จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว Lite Talk

ฉบับที่ ๒๙ ปีมืด


dlite_27

แต่ละปีสำหรับแต่ละคน
มีความมืดความสว่างไม่เท่ากัน
ปีไหนสว่างหมายถึงเป็นสุขและสำเร็จ
ทำอะไรเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า
มุ่งหาธรรมะแล้วจิตใจสว่างเป็นกุศลได้ผลดี

แต่ถ้าปีไหนมืด
ก็หมายถึงเป็นปีแห่งทุกข์และความล้มเหลว
ทำอะไรถอยหลังหรือถึงขั้นล่มจม
แม้แสวงหาธรรมะแต่กลับได้อธรรมมาแทน

ถ้าวันเดือนปีมีพลังในตัวเองอยู่จริง
สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์แสดงออกมาอย่างชัดเจน
คือคนเราไม่อาจเป็นสุขได้ตลอดไป
และจะไม่จมทุกข์อยู่จนตาย
ทุกข์สุขไม่เที่ยง
และจะต้องผลัดกันบีบ ผลัดกันคลาย
ไม่เค้นคอเราเรื่อยไปไม่สิ้นสุด

คนส่วนใหญ่พอเจอวิกฤต
ก็จะคิดถึงการยอมจำนน
การทุรนทุรายตีอกชกหัว
การครุ่นคิดเคร่งเครียดวนไปวนมา
การหาที่พึ่ง หวังให้คนหรือเทวดามาช่วย
มาปัดเป่าให้สถานการณ์เลวร้ายหายไปในทันที

อย่างดีเอาตามแบบไทยๆก็ให้คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่า
ปลงได้ก็ปลง ปลงไม่ได้ก็พยายามปลง
พยายามปลงไม่ได้ก็ต้องฝืนใจให้มันปลงจนกว่าจะได้

ดีขึ้นมากว่านั้นคือวลีติดปากที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
นั่นคือ "เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส"
พยายามหาทางพลิกสถานการณ์แบบคนมีใจเป็นนักสู้
คิดกอบกู้ไม่พอ
ต้องมองให้เห็นช่องทางเอาประโยชน์จากวิกฤตให้ได้ด้วย

ในประเทศใหญ่ๆอย่างอเมริกา
มีที่ปรึกษาเก่งๆซึ่งบริษัทใหญ่ๆจ้างไว้
บางครั้งก็เพียงเพื่อให้คำปรึกษายามเกิดวิกฤตภายใน
พวกที่ปรึกษาซึ่งมือถึงจริง
จะไม่ผูกตัวเองอยู่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
แต่จะเป็นมือปืนรับจ้าง เก็บค่าปรึกษาแพงๆ
ตามแต่บริษัทไหนจะเรียกไปว่าจ้าง

คนพวกนี้เข้าใจปัญหาได้เร็ว
เพียงเดินเข้าไปในองค์ที่กำลังมีปัญหา
รับฟังวิธีการทำงานโดยรวม
ตลอดจนทำความรู้จักกับพนักงาน
ไล่ตั้งแต่ระดับสูงมาถึงระดับล่าง
วันเดียว หรือสองสามวัน ก็ได้คำตอบ
ว่าจะต้องผ่าตัดบริษัทอย่างไร
เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานท่าไหน
ทางตันถึงจะกลายเป็นทางออก

และคนพวกนี้นะครับ
ถ้าทำสำเร็จบ่อยๆ แก้ปัญหาให้องค์กรได้
เมื่อมีชื่อเสียงมากขึ้น ค่าตัวมากขึ้น
พวกเขาย่อมนึก "รักวิกฤต"
สวนทางกับชาวบ้านที่เกลียดวิกฤตกันถ้วนหน้า

โจทย์แค่ "ทำอย่างไรจะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส" นั้น
บางทีมันอาจแห้งแล้งเกินไป
คุณจะนึกถึงภาระใหญ่ ซึ่งไม่รู้แบกแล้ว แก้ไขแล้ว
จะออกหัวออกก้อยอย่างไร

แต่ถ้าตั้งโจทย์ใหม่
"ทำอย่างไรจะรักวิกฤตได้เหมือนนักแก้ปัญหามืออาชีพ?"
คุณจะเริ่มนึกถึงวิกฤตในแบบที่หน้าตาน่ารัก น่าคบหา

ในความเป็นจริง
คนที่จะ "รัก" วิกฤตได้นั้น
ต้องเคยประสบความสำเร็จในการแก้วิกฤตมาหลายครั้ง
กระทั่งเกิดอัตตาว่าข้าแน่ ข้ารบชนะแม้ในศึกที่ยากเย็น
คนอื่นเห็นเป็นเรื่องเข็ญใจ ทำไม่ได้ ไม่อยากทำกัน

คนที่รักวิกฤต
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต
จะมีวิธีมองแตกต่างจากคนทั่วไป
คือเขาจะเห็นก่อนว่าต้นตอวิกฤตอยู่ตรงไหน
เครื่องมือที่จะจัดการกับต้นตอคืออะไร
ต้องอาศัยใครมาร่วมมือกันบ้าง
ซึ่งคนที่ชอบมองแบบเอาดีเข้าตัวโยนชั่วให้คนอื่น
จะไม่มีทางมองเห็นได้
แค่เริ่มเจอวิกฤต ก็ด่าแล้ว หาตัวแล้วว่าใครทำ
และจะพยายามเค้นคอให้ตัวการมารับผิดชอบไปคนเดียว
อย่าว่าแต่จะมีแก่ใจมองให้เห็นทางออกกันเลย

พวกที่รักวิกฤต
เป็นพวกที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือชะตากรรมได้อย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นปีมืดหรือปีสว่าง
ต่างก็มีความน่ารักเฉพาะตัว
ปีไหนสว่างก็เสพสุขจากการต้อนรับสิ่งดีๆที่มีเข้ามา
ปีไหนมืดก็เสพสุขจากการคิดแก้ปัญหาอย่างฉลาด
เพิ่มบารมีในการเอาชนะความทุกข์โศกให้มากขึ้น
เขาย่อมมีชีวิตที่เป็นสุข ไม่ทุกข์ในปีใดๆเลยครับ

ดังตฤณ
กรกฎาคม ๕๓

 

 

ทุกชีวิตล้วนกลัวความตาย
แต่ "หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ" (-/\-)
ท่านกลับสอนให้นึกถึงความตายอยู่เสมอๆ
จนเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา
เหตุใดจึงควรทำเช่นนั้น
พบคำตอบได้ที่คอลัมน์ "สารส่องใจ"
ตอน "ไม่ต้องกลัวตาย" ค่ะ


คอลัมน์ "กว่าจะถึงฝั่งธรรม"
ขอนำเรื่องราวอันดีงามของครูบาอาจารย์
"
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต"
มาเป็นแบบอย่าง ให้บรรดาศิษย์อย่างพวกเราดำเนินรอยตาม
ในตอน "งดงามด้วยความนอบน้อม เพียบพร้อมด้วยคารวธรรม" ค่ะ (^/\^)


เมื่อผู้ที่เคยยึดมั่นในศีลธรรมอย่างเคร่งครัด ต้องมาเจอเหตุยั่วยุให้ผิดศีล
"
คุณ Aims Astro" จะมีคำแนะนำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้
ติดตามได้ในคอลัมน์ "โหรา (ไม่) คาใจ"
ตอน "คำสารภาพของหนุ่ม (ใหญ่) ใจแตก" ค่ะ



และสำหรับใครที่คิดถึง "คุณหมอพิมพการัง"
ฉบับนี้ คอลัมน์ "เข้าครัว" มีเรื่องราวเย็นๆ
ของ "น้ำหวานปั่นดับร้อน" มาช่วยดับความคิดถึงให้ค่ะ ^_^



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP