วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๑๒


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


คำจู่โจมทำเอาหญิงสาวตั้งตัวไม่ติด

แล้วยังไง

สติไม่สั่งงานจึงหลุดคำพูดทื่อๆ

เธียรถอนใจ ค่อย ๆ พูดต่อ

ตอนอยู่ต่างประเทศผมยอมรับว่ามีผู้หญิงมาพัวพัน แต่ไม่จริงจังอะไรกันทั้งสองฝ่าย รอยเป็นหนึ่งเดียวเสมอ ไม่มีใครแทนที่...ช่วงเวลานั้น ผมได้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับรอยหลายเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็เชื่อใจเสมอไม่เคยถามกวนใจ

จดหมายจากรอยมาถึงผมน้อยเหลือเกิน โทรศัพท์ไปหาก็เจอบ้าง ไม่รับบ้าง ระยะห่างของเรามากเกินไป จนมันขาดหายในที่สุด

ผมไม่สามารถลบภาพรอยจากใจได้ กลับมาคราวนี้อยากให้เราปรับความเข้าใจกัน อยากให้เราเป็นเหมือนเดิม

เหมือนเดิม

รอยจันทร์ทวนคำด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ไหนๆ ก็ถอดใจพูดกันแล้ว หล่อนก็ขอระบายความอัดอั้นในใจบ้าง คำพูดที่ไม่ยอมหลุดจากปากในชีวิตจริง ขอให้ปลดปล่อยที่นี่เสียให้หมด

จะเหมือนเดิมได้ยังไง คุณรู้มั้ย ฉันลำบากแค่ไหนตั้งแต่พ่อแม่ตาย ต้องรับภาระดูแลตัวเอง ดูแลน้อง...แถมข่าวคราวจากผู้หวังดีที่ส่งเรื่องของคุณมาให้ฉันน่ะมากมาย ละเอียดยิบยิ่งกว่าหนังสือพิมพ์เสียอีก

ฉันอยากเชื่อใจคุณ แต่พอเขียนจดหมายไปถามคุณก็ไม่ยอมตอบ ไม่พูดถึง กัดฟันโทร.ไปหาก็เจอผู้หญิงรับสาย บอกว่าไม่อยู่บ้าง กำลังอาบน้ำอยู่บ้าง จะให้ฉันคิดยังไง...ฉันมันโง่เองที่รักผู้ชายรวย ลืมไปว่าคนพวกนี้มีตัวเลือกเยอะ ไม่มีวันจริงใจกับใคร

สุดท้ายฉันก็ยอมแพ้ ก้มหน้าทำงานเลี้ยงตัว ไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้อีก มันจบไปแล้ว ละครปิดฉากฉันก็แค่เตรียมตัวรับงานเรื่องต่อไป

พอระบายอย่างนี้หัวอกค่อยโล่ง ท้องฟ้าขาวเริ่มมีสีระเรื่อฟ้าอมส้มแตะแต้ม

ผมไม่รู้จะเคลียร์กับคุณยังไง ก็อย่างที่บอก ผมมีผู้หญิงมาพัวพันบ้าง แต่วันนี้มันจบหมดแล้ว เราโยนทิ้งเรื่องเก่าไปให้หมดเลยดีมั้ย

เธียรพูดช้าๆ แววตาจริงจัง

ผมขอเริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่แรก

บ้าสิ รอยจันทร์อดแหวไม่ได้ทั้งที่ใจยอมรับ


สวัสดีครับคุณรอยจันทร์...ผมชื่อเธียร ยินดีที่ได้รู้จัก ชายหนุ่มค้อมศีรษะน้อยๆ ดวงตาทอประกายพราว ริมฝีปากยิ้ม แสดงความจริงใจ

ความอบอุ่นแผ่ซ่านบาง ๆ รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้ารอยจันทร์ชั่วแวบก่อนแสร้งตีหน้าเฉย

ขอโทษค่ะคุณเธียร ที่แนะนำตัวแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไรไม่ทราบ

ผมชอบคุณ...อยากรู้จัก จะให้โอกาสผมได้ไหมครับ

รอยจันทร์ไม่ตอบ ไม่รู้จะหาคำพูดไหนตอบคำถามนี้

เบื้องบนฟ้ากระจ่างระบายสีอมส้มระเรื่อ ริ้วรอยก้อนเมฆลอยแตะแต้มทีละน้อย สนามหญ้าสีเขียวหมุนตัวช้าๆ โลกแห่งความฝันแปรเปลี่ยน อาการวิงเวียนวูบวาบกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวไม่อาจยืนได้ เท้าเบาตัวลอยไร้น้ำหนัก

สภาพเธียรไม่ต่างกัน สองร่างลอยละลิ่วเคว้งคว้างเข้าสู่กงล้อที่มองไม่เห็น มันหมุนวนเชื่องช้าไม่ยอมหยุด แยกทั้งคู่ให้ห่างกันคนละทิศทาง


เธียรเห็นแสงสีวูบวาบผ่านตาก่อนสติกลับคืนร่าง รู้สึกทรมานเหมือนร่างกายแตกเป็นชิ้นๆ ไอร้อนพลุ่งพล่านชั่วขณะใหญ่ก่อนมันค่อยสงบตัว

ร่างโปร่งเบาลอยนิ่งเข้าสู่การพักผ่อนเต็มตื่น สุดท้ายเปิดเปลือกตาขึ้น แสงสว่างแยงตาจนพร่า หัวกลวงนึกไม่ออกขณะนี้อยู่ที่ไหน

ยันตัวลุกขึ้นยืนเซๆ รอบตัวเป็นห้องนอนเล็กๆ ข้าวของจัดวางเป็นระเบียบ สะอาด หน้าต่างเปิดกว้าง ลมโกรก พระอาทิตย์ลอยสูง แดดจ้า

ที่นี่เป็นห้องนอนใครไม่รู้ มันมีความเรียบง่าย อบอุ่นที่ลงตัว ผิดกับห้องนอนเขาลิบลับ

เธียรเปิดประตูออกจากห้อง พบบันไดลงชั้นล่าง สภาพที่เห็นค่อยคุ้นตา เดินมาถึงห้องครัวพบชายหนุ่มร่างสูงหันหลังชงกาแฟ ค่อยนึกได้

ริว เธียรเรียก

ตื่นแล้วหรือครับ หลับสบายมั้ย ชายหนุ่มชงกาแฟคือริว

พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาถาม

อย่าเพิ่งสนใจเลย ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ ผมเตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ในห้องน้ำแล้วเดี๋ยวออกมากินกาแฟกัน ริวตัดบทง่ายๆ

เธียรยอมทำตาม จนบัดนี้เขายังนึกอะไรไม่ออก ถ้าได้ล้างหน้าเสียหน่อยคงสดชื่นขึ้น


กาแฟที่ริวชงรสชาติกลมกล่อมกำลังดี ขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ หอมเข้ากัน บอกถึงความช่างเลือกของผู้ซื้อ ตั้งแต่นั่งจิบกาแฟมื้อเช้าเธียรยังไม่ได้ซักถามเรื่องที่อยากรู้ พอๆ กับริวไม่กระตือรือร้นต้องการเล่า

รอยไปทำงานแล้วหรือ เธียรไม่เห็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิง

ยังไม่ตื่นมั้งพี่ แต่ไม่เป็นไรหรอกช่วงเช้าเจ๊แกไม่มีงาน แต่ตอนบ่ายต้องไปอัดรายการ ริวพูด

จริงสิ ริวยังไม่บอกเลย ทำไมพี่มานอนที่นี่ เธียรเริ่มต้นถาม

ผมพามาเองแหละ คำตอบฟังง่าย เข้าใจยาก

เกิดอะไรขึ้นที่งานเมื่อคืน ข้อสงสัยลำดับแรก

ริวยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดให้แทนคำตอบ

ตั้งสติให้ดีก่อนอ่านนะพี่ เธียรรับมาดู สะดุดกับพาดหัวข่าวหน้าแรก


งานเลี้ยงสยอง ไฮโซเรียงแถวเข้า ร.พ.

เนื้อข่าวสรุปสั้นๆ งานเลี้ยงเปิดตัวไวน์นอกที่บริษัทในเครือนาคพิทักษ์จัดนั้น เกิดเหตุสลดแขกผู้ร่วมงานที่ดื่มไวน์เกิดอาการช็อกหมดสติ รวมถึงพวกนางแบบ นักข่าวทั้งหมด พนักงานโรงแรมพบเมื่อกลางดึกจึงแจ้งทางโรงพยาบาลหน่วยฉุกเฉินให้มาช่วยเหลือ

สันนิษฐานขั้นต้นแพทย์ชี้ว่าต้นเหตุน่าจะเกิดจากไวน์ที่แจกในงานมีสารพิษเจือปน จึงสั่งระงับการนำเข้าสินค้าชิ้นนี้แล้ว

ต่อมาเป็นรายชื่อคนดังที่เรียงแถวเข้าโรงพยาบาลและหนึ่งในนั้นคือ ก้องฟ้า นาคพิทักษ์

เธียรหน้าซีดมือสั่นวางหนังสือพิมพ์ด้วยอาการงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก สำนึกแรกบอกตนเอง ต้องรีบไปหาพ่อที่โรงพยาบาลก่อน

พี่ต้องไปแล้วริว...ขอตัวก่อนนะ เธียรลุกขึ้นมือเกร็งจับโต๊ะแน่น

เดี๋ยวก่อนก็ได้ครับ ริวจับข้อมือไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนช่วยให้ใจเย็น นั่งคุยกันก่อน มันยังมีเบื้องหลังที่หนังสือพิมพ์ไม่ได้ลงอีก

ใช่ เธียรนึกได้ ก่อนหมดสติเขาเห็นห้องจัดเลี้ยงคละคลุ้งด้วยหมอกไอสีขาว มีกลิ่นเหม็นฉุนเหมือนน้ำครำ

พี่จำได้เมื่อคืนมันมีหมอกควันขาวๆคล้ายไดร์ไอซ์ เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องมีอะไรมากกว่าไวน์พิษแน่ๆ

ถามตรงๆ พี่มีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า ริวถามเข้าประเด็น

ถ้าหมายถึงศัตรูทางธุรกิจน่ะพี่ไม่รู้ ริวคิดว่ามันเป็นการกลั่นแกล้งทางธุรกิจงั้นเหรอ

ริวนิ่ง อยากบอกว่ามันไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่จงใจเอาชีวิต เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องเหนือธรรมชาติให้เธียรฟังยังไงถึงไม่ถูกหาว่าบ้า ใครจะเชื่อเหตุร้ายเมื่อคืนเป็นการสำแดงฤทธิ์ของพญานาค

ศัตรู ในความหมายของริวไม่เกี่ยวกับมนุษย์ เขาแค่อยากรู้ตระกูลนาคพิทักษ์ไปทำอะไรให้จอมนาคาพิโรธ

ความเงียบของทั้งคู่ถูกทำลายด้วยเสียงฝีเท้าเดินลงบันได


ริว...อยู่ไหนวะ ฉันกลับมาบ้านสภาพนี้ได้ยังไง เสียงรอยจันทร์ดังมาก่อนตัว

หญิงสาวยืนหน้าครัวด้วยสภาพโทรมเต็มที่ เสื้อผ้าที่ใส่เป็นชุดเดินแบบเมื่อคืน ผมหลุดลุ่ยพองฟู ใบหน้าถูกเช็ดเครื่องสำอางหมดดูขาวซีดราวกับศพ

เฮ้ย!”หล่อนอุทานเมื่อเห็นในครัวไม่ได้มีแค่น้องชาย

คุณมาทำอะไรที่นี่ รอยจันทร์ชักสีหน้าถาม

เธียรเห็นสภาพหล่อนแล้วอดยิ้มไม่ได้ รอยจันทร์ตอนนี้ผิดกับหญิงสาวเฉิดฉายบนแคทวอล์กลิบลับ

ริวชวนมากินกาแฟด้วย เขาตอบ

ไอ้ริว ขึ้นเสียงเรียกน้องชายแต่ยังหาข้อกล่าวหาไม่ได้

เจ๊ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะ สภาพดูไม่ได้เลย ดีนะไม่ได้เล่นเป็นนางเอกไม่งั้นแฟนๆ มาเห็นคงหมดศรัทธาแน่

โดนไม้นี้จึงนึกได้ สภาพตนเองไม่เหมาะให้คนนอกได้พบโดยเฉพาะคนชื่อ เธียร

ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีรอยจันทร์ก็หายลับขึ้นชั้นบนโดยแอบอาฆาตน้องชายไว้ในใจโทษฐานเห็นคนอื่นดีกว่าพี่สาวตัวเอง

เธียรยิ้มตามร่างหญิงสาว ความฝันเมื่อคืนช่วยสร้างความรู้สึกดีๆ ให้เกิดขึ้นในใจ คิดแล้วอยากให้มันเป็นความจริงด้วยซ้ำ

เดี๋ยวพี่เธียรรอออกไปพร้อมพวกเราก็ได้ ผมจะไปส่งเอง

ก็ดี เธียรยอมรับ งั้นช่วยเล่ารายละเอียดเมื่อคืนให้ฟังหน่อยสิ พี่ยังสงสัยถ้าไวน์นั่นมีพิษจริง ทำไมคนเกือบทั้งงานเข้าโรงพยาบาลแต่พวกเรากลับไม่เป็นไร

ริวนิ่งคิดเรียบเรียงคำพูดพยายามให้ฟังดูสมเหตุสมผลไม่เกี่ยวพันกับเรื่องเหนือธรรมชาติ

เท่าที่ผมสังเกต พิษในไวน์นั่นต้องรวมกับหมอกในห้องมันถึงออกฤทธิ์เต็มที่ อย่างผมไม่ดื่มเลยก็ไม่มีปัญหาอะไร รอยจิบนิดหน่อย ส่วนพี่เธียรเข้ามาในห้องหลังจากหมอกพิษกระจายเต็มที่แล้ว ระยะเวลาในนั้นก็สั้นมันเลยไม่ค่อยมีผล เท่าที่ผมอ่านในหนังสือพิมพ์ แขกที่สลบส่วนใหญ่ตอนหลังฟื้นมาไม่ค่อยมีปัญหาอะไร พวกที่เข้าโรงพยาบาลน่าจะเป็นพวกดื่มหนักมากกว่า

เธียรคิดตาม

ถ้าอย่างนั้นพอริวเข้าไปเจอรอยในห้องก็พากันออกมาเลยใช่มั้ย

ครับ ตอนนั้นพี่เธียรเบลอจำอะไรไม่ได้ ผมเลยพากลับมานอนบ้านด้วยกัน

ริวปิดเรื่องง่ายๆ ทั้งที่ความจริงรายละเอียดมีมากกว่านั้นหลายเท่า


หลังจากสิงหานาคราชยอมถอยกลับ ไอพิษในห้องจัดเลี้ยงก็สูญหาย แขกเหรื่อนักข่าว ผู้ร่วมงานยังนอนกันเกลื่อน ริวละล้าละลังอยากช่วยพี่สาว อีกใจก็เป็นห่วงคนอื่น จนพันเกลียวบอกว่าไม่มีปัญหาให้พารอยจันทร์กับเธียรออกไปก่อน หล่อนจะช่วยขจัดพิษคนเหล่านี้ให้เท่าที่จะทำได้

ผ่านไปค่อนคืน พันเกลียวลงมาสมทบที่รถก่อนพนักงานโรงแรมจะเข้าไปพบเหตุการณ์ ริวตัดสินใจพาทุกคนไปที่บ้าน ระหว่างทางมีข้อสงสัยหลายอย่างอยากถามพันเกลียว เห็นหญิงสาวนิ่ง นั่งหลังตรงเหมือนรูปปั้นจนนึกเกรงใจไม่กล้าเอ่ยปาก จับต้นชนปลายเอาเองคิดว่าไม่น่าผิดความจริงสักเท่าใด

นับจากเขาได้รับคืนอำนาจนาคา พันเกลียวน่าจะคอยดูอยู่ห่างๆ ออกมาช่วยเหลือยามคับขัน การออกชื่อ สิงหานาคราช ชัดเจนแสดงว่ารู้จักศัตรูร้ายรวมถึงสาเหตุความอาฆาตชัดเจน นี่อาจเป็นเหตุผลที่เขาได้รับคืนอำนาจนาคาก็ได้

ถึงบ้านเกือบตีสี่ พันเกลียวช่วยถอนพิษให้รอยจันทร์กับเธียรเรียบร้อย สีหน้าหล่อนอิดโรยเล็กน้อยแสดงว่าพิษเหล่านี้ไม่ธรรมดา มิน่าถึงยังมีบางคนต้องเข้าไปรักษาต่อในโรงพยาบาล

ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมและทุกคน ริวพูดอีกครั้งก่อนหญิงสาวจะกลับ

ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร หล่อนพูด

ผมมีคำถาม ไม่ทราบคุณจะช่วยให้คำตอบได้มั้ย ริวเสี่ยงพูด

เก็บมันไว้ก่อน อีกสองสามวันค่อยไปหาฉันที่บ้าน พูดจบก็ยื่นกระดาษเขียนแผนที่มาให้และจากไปโดยไม่ยอมให้ริวไปส่ง


คืนที่แสนวุ่นวายผ่านไปแล้ว ปัญหายังไม่จบ เธียรกับตระกูลนาคพิทักษ์เจอเรื่องร้ายมีผู้เสียหายมากมาย คนเหล่านั้นล้วนมีชื่อเสียง คนดังในวงสังคม ไม่ต้องพูดถึง นักข่าวและผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ ตระกูลนาคพิทักษ์คงถูกรุมกระหน่ำจนตั้งตัวไม่ติด ยิ่งก้องฟ้าเข้าโรงพยาบาล ถนนทุกสายต้องมุ่งสู่เธียร สีหน้าของริวคงบอกความรู้สึกไม่น้อย เธียรจึงยิ้มเซียวๆ ให้

เท่าที่ดูจากข่าว สงสัยกลับไปพี่คงโดนศึกหนักแน่

ผมเอาใจช่วยนะ ริวให้กำลังใจ

ขอบใจว่ะ

ถ้ากำลังใจของผมยังไม่พอ จะเรียกของอีกคนมาให้ก็ได้นะ ริวหลิ่วตามองชั้นบน

เธียรหัวเราะเบาๆ ความคาใจต่อรอยจันทร์หายไปหมด ฝันเมื่อคืนช่วยปลดปล่อยเรื่องกดดันในใจหมดสิ้น

รอยจันทร์อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยลงมาที่ห้องครัว เห็นน้องชายเตรียมกาแฟไว้ให้ ส่วนชายอีกคนยังไม่ยอมไปไหน

ผมจะไปส่งพี่เธียรก่อนนะ ริวรีบบอก

หญิงสาวปรายตามอง

คนเคยนั่งแต่รถยุโรป จะมานั่งรถญี่ปุ่นเก่าๆ ได้เหรอ

เธียรถือว่าคำเหน็บแนมนั้นแสดงความมีเยื่อใย

สมัยก่อนก็เคยขับมอเตอร์ไซค์ซ้อนสาวไปได้ทั่ว ตอนนี้มีรถญี่ปุ่นนั่งก็ถือว่าดีกว่าเดิมแล้วละ

ชายหนุ่มตอบ รอยจันทร์นิ่งอั้นหล่อนรู้ดี สาว คนเดียวที่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์เขาคือตนเอง

ริวลุกจากเก้าอี้ทำท่าเก็บของเตรียมตัวไปทำงาน

จะไปไหน รอยจันทร์รีบถาม ไม่อยากอยู่สองต่อสองกับเธียร

จัดของเตรียมสคริปต์ให้เจ๊ไง วันนี้อัดรายการมิติเร้นนะ พี่แพทให้บทมาแล้ว เดี๋ยวลืมเอาติดรถ พูดจบก็ฉากหลบทันที

รอยจันทร์ทำท่าจะตามน้องชาย

กลัวผมหรือครับ เธียรใช้คำพูดหยุดหญิงสาว

ฉันจะกลัวอะไรคุณ หล่อนแหวใส่

ไม่เห็นต้องรีบเลย เดี๋ยวสำลักกาแฟนะ เขาล้อ

รอยจันทร์ตีหน้าบึ้ง ไม่ยอมมองหน้า เธียรอมยิ้ม ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมอง

สวัสดีครับคุณรอยจันทร์

เธียรใช้น้ำเสียงเป็นทางการใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม

ผมชื่อเธียร...อยากรู้จักคุณ...จะให้โอกาสผมได้มั้ยครับ

หญิงสาวชะงักนัยน์ตาเบิกกว้างมองเธียรอย่างงุนงง คำพูดนี้ได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง ในฝันเมื่อคืน หล่อนฝันว่าได้พบเขากลางทุ่งหญ้ากว้าง พูดจาใส่อารมณ์ถอดวาจาจากใจออกมาจนหมด เขาบอกประโยคนี้ก่อนตื่น

จะให้โอกาสผมได้มั้ย ไม่อยากเชื่อคำพูดนี้จะเป็นจริง

เธียรยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นอาการปั้นปึ่งลดลง ใบหน้ารอยจันทร์มีสีจัดซ่าน ไม่มีใครคาด นางร้ายปากไวจะหน้าแดงเป็น

เรื่องเก่าๆ เราไม่ต้องเก็บมาสนใจดีมั้ย เขารีบสานต่อ ผมขอเริ่มต้นใหม่พิสูจน์ตัวเองให้รอยเห็นว่าผมจะเป็น พี่เธียร คนเดิมได้หรือไม่

คำพูดง่ายๆ ตรงไปตรงมา ซึมลึกถึงกลางใจ รอยจันทร์ไม่มีคำตอบให้ คำพูด บางครั้งก็เกินจำเป็น เวลา และการกระทำอย่างจริงใจต่างหากที่สำคัญกว่า หล่อนคงไม่ตอบรับเขาง่ายๆ ว่า ฉันยอมให้โอกาสคุณ หรือแกล้งทำเป็นนางเอกแสนงอนพูดโง่ๆ ว่า ไม่รู้ไม่ชี้ รอยจันทร์ก็คือรอยจันทร์ ผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร

ริวมันคงเตรียมของเตรียมรถเสร็จแล้วมั้ง จะไปด้วยก็เชิญ ค่ะ... คำลงท้ายเว้นระยะ ลังเลใจก่อนพูดออกมา แสดงความรู้สึกบางอย่างในใจ

เธียรผุดพรายรอยยิ้ม เขาไม่ใช่คนโง่จนสังเกตอากัปกิริยาไม่ออกเสียเลย

คำพูด ไม่สำคัญเท่าการกระทำ และการกระทำบางอย่างต้องใช้ จิตใจ มองถึงจะเข้าใจ


-----000-----


ริวส่งเธียรที่โรงพยาบาลก่อนขับรถไปยังสตูดิโออัดรายการ ตลอดทางที่นั่งมากันสามคน บรรยากาศในรถดีกว่าที่คิด ไม่หมางเมินเย็นชาอย่างเก่า เธียรกับรอยจันทร์ยังไม่พูดจากันก็จริงแต่ไม่บึ้งตึงใส่กัน นับเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับทั้งคู่ เธียรลงจากรถเข้าโรงพยาบาล ริวขับออกมาค่อยเอ่ยปากกับรอยจันทร์

น่าสงสารพี่เธียรนะ กลับไปคราวนี้เจอศึกใหญ่แน่

เรื่องเมื่อคืนเหรอ รอยจันทร์อ่านหนังสือพิมพ์เหมือนกัน

ใช่...มันเล่นกันหนักจริง ริวเผลอหลุดปาก

แกรู้ใช่มั้ยเป็นฝีมือใคร รอยจันทร์ยิงเข้าเป้า

อือ ริวไม่จำเป็นต้องโกหก

แล้วยังไงต่อ หญิงสาวถามซ่อนนัย ริวมักรู้อะไรแปลกๆ เสมอ

อย่าให้เล่าเลย เขาปฏิเสธ

เมื่อคืนฉันเหมือนถูกสะกดจิต รอยจันทร์จำความรู้สึกตอนเดินแบบได้ อาการปวดท้องที่ทรมาน เสียงดนตรีประหลาด ร่างกายขยับเคลื่อนไหวเองโดยไม่อาจควบคุม

ถามตรงๆ คนที่เล่นงานพวกเราเมื่อคืนต้องไม่ใช่ธรรมดาเลยใช่มั้ย

ใช่ กับพี่สาวตนริวมักไม่โกหก

ถ้างั้นขอถามข้อสุดท้าย...แกรับมือไหวมั้ย รอยจันทร์ใช่จะไม่รู้ถึงอำนาจพิเศษของน้องชาย เพียงแต่ไม่แน่ใจขอบเขตอำนาจ ริวไม่เคยแสดงอะไรให้เห็นตรงๆ คนคุ้นเคยมักรู้สึกเสมอ ยามอยู่ใกล้เขาจะอุ่นใจ ไม่ว่าไปที่ใดต้องปลอดภัยไร้ปัญหา

ไม่ไหว ริวตอบตรงๆ การประมือเมื่อคืนถ้าไม่ได้พันเกลียวช่วยไว้เขาสิ้นชื่อแน่

รอยจันทร์ขนลุกซู่ ริวไม่เคยโกหก ถ้าบอกว่ารับมือศัตรูของเธียรไม่ไหวก็แสดงว่า สิ่งนั้น ร้ายกาจยิ่ง

ไม่ต้องกลัวหรอกรอย ชายหนุ่มเรียกชื่อพี่สาวหนักแน่น ไว้ใจผมยังไงต้องช่วยพี่เธียรเต็มที่ ส่วนเจ๊น่ะแค่ทำหน้าบึ้งให้น้อยหน่อยก็ถือว่าเป็นพระคุณมากแล้ว

ไอ้บ้า รอยจันทร์อดด่าน้องชายไม่ได้ นึกขันที่เขาสามารถเปลี่ยนอารมณ์หวาดหวั่นให้กลายเป็นอารมณ์ขันได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ


-----000-----


เธียรเข้าโรงพยาบาลเพื่อดูอาการบิดา เท่าที่อ่านข่าว ก้องฟ้าหมดสติยังไม่ฟื้น หมอช่วยล้างท้องแล้ว ร่างกายพ้นโคม่า แต่ยังไม่มีสติ

โรงพยาบาลเดียวกันมีคนป่วยจากงานเมื่อคืนมารักษาตัวอีกหลายคน เหล่าวงศาคณาญาติจับกลุ่มกันเต็มล๊อบบี้ สีหน้าแต่ละคนแสดงออกถึงความไม่พอใจที่บริษัทเขาเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่อง

เธียรแอบหลบขึ้นลิฟต์ไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นพบ ไม่งั้นคงมีการต่อปากต่อคำเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

ประตูหน้าห้องก้องฟ้าติดป้ายห้ามเยี่ยมตัวเบ้อเริ่มคงเป็นฝีมือของไตร เลขาคนสนิทพ่อ

เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบคนที่ผิดคาด...จิญยานี

สวัสดีค่ะคุณเธียร หญิงสาวยกมือไหว้เขา สีหน้าแววตาซ่อนรอยแปร่งแปลก

สวัสดีครับ มาเยี่ยมตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาถามตามมารยาท

ดิฉันเฝ้าดูอาการคุณก้องฟ้าตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ น่าแปลกที่หล่อนรอดจากไวน์พิษ

พ่อผมเป็นอย่างไรบ้าง

ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ

พูดไม่ทันขาดคำก้องฟ้าก็กระตุกร่าง เตียงลั่นดังก๊อกแก๊ง เธียรปราดเข้าไปเกาะข้างเตียงมองหน้าบิดาตน อดใจหายไม่ได้ ก้องฟ้าอยู่ในวัยกลางคน ปกติใบหน้ามีอำนาจดูหนุ่มกว่าอายุ แต่วันนี้กลับมีรอยยับย่นซ้อนเป็นชั้นๆ ริมฝีปากแห้งแตกสะเก็ด ร่างกระตุกร้องละล่ำละลัก

กลัวแล้วครับท่าน อย่าทำผมเลย ได้โปรดละเว้นพวกเราด้วย...อย่า...อย่า...

น้ำเสียงแหบโหยวังเวง ฟังคล้ายเสียงระฆังกลางป่าช้า ชวนหวั่นหวาดจับขั้วหัวใจ


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP