สารส่องใจ Enlightenment

อุบายในการถอดถอนกิเลส


หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร


คำถาม - เมฆหมอกที่มาบดบังจิตหรืออาการของจิต หรือเจตสิก หรืออุปกิเลส หรืออนุสัยย่อมมีอุบายในการละการทำลายเพื่อข้ามทะเลทุกข์ ทะเลหลง เหล่านี้หลวงปู่มีอุบายอย่างไรในการถอดถอนครับ

คำตอบ
เมฆก็ตาม หมอกก็ตาม จิตก็ตาม อาการของจิตก็ตาม เจตสิกก็ตาม
จะใส่ชื่อลือนามไปสักเพียงใดก็ตาม ถ้าเราไม่มีในที่นั้นๆ ของเราไม่มีในที่นั้นๆ
พิษสงก็ไม่มีในที่นั้นเอง เหตุนั้นการพิจารณาว่าเราไม่มีในที่นั้น เราไม่มีในที่ใดๆ ทั้งนั้น
ของเราก็ไม่มีในที่ใดๆ ทั้งสิ้น ท่านผู้อื่นก็ไม่มีในที่ใดทั้งสิ้น
ไม่มีใครเป็นเจ้าของ สูญๆ สาญๆ เสียแล้ว เรื่องก็จบกัน ณ ที่นั้นไป
ทำท่าทำทางวาง ก็เป็นอันผิดทั้งนั้น เพราะมันเป็นกิริยา เป็นเหตุ เป็นกรรม เป็นวิบากในตัว

ยกอุทาหรณ์สมมติหยาบๆ คือ เราก็ตาดีมองไปที่สว่าง
เราไม่ได้สมมติให้ความมืดหนีไป มันก็หนีไป ณ ที่นั้นเอง
เมื่อเราไม่มีในที่ใดๆ แล้วก็ไม่ควรจะมีอะไรมาสร้างปัญหาขึ้นให้หนักใจ หนักธรรม
ชาวโลกเขาพูดอะไรก็พูดไปตามเขาซะ ไม่ควรเอาสมมติมาเป็นสงครามกับปรมัตถ์
ไม่ควรเอาสังขารคือผู้รู้ไปเป็นสงครามกับพระนิพพาน
ใครเป็นผู้รู้พระนิพพานก็พระนิพพานนั่นเอง ทรงอยู่ซึ่งพระนิพพาน สังขารและผู้รู้จะไปทรงมิได้
จงให้เข้าใจว่า ผู้รู้นั่นเองเป็นสังขารอันละเอียด
มีผู้ไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของก็เป็นเหตุ เป็นกรรม เป็นวิบาก เป็นภพ เป็นชาติ
เป็นอุปาทาน อวิชชา ตัณหา สารพัดจะบัญญัติใส่ชื่อ
เพราะพระนิพพานไม่ได้ใส่ชื่อลือนามให้ท่านผู้ใดเลย และก็ไม่สำคัญตัวว่าเป็นพระนิพพานด้วย
จึงเรียกว่าพระนิพพานทรงไว้ซึ่งพระนิพพาน

ธรรมอันนี้เป็นธรรมอันละเอียด และเป็นธรรมสันทิฏฐิโกสุดท้ายของพระพุทธศาสนา
ละเอียดมาก จะเอาโลกและสังขารไปเทียบย่อมไม่ได้
ก็มอบไว้ให้แก่เจ้าตัวแต่ละรายจะรู้ตามเป็นจริง
พระบรมศาสดาจึงยืนยันว่าเรารู้พระนิพพานตามเป็นจริงของพระนิพพาน
แต่เราไม่ติดอยู่ในพระนิพพาน
เรารู้สังขารตามเป็นจริงของสังขารแต่เราไม่ติดอยู่ในสังขาร
ถ้าเราติดอยู่ในสังขารก็ดี ติดอยู่ในพระนิพพานก็ดี
ก็เท่ากับว่าเราไม่รู้สังขาร ไม่รู้พระนิพพาน

นกบินในอากาศวันยังค่ำก็ไม่มีรอยใช่หรือไม่ มีดเฉือนน้ำในที่ใดๆ วันยังค่ำก็ไม่มีรอยใช่หรือไม่
มีปัญหาว่าท่านผู้พ้นไปแล้วท่านรักษาจิตหรือไม่ ท่านเกรงความผิดหรือไม่
ขอตอบว่า ถ้าพระอรหันต์ยังรักษาจิตอยู่ พระอรหันต์ก็ต้องเป็นทุกข์ใช่ไหม
เพราะเกรงว่ามันจะผิด ก็ต้องระวังจิตอยู่เหมือนคนคุมนักโทษ
หลวงปู่ก็ต้องตอบบ้าๆ บอๆ ให้ฟังดังนี้แหละเพราะหมดหนทางที่จะตอบ

ด้วยเดชพระพุทธศาสนา พวกเราทั้งหลาย (คำว่า "เรา" ตามสมมติ)
อย่าได้มาท่องเที่ยวในทะเลหลงนี้อีกเลย
ทะเลหลงย่นลงมาในปัจจุบันแล้วข้ามก้าวเดียวสั้นๆ ก็พอ นี่เป็นบุคคลาธิษฐาน
ถ้าสำคัญว่าตัวข้ามก็ผิดอีก ความสำคัญตัวนี่เองมันเป็นมหากิเลสพร้อมทั้งกองพลด้วย
เหตุนั้นพระบรมศาสดาจึงผลักทิฏฐิของพระโมฆราช
ไม่ให้ถามปัญหาก่อนเพื่อน ให้ถามทีหลังหมู่
เพราะเหตุว่ามานพ ๑๖ คนที่ไปถามปัญหา พระโมฆราชสำคัญตัวว่าฉลาดกว่าเพื่อน
มันเป็นมหาอุปาทานสำคัญตัว ท่านจึงให้ถามถึงครั้งที่ ๓ และจึงให้ถามหลังเพื่อนๆ ทั้งหลายด้วย
พระบรมศาสดาก็เทศน์อนัตตาเราดีๆ นี่เอง เพื่อให้โมฆราชไม่สำคัญตัวในอัตตาและอนัตตา
สำคัญว่าตนเป็นอัตตา อัตตาเป็นตนก็ไม่ถูก
สำคัญว่าอนัตตาเป็นตนๆ เป็นอนัตตาก็ไม่ถูกอีก เพราะมันยังมีอุปาทานอันละเอียดอยู่
เหตุฉะนั้น พระอนาคามี ติดอยู่ในมานะ ๙
มานะ ๙ ข้อนั้นก็คือสำคัญตัวอันละเอียดนั้นเอง


sathu2 sathu2 sathu2

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ พิมพ์เมื่อ ๒๕๓๙



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP