จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

คำตอบสำหรับคนไม่อยากมีลูก


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

Destination_034-1

Photo by Silawat


เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้นะครับ...
มีน้องผู้หญิงที่รู้จักคนหนึ่งมาถามผมว่า “จำได้ว่าพี่เคยบอกว่า พี่ไม่อยากมีลูกใช่ไหมคะ”
ผมก็ตอบไปว่า “อืมม์ ทำไมล่ะ ?
น้องคนนั้นถามต่อไปว่า “แล้วตอนที่พี่แก่มาก ๆ และทำอะไรไม่ไหวแล้ว พี่จะทำยังไง?
ผมก็ตอบไปว่า “ไม่สำคัญหรอกนะ”
น้องคนนั้นทำตาโตมองผม และตอบกลับมาว่า “สำคัญสิพี่ หนูถึงได้มาถามพี่ไง”

ผมฟังแล้วก็นึกในใจว่า “อ้าว ก็ตอบไปแล้ว... ก็ไม่เข้าใจ ทำยังไงดีล่ะ สงสัยจะต้องคุยกันยาวล่ะสิ”
ผมจึงถามน้องคนนั้นกลับไปว่า “แล้วเธอมาถามทำไมเนี่ย เธอจะมาช่วยดูแลฉันตอนแก่เหรอ?
(...ผมก็ถามไปแบบขำ ๆ งั้น ๆ แหละครับ คาดว่าคำตอบคงไม่ออกมา positive หรอกนะครับ
แต่หากเธอตอบกลับมาแบบ positive แล้ว ผมกลับไปบ้าน ก็อาจจะโดนภรรยาใช้วิชาหมัดย่งชุนซ้อมเอาได้...)
น้องคนนั้นตอบกลับมาว่า “ไม่เกี่ยวเลยพี่ หนูไม่ได้จะไปดูแลพี่หรอก”
(...ขอบคุณคุณน้องมากครับที่ตอบมาแบบ negative... เฮ้อ รอดไป วันนี้ไม่โดนซ้อม!
...จริง ๆ แล้ว ผมเองไม่น่าจะไปถามเปิดประเด็นเลย)
ผมก็ถามกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้น... แล้วจะมาถามทำไมล่ะ ?
น้องคนนั้นจึงเล่าให้ฟังว่า “พอดีว่าหนูไม่อยากจะมีลูก และแฟนหนูเขาก็ถามหนูว่า
หากไม่มีลูกแล้ว ตอนแก่มาก ๆ ที่ทำอะไรไม่ไหวนั้น จะทำยังไงล่ะแล้วใครจะเลี้ยงดูล่ะ”
ผมจึงมาถึงบางอ้อ และก็ได้อธิบายให้น้องคนนั้นไปดังต่อไปนี้นะครับ

รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วฉันได้ตอบเธอไปแล้วนะ โดยคำตอบก็คือว่า “ไม่สำคัญหรอกนะ”
ที่บอกว่า “ไม่สำคัญ” ก็เพราะว่าในช่วงที่เราแก่มาก ๆ และทำอะไรไม่ไหวแล้วนั้น
มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะว่าจะทำอะไรและทำยังไง
เพราะว่าเราแก่มากจนทำไม่ไหวหรือทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ปัญหาที่สำคัญจริง ๆ ของเราก็คือว่า
“เวลาที่เรายังไม่แก่ และเรามีกำลังสมองและกำลังกายพร้อมนี่สิ เราจะทำอะไร และทำยังไง”

ชีวิตคนเรานั้น แท้จริงแล้วสั้นนิดเดียว และจะตายเมื่อไหร่ ก็ไม่สามารถจะรู้ล่วงหน้าได้
แม้แต่คนที่ป่วยหนักระยะสุดท้ายก็ตาม จะตายจากไปวันนี้พรุ่งนี้ ชั่วโมงไหน นาทีไหน
หมอเองก็ยังบอกล่วงหน้าไม่ได้
แต่ว่าคนเราทุกคนนั้น มีสิ่งสำคัญหลายอย่างในชีวิตที่ควรจะทำอยู่นะ
ปัญหาคือว่า เราจะทำสิ่งเหล่านั้นเมื่อไหร่
ดีที่สุดเลยนะก็คือว่า สิ่งสำคัญที่ควรจะทำที่สุดในชีวิตนั้น เราก็ควรจะทำทันทีเลย
และเวลาที่เหลือก็ค่อยไปทำสิ่งสำคัญที่ควรจะทำในลำดับรอง ๆ ลงมา
แต่หากสมมุติว่าจะต้องให้เลือกทำในสองช่วงเวลานะ ระหว่างว่า
เราจะทำสิ่งที่สำคัญที่ควรจะทำในช่วงเวลาที่เราพร้อมอยู่
หรือจะรอไปทำเอาตอนที่แก่จัด ๆ และทำอะไรไม่ไหวแล้ว เราจะเลือกอย่างไร ?

สมมุติว่าเธอเป็นนักกีฬาโอลิมปิกนะ
ถามว่าเธอจะเลือกไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพื่อคว้าเหรียญทองให้ได้ในเวลาไหน
จะเลือกไปในเวลาที่เธอเองมีความพร้อม หรือเวลาที่เธอแก่หง่อมทำอะไรไม่ไหวแล้ว
นักกีฬาก็ต้องเลือกที่จะไปแข่งขันในช่วงเวลาที่พร้อมใช่ไหม ไม่ใช่ไปรอเวลาที่ไม่ไหวแล้ว
คนเราทุกคนก็เหมือนกันนะ
สิ่งที่สำคัญหลายอย่างที่ควรจะทำในชีวิตนั้น จะไปรอเวลาที่ทำไม่ไหวแล้วค่อยทำนั้นไม่ได้
ก็ควรจะทำทันที แต่อย่างช้าที่สุด ในช่วงเวลาที่พร้อมอยู่นั้น ก็ควรจะทำให้เสร็จสิ้นไป
อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป แล้วไปรอทำในช่วงที่เราถดถอยไปมากเสียแล้ว

หากเราทำทุกอย่างที่สำคัญที่ควรจะทำในชีวิตเสร็จครบถ้วนเรียบร้อยหมดแล้วนะ
คำถามเธอถามว่า “แล้วตอนแก่ที่ทำอะไรไม่ไหวแล้ว จะทำยังไง”
คำตอบของฉันก็คือว่า “ไม่สำคัญหรอกนะ เพราะว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรแล้ว
โดยสิ่งสำคัญที่ควรจะทำในชีวิตนั้น ได้ทำเสร็จครบถ้วนไปหมดแล้ว”
ที่เหลืออยู่ก็เพียงรอเวลาที่จะจากร่างกายอันทรุดโทรมนี้ไปเท่านั้นเอง

เปรียบเสมือนรถยนต์ที่ใช้งานมาเต็มที่จนผุพังทุกส่วนแล้ว
และรอเวลารถลากมายกลากไปทิ้งเป็นเศษเหล็ก
เปรียบเสมือนเครื่องไฟฟ้าที่ใช้งานมาเต็มที่จนพังและซ่อมไม่ได้แล้ว
และรอเวลารถขยะมารับไปทิ้งเท่านั้น
ถามว่าเราจะยังกังวลอีกหรือว่าจะต้องมาเสียเวลาดูแลทำความสะอาด
รถยนต์หรือเครื่องไฟฟ้านั้น และเก็บรักษาไว้อย่างดี
หรือจะต้องให้ใครมาเสียเวลาทำเช่นนั้นด้วย
คำตอบก็คงจะเหมือนกันคือว่า “ไม่ต้องทำ”
เพราะอะไรล่ะ ก็เพราะว่า “มันไม่สำคัญแล้ว” ใช่หรือเปล่า
ถ้าหากตอบว่า “ใช่” นะ ก็ขอบอกว่าร่างกายอันทรุดโทรมนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกนะ

และสมมุติว่าต่อให้จะมีคนอื่นมาช่วยดูแลเราจริง ๆ แล้ว
ลองถามตัวเองสิว่า หากแก่จนทำอะไรเองไม่ได้ ขยับไม่ได้ และนอนพะงาบ ๆ แล้ว
เราอยากจะอยู่ในสภาพนั้น ไปอีกนาน ๆ อย่างนั้นหรือ
หรือว่าควรจะปล่อยให้จากไปแบบเร็ว ๆ เลยจะดีกว่า
แต่ถึงจะจากไปเร็วก็ตาม เราก็ไม่ได้ตายเปล่านะ เพราะก็ได้ทำสิ่งสำคัญทั้งหลายเสร็จครบถ้วนแล้ว
แล้วเราก็ภาวนาของเราไปเรื่อย ๆ รอเวลาจากไปเท่านั้นเอง
แต่จริง ๆ แล้ว ในอนาคตนั้น มันก็ไม่แน่หรอกนะ เราอาจจะจากไปก่อนที่จะทันแก่ก็ได้
ฉะนั้นแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรจะทำที่สุดในชีวิตนั้น ก็ควรจะรีบทำเสียก่อนเถอะ
(แต่สิ่งสำคัญที่ควรจะทำนั้นก็ต้องเป็นสิ่งดีงาม เป็นกุศล และสืบเนื่องเพราะสัมมาทิฏฐินะ)

น้องคนนั้นได้ฟังผมอธิบายมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ตอบว่า “เข้าใจแล้วล่ะ”
(แต่เธอก็ไม่ได้บอกว่าจะไปคุยกับแฟนตามนี้หรือเปล่านะครับ)

ในอันที่จริงแล้ว คำตอบที่ผมได้ให้ไปกับน้องคนนั้น
ไม่ได้ใช้กับเฉพาะคนที่ไม่อยากมีลูกเท่านั้นหรอกนะครับ
แต่ก็ใช้สำหรับมนุษย์เราทุกคนเลย ไม่ว่าจะอยากมีลูก หรือจะไม่อยากมีก็ตาม
โดยเราทุกคนก็ควรที่จะมุ่งทำสิ่งสำคัญที่ควรจะทำในชีวิตให้แล้วเสร็จก่อน
อย่าไปรอจนแก่ หรือรอจนทำไม่ไหวแล้ว เพราะจะเสียโอกาสชีวิตตนเอง
คนเราจะอยู่สั้นหรืออยู่นานนั้น ไม่สำคัญครับ แต่อยู่แล้วทำอะไรนี่สิ สำคัญกว่า

สมมุติว่าท่านผู้อ่านได้จัดงานทำบุญบ้านของท่านนะครับ
มีเพื่อนคนแรกมาอยู่ในงานตั้งนาน แต่ทำตัววุ่นวาย น่ารังเกียจ และเบียดเบียนคนอื่นไปทั่ว
ในขณะที่มีเพื่อนคนที่สองมาอยู่ในงานไม่นาน แต่ทำตัวดี ช่วยเหลือทุกอย่างในงานเป็นอย่างดี
และพอเขาทำดีทำกุศลของเขาเสร็จแล้ว เขาก็จากไป โดยไม่ได้อยู่ในงานทำบุญบ้านนานเลย
ท่านผู้อ่านก็คงต้องถามตัวเองว่า ท่านชอบและอยากจะมีเพื่อนแบบไหนมากกว่ากัน

หากท่านได้คำตอบในใจแล้ว ผมก็ขอถามอีกหนึ่งคำถามครับว่า
แล้วท่านเองอยากจะเป็นเพื่อนคนแรกหรือคนที่สองข้างต้น
สำหรับเพื่อนร่วมโลกใบนี้ และเพื่อนร่วมสังสารวัฏนี้




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP