โหรา (ไม่) คาใจ Astro FAQ

อยู่เย็นเป็นโสด


Astro FAQ

โดย Aims Astro

 

ถาม เราตั้งใจเป็นโสดเพราะจะปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ ไม่ไว้ใจสังสารวัฏเลย รู้ว่าการเกิดคือทุกข์อย่างยิ่ง  ที่ผ่านมาก็เคยทุกข์เพราะรักจนเจียนตาย ยังไม่รวมปัญหาสารพัดจากคนรอบข้างของอีกฝ่ายด้วย ซึ้งใจแล้วว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ดังพุทธพจน์จริงๆ ปัญหาคือเราถูกถามเรื่อยๆ ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน จนเหมือนผิดปกติที่เลือกจะเป็นโสด ที่สำคัญคือบางทีเหงามาก อดกลัวไม่ได้ว่าตอนแก่ตัวลงจะทำยังไง ใครจะดูแลเรา เราจะต้องตายคนเดียวใช่ไหม ฯลฯ ถ้าแบบนี้จะวางใจอย่างไรดีให้มีกำลังใจเดินเดี่ยวไปจนสุดทาง โดยทรมานเพราะความอ้างว้างและความวิตกกังวลน้อยที่สุดคะ

จริงๆ แล้วคนโสดก็ทุกข์แบบคนโสด คนมีคู่ก็ทุกข์แบบคนมีคู่ วิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บทความนี้ไม่ได้ต่อต้านการมีคู่ ไม่ได้มีทัศนะเชิงลบกับคนที่มีความรักค่ะ แต่เขียนขึ้นเพื่อแบ่งปันวิธีการให้คนที่เลือกแล้วว่าจะอยู่คนเดียว ให้ได้อยู่เย็นเป็นโสดกันนะคะ ^__^

เรื่องความอ้างว้าง ความเหงา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของคนโสด ต้องบอกว่ามันเป็นธรรมดาของการอยู่คนเดียว แต่เราทำให้ทุกข์ตรงนี้ทุเลาลงได้ค่ะ

เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไปแล้วในบทความเรื่อง "เมืองใหญ่หัวใจเหงา"
แถมด้วยบทความเกี่ยวกับการอยู่คนเดียวที่ "ห้องไร้รัก" ลองคลิกดูนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างค่ะ
^^

การเจริญสติปัฏฐานจะช่วยให้ความเหงาบรรเทาลง มีความอบอุ่นใจมากขึ้นๆ ทุกวัน เดินไปบนทางนี้ไม่ต้องกลัวอ้างว้างค่ะ เพื่อนร่วมทางมีเรื่อยๆ แม้จะเดินจูงมือกันไปไม่ได้ ต้องต่างคนต่างเดิน เอาชนะกิเลสตัวเอง แต่ช่วยตักเตือนกัน คอยเป็นกำลังใจให้กันได้ในยามท้อแท้หรือขี้เกียจ ถ้าเปรียบเป็นดั่งเส้นทางสักสายหนึ่ง ก็ต้องบอกว่าสองข้างทางมีแต่ความร่มรื่น ไม่ต้องรอให้บรรลุธรรมถึงจะมีความสุข แต่ความสงบและสันติในหัวใจ มีขึ้นตั้งแต่เริ่มออกเดินแล้วค่ะ พี่ชายทางธรรมท่านหนึ่งซึ่งเลือกที่จะอยู่เดียวเคยบอกไว้ สรุปใจความได้ว่า ไม่น่าเชื่อนะ แต่ว่าปฏิบัติแล้วมันอบอุ่นและร่มเย็น ไม่น่าเชื่อเลยว่าความอุ่นจะอยู่กับความเย็นได้ แต่มันก็อยู่ด้วยกันได้จริงๆ ในใจเรานี่แหละ

ในเรื่องความกลัวว่าจะไม่มีคนดูแลยามชรานั้น ขอแค่คุณวางแผนการเงินให้ดี แล้วลงทุนเพื่อเพิ่มพูนมูลค่าทรัพย์สิน (ศึกษาได้จากคอลัมน์ กระปุกออมสิน) ถ้ามีเงินแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะหาคนดูแลไม่ได้ค่ะ ส่วนเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ใครจะรักเราแค่ไหนก็เจ็บป่วยแทนไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวตายไปเรื่อยๆ เสียตั้งแต่บัดนี้ โดยมีชีวิตที่พร้อมทั้งทาน ศีล ภาวนา เพราะเวลาตายก็ตายคนเดียวอยู่แล้ว ต่อให้มีสามีห้าคน ลูกอีกยี่สิบ ก็เอาไปด้วยไม่ได้ (ต่อให้ไปได้ก็คงยากที่จะมีใครยอมไปด้วย - -‘)

เมื่อต้นปีนี้ได้สนทนากับญาติธรรมหญิงอายุ ๓๐ ต้นๆ ท่านหนึ่ง ซึ่งถือว่าสอบผ่านทั้งฐานะ หน้าตา อุปนิสัย พร้อมที่จะมีคู่ได้ไม่ยากเลย จำไม่ได้แล้วว่าคุยไปคุยมาอีท่าไหน ถึงได้วกเข้ามาประเด็นเรื่องโสดๆ แต่จำแม่นว่าถามเธอไปประมาณว่าไม่เหงาเหรอ (เนื่องจากเธอเคยเล่าให้ฟังว่าตั้งใจจะอยู่เป็นโสดชั่วชีวิตมาตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าปี แล้วก็ใช้ชีวิตโสดมาตลอด) คำตอบก็คือ มีเหงาบ้างนะ แต่ทำงานห้าวันต่อสัปดาห์ ช่วงวันทำงานห้าวันไม่อยากมีคู่ เหนื่อย อยากพัก อยากอยู่คนเดียว อีกสองวันที่เหลือเหงา อยากมีใครสักคน เลยมาคิดดูว่าถ้ามีคู่ก็จะทุกข์ห้าวัน มีความสุขสองวัน แต่ถ้าเป็นโสดจะทุกข์สองวัน มีความสุขห้าวัน ฟังแล้วเห็นภาพชัดเจนเลยค่ะ เธอยังพูดเป็นแง่คิดทางธรรมต่อไปอีกว่า จริงๆ แล้วพอมีเขาก็มีความเป็นเราชัดเจนขึ้นนะ สาธุ ขออนุโมทนาค่ะ

คำถามหนึ่งที่ได้รับอยู่เรื่อยๆ นะคะ คือจำเป็นไหมว่าดวงบอกว่าจะมีคู่ แล้วต้องมี เพราะไม่อยากแต่งงาน แต่ก็มีคนเข้ามาเรื่อยๆ เลยกลัวตัวเองจะใจอ่อน ตอบว่าเรื่องนี้ฝืนกันได้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมฝืนกัน เนื่องจากความรู้สึกอยากมีคู่เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน แต่ถ้าแน่วแน่ว่าจะโสดแล้ว ก็อย่าเอากายเอาใจไปผูกพันกับใคร เมื่อไม่พบไม่ผูกพัน ไม่ใช้เวลาร่วมกัน ความรักก็เกิดขึ้นได้ยากนะคะ

ลูกค้าบางท่านเล่าให้ฟังว่าถูกนินทาว่าเป็น สาวโสดอารมณ์เปลี่ยว หงุดหงิดนิดเดียวถูกเม้าท์ทันที - -‘ ตรงนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยการขยันปฏิบัติธรรม แล้วจะสดใสสดชื่น ไม่โมโหง่าย แต่ยิ้มแย้มเพราะเบิกบานบุญ ย่อมไม่มีใครอยากจะว่าร้ายแน่ๆ หรือต่อให้ถูกนินทา ก็พึงคิดเสียว่าอกุศลจิตเกิดแก่จิตผู้นั้น ไม่ได้เกิดแก่จิตเรา แต่ถ้าไปรับและเดือดร้อนเพราะคำคนแล้วเกิดโทสะ ตรงนั้นอกุศลเป็นของเราเต็มๆ การใช้ชีวิตในสังคมทุกวันนี้ต้องมีอภัยทานให้มากนะคะ ทุกเรื่องเป็นไปตามทัศนะของผู้พูด อาจจะจริงหรืออาจจะไม่จริงก็ได้ ถ้าจริงเราก็ต้องขอบคุณที่เขาให้โอกาสเราได้สำรวจแล้วปรับปรุงตัว ถ้าไม่จริงก็ไม่ต้องคิดมาก รู้เท่าทันโทสะในใจตัวเองแล้ววางซะ เพราะคำพูดของคนอื่นก็ไม่ได้ทำให้เราดีหรือแย่ลงได้เลย สิ่งที่จะทำให้เป็นไปคือพฤติกรรมของเราเอง

ปัญหาหนักใจอีกเรื่องคือในกรณีที่พ่อแม่ขยันถามเรื่อยๆ ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานสักที ก่อนอื่นต้องเข้าใจหัวอกคนที่ปรารถนาดีต่อลูกนะคะ เพียงแต่ในมุมมองของท่านการมีครอบครัว มีสามี/ภรรยา คอยดูแลนั้นเป็นความสุข ซึ่งอาจจะแตกต่างจากทัศนะของเราค่ะ ยิ่งถ้าเป็นลูกสาวแล้ว บางบ้านพ่อแม่จะเร่งรัดมาก สาเหตุอาจเป็นเพราะในสมัยที่ท่านเติบโตมา ผู้หญิงยังพึ่งพาหาเลี้ยงตัวเองได้น้อยกว่าสมัยนี้ จึงอยากให้ลูกสาวมีคู่เพราะคิดว่าคือความมั่นคงไปตลอดชีวิต (จริงๆ สมัยนี้แตกต่างจากสมัยพ่อแม่เราเยอะเลยค่ะ อัตราการหย่าร้างของเมืองไทยก็ประมาณ ๑ ใน ๓ เข้าไปแล้ว) ถ้าฝ่ายคุณลูกเป็นโสดไปเรื่อยๆ และแสดงให้เห็นว่ามีความสุขแล้วกับชีวิตเสรี สุขภาพจิตดี แจ่มใสสดชื่น นานวันไป ท่านจะยอมรับได้เองค่ะ ส่วนครอบครัวที่พ่อแม่และญาติๆ ไม่ว่าอะไรในเรื่องนี้ นับว่าโชคดีจริงๆ ค่ะ ลูกค้าบางท่านก็เล่าว่าพ่อแม่ไม่อยากให้มีคู่ เพราะรู้ว่าปัญหาเยอะ ส่วนลูกก็คิดตรงกัน เลยมีความสุขกันทุกฝ่าย

เรื่องที่ลูกค้ามักระบายให้ฟังอีกเรื่องก็คือ เมื่อมีคนมาถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน ทำให้ลำบากใจมาก แถมยากที่จะตอบให้บางคนเข้าใจได้ เรื่องนี้มันธรรมดาโลกค่ะ เชื่อไหมว่าต่อให้แต่งงานไปแล้วก็จะยังมีคนมาถามว่าเมื่อไหร่จะมีลูก พอมีลูกแล้วก็จะถามว่าจะให้เรียนที่ไหน พอลูกเรียนจบก็ถามจะทำงานทำการอะไร ต่อไปก็ถามว่าเมื่อไหร่จะลูกจะมีคู่ เวลาลูกมีคู่แล้วก็มาถามว่าเมื่อไหร่จะมีหลาน ฯลฯ ถ้าต้องใช้ชีวิตตามลมปากคนอื่น ก็คงเลี่ยงความทุกข์ไม่ได้ คิดเสียว่าเขาอยากรู้เขาก็มีสิทธิ์ก็ถาม แต่ไม่ได้เอาใจมาแปะติดที่เราทั้งวันแน่ๆ เพราะเราก็ยังไม่ได้คิดถึงใครที่ไม่ใช่คนใกล้ๆ ตัว ได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งวันเลยค่ะ

มาคิดๆ ถึงประเด็นนี้ก็พอเข้าใจว่าการเจอหน้ากันแล้วถามว่า เมื่อไหร่จะแต่งงาน หรือ มีแฟนหรือยัง สำหรับคนถามแล้วเหมือนจะเป็นการชวนคุย ไม่ได้เกิดจากการอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก หรือตั้งใจจะยุ่งเรื่องส่วนตัวเสียเหลือเกิน หรือซักไซ้ไล่เลียงเอาความจริงเต็มที่ (แต่คนฟังน่ะอึดอัดแน่ ถ้าตอนนี้ยังไม่มีคู่ / ไม่เคยคิดจะมีคู่ / อยากมีคู่แต่ยังหาไม่ได้ - -‘) คล้ายๆ ว่าคิดหัวข้อสนทนาไม่ออก และตัวคนถามอาจจะเคยถูกถามมาเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หรือคนถามอาวุโสกว่ามากเลยถือวิสาสะว่าถามได้ แต่ว่ามักสะเทือนใจคนฟังนะคะ (T.T) ดังนั้นถ้าไม่สนิทกันจริงๆ กรุณาชวนคุยเรื่อง ภาวะโลกร้อน ก้อนน้ำแข็งขั้วโลกละลาย แม่น้ำหลายสายแห้งขอด ตลอดจนอาหารการกิน จะกระทบกระแทกใจคู่สนทนาน้อยกว่าแน่ๆ ค่ะ ^_^

ในส่วนคนฟังก็ต้องขอให้ทำใจสบายๆ ไว้ อย่าเอามาเป็นอารมณ์ ถ้าไม่อยากตอบก็ยิ้มๆ แล้วชวนคุยเรื่องอื่นไปเลยก็ได้ หรือถ้าไม่ไหวแล้วก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำจริงๆ ก็ได้ ไม่โกหกแล้วนะคะแบบนี้ บางท่านเล่าว่าคนรอบข้างมองว่าเธอแปลกๆ ที่ไม่อยากมีคู่ แล้วก็พยายามติดต่อคนนู้นคนนี้ให้ ซึ่งทำให้คนอยากโสดรู้สึกอึดอัดบ้าง ถ้าใครที่เจอกรณีนี้ ลองบอกไปว่าชอบอยู่คนเดียวจริงจริ๊ง แล้วก็พอใจแล้วกับชีวิตที่มีความสุขได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องแสดงอาการไม่สบอารมณ์หรือรำคาญ ซึ่งจะทำให้เคืองขุ่นต่อกันไปเปล่าๆ

ว่าไปแล้วความสุขแบบที่ต้องเป็นเจ้าของอะไรสักอย่าง เมื่อถึงวันที่ของนั้นๆ หายไปหรือเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าใบโปรด เสื้อผ้าตัวเก่ง รถเก๋งคันงาม โดยเฉพาะคนที่เป็นที่รัก เมื่อใดที่ใจเข้าไปยึดถือว่าเป็นเจ้าของแล้วไม่ได้เตรียมรับ ว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลกมีแต่จะแปรปรวนไป ปักใจมั่นไว้ว่าต้องเหมือนเดิมไม่เสื่อมสลาย ก็จะนำทุกข์มาให้ทั้งสิ้น สำหรับคนโสดที่ปฏิบัติธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็นับว่าโชคดีแล้วที่ไม่ต้องเจอทั้งความเหงาและความยึดมั่นอันจะนำมาซึ่งความทุกข์ แล้วก็ไม่ควรคิดเทียบกับปุถุชนคนมีคู่ว่ายังต้องเอาใจไปเกาะเกี่ยวกับคู่ครอง เพราะแต่ละคนมีวิถีและเลือกทางเดินของตัวเองตามความประสงค์ ถึงแม้จะแตกต่างแต่ถ้าเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน ก็อยู่ร่วมได้แบบมีสันติภาพค่ะ

: )

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับท่านที่สนใจดูดวงกับคุณ Aims Astro สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ตามลิงค์ด้านล่างค่ะ
http://sites.google.com/site/aimsastro/



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP