องเป็นการประชุมลับสำคัญที่ไม่ยอมให้ผู้จัดการมรดกและฝ่ายกฎหมายของตระกูลรับรู้แน่...การถูกรามไล่ออกจากห้องทำให้เขาขุ่นมัวก็จริง แต่สถานการณ์นี้ควรอ่อนน้อม ยอมไปก่อน การแยกบัญชีโอนทรัพย์สินตามพินัยกรรมคุณนายพวงทองยังไม่เรียบร้อย ฝ่ายกฎหมายและผู้จัดการมรดกมัวจัดการบริษัทกงสีให้เข้ารูปรัดกุมกันอยู่

พิทักษ์มีความอดทนในการรอคอยอย่างยิ่ง รอจนกว่าทุกอย่างเรียบร้อยลงตัว เขาไม่กังวลเรื่องการประชุมห้าพี่น้อง ถึงอย่างไรสีดาต้องนำรายละเอียดมาบอกอยู่ดี

ตอนนี้คาดว่าการพูดคุยเรื่องสำคัญน่าจะสิ้นสุดแล้ว จึงเดินเกร่แถวหน้าประตูห้อง หาจังหวะเข้าไปโดยไม่น่าเกลียด...ชั่วเวลาไม่กี่นาทีประตูห้องก็เปิดผาง ร่างใหญ่เจ้าเนื้อของรามเดินพรวดออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ไอ้ห่า...มายืนแอบฟังอะไรวะมึง

รามพาลใส่โทสะกับน้องเขย

พิทักษ์ก้มหน้าทำตัวลีบไม่โต้ตอบ ดวงตาซ่อนประกายกล้า แหลมคม

ประตูยังเปิดค้าง มองเห็นทายาทตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลทั้งสี่อยู่ในห้อง พิทักษ์ลังเลชั่วขณะ ก่อนเดินยิ้มเข้าไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

เฮียเขาน่าจะฟังเราบ้างนะเฮียลักษณ์ สีดาอ่อนใจ หน้าสลด

คิดแต่ว่าเป็นพี่ใหญ่ ทำอะไรต้องถูกไปหมดหรือไง สุขศจีเสริมเสียงขุ่น

ลักษณ์ถอนใจเหลือบตามองสมุทร น้องชายคนนี้ทำให้เขาคาดไม่ถึง

ผลโหวตเมื่อครู่...สี่ต่อหนึ่ง...รามคิดผิดที่ว่าน้องทุกคนจะเห็นด้วยกับตน ส่วนลักษณ์ก็คาดผิดที่คิดว่าสมุทรจะลงคะแนนฝ่ายพี่คนโต

เสียงส่วนใหญ่ตกลงให้มีการกู้ยืมเงินกงสีแทนเบิกเงินเกินโควตา...มันอาจเป็นผลโหวตชนะขาดลอย...แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น รามคุมบริษัทเดินรถ อู่ต่อรถทัวร์อันเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของกิจการทรัพย์ยั่งยืนฯ...อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเขาจำเป็นต้องใช้เงินเล่นการเมืองจริงๆ


ขณะที่ห้องอาหารร้านครัวพวงทองติดแอร์เย็นเฉียบ บริการสุดหรู อาหารเลิศรส แต่คนร่วมโต๊ะกลับหมางเมิน ขัดแย้ง พกความขุ่นเคืองใส่กัน...ยังมีห้องอาหารอีกแห่ง เรียบง่าย อาศัยลมธรรมชาติ บริการตัวเอง คนร่วมโต๊ะยิ้มแย้มแจ่มใสแสนอบอุ่น โอบคลุมห้อมล้อมด้วยความรัก

รุ่งรตีเกือบจะลืมเลือนบรรยากาศกินข้าวครอบครัวไปแล้ว เชนทำให้หล่อนประหลาดใจเมื่อเขาพามากินข้าวที่บ้าน แม่ครัวใหญ่คือคุณจิตใส นายพลทางธรรมเป็นลูกมือ เชนเป็นบริกรตั้งโต๊ะ

คืนนี้อากาศดี ประกอบกับมีแขกพิเศษ จึงตั้งโต๊ะอาหารที่ศาลาริมระเบียง ใกล้สวนดอกไม้ กลิ่นหอมของบุปผาราตรีโชยชาย บรรยากาศหายากจากร้านอาหารทั่วไป

อาหารทำง่ายแบบพื้นๆ แม่ครัวมีฝีมือปรุงรสเด็ดขาด กับข้าวธรรมดามีรสชาติไม่ต่างภัตตาคารหรู

รุ่งรตีคุ้นเคยกับคุณจิตใส ผูกพันเหมือนแม่คนที่สอง สมัยเด็กเคยนอนค้างด้วยกันหลายครั้ง ลักษณ์มักมีงานยุ่ง บางครั้งไปต่างประเทศ ต้องฝากลูกสาวกับคุณจิตใสประจำ

รุ่งรตีขัดเขินอยู่บ้างกับการแต่งหน้าแต่งตัวของตนต่อหน้าผู้ใหญ่ที่น่านับถือ แต่ทั้งสองไม่แสดงท่าทีตำหนิ พูดคุย ชี้ชวนตักอาหารกันเองเหมือนหล่อนเป็นเด็กตัวเล็ก เอาอกเอาใจ ถามไถ่ไม่มากไม่น้อยจนหญิงสาวคลายความอึดอัด

คุณจิตใสพารุ่งรตีย้อนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง มีความสุขกับครอบครัวอบอุ่น ได้พบรอยยิ้มเสียงหัวเราะไม่เสแสร้ง

เข็มนาฬิกาความสุขช่างแสนสั้น รู้ตัวอีกที หญิงสาวก็มายืนข้างอ่างคอยเป็นลูกมือเชนล้างจาน ทั้งที่อีกฝ่ายปฏิเสธเสียงแข็ง

พี่ชวนมาเป็นแขกนะ...จะให้แขกมาช่วยล้างจานได้ไง เชนดุปนยิ้ม

รุ้งไม่ใช่แขกซะหน่อย สมัยเด็กก็มาค้างที่นี่ออกบ่อย

นั่นแหละ ยังไงก็ชวนมากินข้าว ไม่ได้ให้ช่วยล้างจาน

เขาพูดพลางเลี่ยงไม่ให้หญิงสาวช่วย

เถอะน่า...ถ้าพี่เชนไม่ให้ช่วยนะ รุ้งจะไปฟ้องคุณป้า หล่อนขู่

งั้นยืนเฉยๆ ให้กำลังใจพี่แล้วกัน เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ

ดีใจจังที่พี่เชนชวนรุ้งมากินข้าวมื้อนี้

หญิงสาวยิ้มพราว นัยน์ตาใส

ไม่โกรธเหรอ พี่ไม่ได้พาไปร้านอาหารอย่างที่บอกซะหน่อย

รุ่งรตีหัวเราะเบาๆ

รุ้งกินข้าวนอกบ้านจนเบื่อแล้วละ อยากกินข้าวที่บ้านพร้อมหน้าแบบนี้แหละ

น้าลักษณ์เขางานเยอะ ถ้าว่างรุ้งมากินข้าวบ้านพี่ได้ทุกเวลา

เขาพูดเรื่อยๆ ไม่เจตนากระทบความรู้สึกหญิงสาว เขาพอจะเห็นความไม่ลงรอยระหว่างสองพ่อลูก ประกอบกับครอบครัวใกล้กันจึงรู้ตื้นลึกหนาบางดี

อือ... หญิงสาวรับคำ แปลบใจเล็กๆ คราวหน้าพี่เชนต้องให้รุ้งล้างจานด้วยนะ

ชายหนุ่มหัวเราะ ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้

ตามสบายเลย หรือจะมาช่วยแม่ทำกับข้าวก็ได้นะ...แม่พี่เข้าครัวแทบทุกวัน ถ้าได้ลูกมือคงสนุกดี

อุบอิบแล้วนะ รุ่งรตีถือเป็นสัญญา แต่กับข้าวฝีมือรุ้ง ไม่รู้คุณลุงกับพี่เชนจะกินได้หรือเปล่า

พ่อเป็นคนกินง่าย อะไรก็ได้ พี่ก็เหมือนกัน...ถ้ารุ้งจะหัดทำกับข้าวล่ะก็...รับรอง ที่นี่มีนักชิมชั้นดี ติใครไม่เป็นอยู่สองคน

หญิงสาวหัวเราะ มองรอบห้องครัว บริเวณบ้านกว้างขวางสะอาดสะอ้าน อาจไม่ใหญ่โตอลังการเช่นบ้านหล่อน แต่ไม่ใช่หลังเล็กแบบบ้านจัดสรร สวนต้นไม้รอบบ้านสวยขนาดถ่ายลงหนังสือได้...ไม่น่าเชื่อจะอยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก

แปลกจังบ้านพี่เชนสะอาดอย่างนี้ ไม่มีลูกจ้างเหรอ...คุณป้าคงเหนื่อยแย่

อ๋อ มีเหมือนกัน เป็นลูกจ้างที่ร้านของแม่น่ะ เราจ้างพิเศษให้เขาดูแลทำความสะอาด ซักผ้าอะไรประมาณนี้ แม่แกสงสารเห็นเขามีลูกหลายคน รายได้ไม่พอ เลยหางานให้ทำ

แหม รุ้งอยากมาทำงานกับคุณป้าจัง...ใจดีแบบนี้

เชนนึกขัน ลูกเศรษฐีร่ำรวยอันดับหนึ่งในจังหวัด อยากมาทำงานร้านขายส่งของชำ

หรือจะขายหิน ขายปูน วัสดุก่อสร้างอย่างพี่เชนดี รุ่งรตีล้อ

คนงานที่ร้านต้นไม้พ่อพี่ยังขาดอยู่แน่ะ สนใจมั้ย เขาหยอกกลับ

สนใจซี...แต่ขออยู่โซนดอกไม้นะ จะได้เห็นของสวยๆ งามๆ ทั้งวัน หญิงสาวยิ่งชอบ

ถ้าชอบดอกไม้ พี่ว่ารุ้งเปิดร้านไม้ดอกในเมืองดีกว่า น้าลักษณ์แกเป็นนายทุนให้อยู่แล้ว

หลุดปากแล้วนึกสะดุด เห็นสีหน้าหญิงสาวเปลี่ยนไป รอยหม่นจางทาทาบ ก่อนจะยักไหล่ ต่างหูระย้ากระทบกันดังกรุ๋งกริ๋ง

กิจการที่มีกำไรไม่ถึงหลักล้าน พ่อเขาไม่ลงทุนหรอกมั้ง

ฟังจากน้ำเสียงก็สัมผัสความห่างเหินต่อบุพการีชัดเจน

เชนนิ่งชั่วครู่ นำจานใบสุดท้ายผึ่งบนตะแกรง นึกเปลี่ยนเรื่องคุย

มาอยู่นี่รุ้งได้ไปเที่ยวที่ไหนหรือยัง วันอาทิตย์นี้ว่างมั้ย พี่จะพาไปเที่ยวน้ำตก หรือถ้านึกสนุกก็ข้ามฝั่งไปพม่ากัน

ยังเลย รุ่งรตียิ้มฝืดตอบแค่คำถามแรก คำว่า เที่ยวของหล่อนกับเชนต่างกันไม่น้อย

ชายหนุ่มสังเกตอาการสะดุดของคู่สนทนาเป็นระยะ รอยขุ่นอารมณ์หญิงสาวยังไม่จาง เบี่ยงประเด็นคุยแล้วยังไม่มีประโยชน์

ค่ำแล้ว รุ้งขอตัวกลับก่อนนะ

อ้าว ทำไมรีบกลับ

เขาสงสัยความเปลี่ยนแปลงชั่วไม่กี่คำพูดของรุ่งรตี

หญิงสาวยิ้มเฉย ไม่อยากตอบ...เพราะมันค่ำแล้ว หล่อนจึงมีที่เที่ยวต่อได้

รุ้งไปลาคุณลุงคุณป้าก่อนนะพี่เชน

พูดจบก็เดินออกจากห้องครัว ไม่สนใจคู่สนทนา

เชนเริ่มสังเกตความแปลกแยกของหญิงสาวชัดเจนขึ้น รุ่งรตีอ่อนไหวต่อสิ่งกระทบ อารมณ์แปรเปลี่ยนง่าย วูบวาบไม่แน่นอน ผลุนผลันทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น หรือนี่เป็นลักษณะของเด็กบ้านแตก

เห็นอย่างนี้ ชายหนุ่มนึกย้อนมองดูตัวเองผ่านวันเวลาเก่า...หากเขาไม่ได้พบพ่อแม่ที่ประเสริฐเช่นนายพลทางธรรม คุณจิตใส ปัจจุบันจะเป็นเช่นไร...กุ๊ยข้างถนน มารสังคม ผู้ชายที่เอาแต่อารมณ์ หรือมนุษย์ที่มีโลกส่วนตัวไม่สนใจใคร

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ขอบคุณกรรมดีที่เคยกระทำ ชักนำให้ได้พบพานผู้ประเสริฐทั้งสอง แต่กับหญิงสาวผู้เป็นเสมือนญาติ ชีวิตหล่อนจะเป็นเช่นไร หากปล่อยตัวปล่อยใจให้เคว้างคว้างตามอารมณ์ โดยไม่มีหลักใจยึดเหนี่ยวเอาเสียเลย


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP