จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว Lite Talk

ฉบับที่ ๓๗ ทำยังไงดี - กลัวผี


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่อยู่มืดๆไม่ได้ จะเกิดความกลัวผีอย่างรุนแรง วันนี้เรามาคุยกันว่าทำยังไงจะหายกลัว การคุยถึงผีเป็นเรื่องดี ถ้ามันนำไปสู่ความเข้าใจว่า ความกลัวนั่นแหละตัวเชิญผี ความกลัวนั่นแหละกลิ่นเรียกผี ถ้าจัดการความกลัวได้อย่างเดียว ถึงผีปรากฏตัว คุณก็ไม่รู้สึกต่างจากเห็นคนแปลกหน้าปรากฏกายสักเท่าใด

จริงๆแล้วการจากไปของคนตาย ยังน่ากลัวน้อยกว่าจินตนาการของคนอยู่เสียอีก คนเราหลอกตัวเองก่อนโดนผีหลอกกันเสมอ บางคนกลัวขนหัวลุกไปเองทั้งชีวิต โดยไม่เคยเจอของจริงแม้แต่ครั้งเดียว!

นึกดีๆ ความคิดในหัวคุณเหมือนผีเปี๊ยบ มันหายตัวได้ตอนกลางวัน และกลับมาปรากฏตัวใหม่ในเวลากลางคืน

หลายคนอ้างว่าได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยในห้องนอน ในห้องน้ำ หรือกระทั่งในหัวตัวเอง ทำเอาฉี่แทบราด คุณว่าแปลกไหมล่ะ ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติมีอยู่มากมาย อย่างเช่นฟ้าร้องฟ้าผ่า กึกก้องคำรามไปทั่วราวกับทั้งโลกต้องได้ยินพร้อมกัน แต่เราก็หวาดกลัวเสียงดังขนาดนั้น น้อยเสียกว่าเสียงกระซิบแผ่วในห้องนอนตอนดึกๆเสียอีก

ไม่เคยเห็นผี แต่ฟังเสียงเล่าลือว่าผีหน้าตาอย่างนั้น ทำเสียงกุกกักตอนกลางคืนอย่างนี้ สรุปคือ เสียงเล่าลือนั่นแหละผีตัวจริง ถ้าคุณปล่อยให้เสียงเล่าลือเข้ามาอยู่ในหัว ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยให้ผีเข้ามาสิงสู่อยู่รอบๆตัวนั่นเอง

เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีมีอยู่ทุกชาติทุกภาษา แต่ความจริงเกี่ยวกับผีนั้น แทบไม่ปรากฏอยู่ในภาษาไหน เพราะส่วนใหญ่เราให้คนเป็นๆเล่า ไม่ใช่เอาผีมาสัมภาษณ์

ลองหัดวาดรูปผีขึ้นมา แล้วจะตระหนักว่าภาพผีที่แท้จริงมาจากความไม่รู้ในหัวของคุณ ไม่ใช่มาจากการที่คุณเคยเห็นมันจริง

นักประพันธ์เรื่องสยองขวัญบางคนยอมรับว่ามีความสุขที่จะฝันร้ายเพื่อจะได้มีเรื่องผีชั้นดีมาเขียนหลอกคนอ่าน

ความจริงมันเป็นอย่างนี้ เรื่องผีๆส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยนักประพันธ์ที่ไม่เคยเจอผีจริง แถมเล่าลือสืบๆกัน แล้วก็เอามาสร้างเป็นหนังโดยคนไม่เชื่อเรื่องผีเลยด้วยซ้ำ แค่ใช้เทคนิคการเล่าหรือการสร้างหนังให้ดูได้อารมณ์ เท่านี้กวาดเงินจากคนดูเป็นกอบเป็นกำแล้ว

สมัยก่อนคนสมัยโบราณจะกลัวผีกันเฉพาะตอนกลางคืน แต่เพราะเทคนิคการเล่าของนักประพันธ์ยุคใหม่ ทำให้คนยุคเรากลัวผีแม้กระทั่งตอนกลางวัน เพราะเห็นในหนัง อ่านจากนิยาย ว่าผีก็ทำตัวน่ากลัวตอนกลางวันได้

ฉะนั้น ขอให้รู้ไว้เถอะว่าการรับความกลัวมาจากหนังหรือนิยาย ก็คือการช่วยทำรายได้ให้นักประพันธ์และนักสร้างหนังนั่นเอง พอนักประพันธ์และนักสร้างหนังคิดเรื่องผีๆใหม่ได้ เขาก็ทำเงิน ส่วนคุณก็ต้องทำใจ คิดเสียอย่างนี้ขณะกลัว คุณจะกลัวน้อยลงทันที เพราะไหนๆก็เสียเงินไปแล้ว อย่าเสียจิตเพิ่มอีกเลยดีกว่า

และต่อไป เวลาฟังคนเล่าเรื่องผี ลองเงี่ยหูฟังเสียงเล่าของเขาดีๆ แล้วคุณจะพบว่าเป็นเสียงที่เกิดจากความคิดเอาเอง ไม่ต่างจากเสียงในหัวของคุณเท่าไหร่

ใจคุณให้ผีอยู่ในอะไร สิ่งนั้นก็น่ากลัวได้ ทางที่ดีให้พิจารณาว่าส่วนใหญ่เราได้ยินเสียงผีกันทางลำโพงเครื่องเสียง ถ้าจะกลัว ก็ควรกลัวที่ที่มีลำโพง ไม่ใช่กลัวอากาศว่างเปล่า

และจะว่าไป ผีร้ายในอากาศ ยังน่ากลัวน้อยกว่าผีร้ายในร่างคน เพราะผีในอากาศจะมีจริงหรือไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ผีร้ายในร่างคนมีอยู่จริงแน่ๆ และมันก็ทำร้ายคนด้วยกันได้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผีด่า ผีกูไม่ผิด ผีปล้นฆ่า ผีข่มขืน ผีขายยา สารพัดที่เห็นกันตามทีวีและหนังสือพิมพ์

เมืองปีศาจมีจริง และคุณอาจกำลังอาศัยในเมืองนั้นอยู่ก็ได้ คุณไม่มีทางออกจากเมืองปีศาจ มีทางเดียวคือเปลี่ยนเมืองปีศาจให้เป็นเมืองมนุษย์!

มาว่ากันเรื่องผีตัวจริงบ้าง ถ้าจะมีจริง ผีมาจากอะไร? ผีที่เกิดจากปัญหาสังคม อย่างพวกโดดตึกตายเพราะปัญหารุมเร้า ต่างก็มีปัญหาของเขาเองที่ยังแก้ไม่ตก ถ้าเจอพวกเขา แทนที่จะกลัว คุณควรเตรียมตัว เตรียมคำถามไว้ดีกว่าว่ามีอะไรจะให้ช่วยไหม

ส่วนผีตายโหง หรือพวกที่ตายก่อนวัยด้วยอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม พวกนี้มักตระหนกตกใจอย่างรุนแรงก่อนตาย ถามตัวเองว่าคุณสมควรกลัวคนกำลังตกใจหรือเปล่า? มันน่าให้คิดเห็นใจ อยากปลอบกันมากกว่านะ

เรื่องมันแย่ตรงที่ผีกลับมาเล่าแบบจับเข่าคุยไม่ได้ ว่าที่คุณเห็นไป หรือที่คุณกลัวไปนั้น มันถูกต้องตามที่เขาเป็นหรือเปล่า คุณเข้าใจเหตุผลในการปรากฏตัวของเขาถูกต้องแล้วหรือ จึงขวัญหนีดีฝ่อไปได้

สรุปคือ ความกลัวผีมีสองแบบ หนึ่งคือกลัวเพราะเคยเห็น สองคือกลัวเพราะไม่อยากเห็น และความกลัวผีในโลกมนุษย์นี้ ๙๙% เป็นประเภทหลัง

พระพุทธเจ้าให้ระลึกว่าเรามีความตายเป็นเบื้องหน้า ความตายจะมาถึงเราเป็นธรรมดา อาศัยความรู้สึกถึงอิริยาบถปัจจุบันเป็นตัวตั้ง เห็นว่าท่าทางที่กำลังมีอยู่เป็นอยู่ในขณะนี้ วันหนึ่งจะต้องนอนลงอย่างไม่อาจลุกขึ้นมาอีก ลมหายใจที่เข้าบ้างออกบ้างในขณะนี้ วันหนึ่งจะหยุดสงัด แล้วไม่เข้าไม่ออกอีก

ด้วยการเห็นว่าเราจะต้องไปเป็นเพื่อนผี จะทำให้หายกลัวผี และเร่งให้สร้างความสว่างแก่ตน เพื่อจะได้เป็นผีสว่าง ไม่ใช่ผีมืดในร่างมนุษย์อย่างที่เห็นเกลื่อนเมืองกันทุกวันนี้

ดังตฤณ

จากบทความ "ทำยังไงดี?"
นิตยสาร
Miracle of Life ฉบับ เดือนตุลาคม ๕๓

 

 

 

จะมีร่มเงาใดที่ให้ทั้งความร่มเย็นและอบอุ่นได้ในเวลาเดียวกัน
คอลัมน์ "สารส่องใจ" ฉบับนี้
อ่านพระธรรมเทศนาของ "พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล)"
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ในตอน "ร่มเงาพระศาสนา" ค่ะ (-/\-)

มีคำถามที่น่าสนใจเรื่องการสวดมนต์แล้วขอพรค่ะ
อยากทราบว่า "ขอพรหลังสวดมนต์ถือเป็นการบนบานหรือไม่"
พบคำตอบได้ที่คอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา" นะคะ

คอลัมน์ "จุดหมายปลายธรรม" ฉบับนี้
"คุณงดงาม" จะพาไปเก็บเกี่ยวบุญก่อนถึงปลายทาง
ในตอน "สร้างบุญกุศลง่ายๆ ระหว่างเดินทาง" ค่ะ


ฉบับนี้เรื่องราวของ ม่านมนตรา ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้วค่ะ
แฟนคอลัมน์ "วรรณกรรมนำใจ" พลาดไม่ได้นะคะ

ส่วนจะมีวรรณกรรมเรื่องใดมาให้ได้ติดตามกันต่อ
และจะเป็นของนักเขียนท่านใด มารอลุ้นกันในฉบับหน้าค่ะ

 

 

ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ


* ขอเชิญร่วมฟังธรรมและปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๔.๐๐ น.
ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ชั้นดาดฟ้า ศาลาธรรมชินราชปัญจบพิธ
แสดงธรรมโดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ. เพชรบูรณ์ค่ะ (-/\-)


* ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการพบคุณดังตฤณค่ะ
คุณดังตฤณจะไปแจกลายเซ็นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ๒ วัน
วันที่ ๒๔ ต.ค. แจกลายเซ็นที่บูธบุ๊คสไมล์ (บูธ F07 โซนแพลนนารี่ฮอลล์) เวลา ๑๖.๐๐ น.
และวันที่ ๓๐ ต.ค. แจกลายเซ็น ๒ แห่ง คือที่บูธซีเอ็ด (บูธ V10 โซนพลาซ่า) เวลา ๑๔.๐๐ น.
และที่บูธบุ๊คสไมล์เวลา ๑๖.๐๐ น. ค่ะ

สามารถดูแผนผังบูธได้ที่นี่นะคะ
http://thailandbookfair.com/bookexpo2010/exhibitor.php



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP