จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma
พิจารณาตนเอง
งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
ได้มีข่าวของนักท่องเที่ยวไทยท่านหนึ่งที่ตั้งใจว่าจะเดินทางไปดูคอนเสิร์ตที่ประเทศเกาหลี
แต่ไม่สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ และถูกส่งกลับประเทศไทย
นักท่องเที่ยวไทยท่านนั้นจึงมาระบายใส่ Application X (ซึ่งเดิมคือ Twitter)
จนกลายเป็นเรื่องที่ติด Trend ของ Application X ในประเทศไทย
โดยได้เล่าประสบการณ์ว่าจองตั๋วไปดูคอนเสิร์ตที่ประเทศเกาหลี
แต่ไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลี โดยเหตุผลว่าไม่รู้ราคาตั๋วรถเข้าโรงแรม
แลกเงินมาน้อย และตอบไม่ได้ว่าจะกินอะไรแถวไหน
ซึ่งทำให้หลายท่านทำการพิมพ์แฮชแท็ก #แบนเที่ยวเกาหลี
จนติด Trend ของ Application X ในประเทศไทย
โดยหลายท่านได้มองว่าทางด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวไทยเกินไป
https://www.springnews.co.th/news/hot-issue/848104
ในความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว ซึ่งผมได้ลองอ่านเนื้อหาข่าวแล้ว
ก็เห็นด้วยว่าเรื่องราวก็น่าสงสัยจริง ๆ ตามที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีไม่ให้ผ่าน
กล่าวคือ นักท่องเที่ยวไทยท่านนี้มีบัตรคอนเสิร์ต ๒ วัน คือวันที่ ๒๔ และ ๒๕
และบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยว จะดูคอนเสิร์ต ๒ วันแล้วเดินทางกลับในวันที่ ๒๘
ซึ่งเหตุผลที่ต้องกลับวันที่ ๒๘ เพราะเที่ยวบินวันที่ ๒๗ เต็มหมด จึงอยู่ถึงวันที่ ๒๘
เรื่องราวมีเพียงแค่นี้ก็น่าสงสัยแล้วครับว่า
ตั้งใจจะมาดูคอนเสิร์ต ๒ วัน และไม่ได้สนใจจะไปเที่ยวที่ไหนเลย
เพราะจริง ๆ แล้ว ถ้าจะดูคอนเสิร์ต ๒ วันก็ตาม
ในช่วงวันที่ ๒๔ ถึง ๒๘ ก็ควรจะต้องมีแผนการด้วยว่า
จะไปเที่ยวที่ไหน จะกินอะไร จะซื้อของฝากอะไร จึงจะดูเป็นนักท่องเที่ยวปกติ
แต่ทั้งนี้ จริง ๆ แล้วจะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่ทราบนะครับ
ผมเพียงแค่มองว่าเรื่องราวน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย
ซึ่งถ้าผมเป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีแล้ว ผมก็คงไม่ให้ผ่านเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือก่อนที่เราจะร่วมกันสร้างกระแสแบนเกาหลีนั้น
เราควรจะพิจารณาก่อนว่าต้นเหตุของปัญหา
ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวไทยนี้ เกิดจากอะไร?
ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ ก็คงจะทราบตรงกันว่าเกิดจาก
ปัญหาที่คนไทยจำนวนมากเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลี
โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีในลักษณะของนักท่องเที่ยวเช่นนี้แหละ
ซึ่งหากไม่ได้มีปัญหาคนไทยจำนวนมากเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีแล้ว
ด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีก็ย่อมจะไม่จำเป็นต้องเข้มงวดกับคนไทยเช่นนี้
ดังนี้แล้ว ก่อนที่เราจะพิจารณาและติเตียนคนอื่นว่าก่อปัญหาใด ๆ นั้น
เราเองก็ควรที่จะพิจารณาตนเองและติเตียนตนเองเสียก่อน
ซึ่งก็ย่อมจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองในการพัฒนาให้ตัวเองดีขึ้นครับ
ใน “อนุมานสูตร” (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์)
ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวภาษิตเรื่องการพิจารณาตนเองดังนี้
“ภิกษุพึงพิจารณาตนด้วยตนเองอย่างนี้ว่า
เราเป็นคนมีความปรารถนาลามก ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามกหรือไม่?
เราเป็นคนยกตนข่มผู้อื่นหรือไม่?
เราเป็นคนมักโกรธ อันความโกรธครอบงำแล้วหรือไม่?
เราเป็นคนมักโกรธ ผูกโกรธ เพราะความโกรธเป็นเหตุหรือไม่?
เราเป็นคนมักโกรธ มักระแวงจัด เพราะความโกรธเป็นเหตุหรือไม่
เราเป็นคนมักโกรธ เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธหรือไม่?
เราเป็นจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง กลับโต้เถียงโจทก์หรือไม่?
เราเป็นจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง กลับรุกรานโจทก์หรือไม่?
เราเป็นจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง กลับปรักปรำโจทก์หรือไม่?
เราเป็นจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง กลับเอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อน พูดนอกเรื่อง
แสดงความโกรธ ความมุ่งร้าย และความไม่เชื่อฟังให้ปรากฏหรือไม่?
เราเป็นจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง ไม่พอใจตอบในความประพฤติหรือไม่?
เราเป็นคนลบหลู่ ตีเสมอหรือไม่?
เราเป็นคนโอ้อวด เจ้ามายาหรือไม่?
เราเป็นคนกระด้าง ดูหมิ่นผู้อื่นหรือไม่?
เราเป็นคนถือเอาแต่ความเห็นของตน ถือรั้น ถอนได้ยากหรือไม่?
หากพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่าเราเป็นคนเช่นนั้นแล้ว
ก็ควรพยายามเพื่อที่จะละอกุศลธรรมอันชั่วช้านั้นเสีย
หากพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นแล้ว
ภิกษุนั้นพึงอยู่ด้วยปีติและปราโมทย์นั้นทีเดียว
หมั่นศึกษาทั้งกลางวันกลางคืน ในกุศลธรรมทั้งหลาย.
หากภิกษุพิจารณาอยู่ เห็นชัดอกุศลธรรมอันชั่วช้าเหล่านี้ทั้งหมด ที่ยังละไม่ได้ในตน
ภิกษุนั้นก็ควรพยายามเพื่อที่จะละอกุศลธรรมอันชั่วช้าทั้งหมดเหล่านั้น
หากพิจารณาอยู่ เห็นชัดอกุศลธรรมอันชั่วช้าทั้งหมดเหล่านี้ ที่ละได้แล้วในตน
ภิกษุนั้นพึงอยู่ด้วยปีติและปราโมทย์นั้นทีเดียว
หมั่นศึกษาทั้งกลางวันกลางคืน ในกุศลธรรมทั้งหลาย.
อุปมาเหมือนสตรีหรือบุรุษ รุ่นกำดัด ชอบโอ่อ่า
ส่องดูเงาหน้าของตนในกระจกเงา หรือในภาชนะน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์
ถ้าเห็นธุลีหรือสิวบนในหน้านั้น ย่อมพยายามที่จะให้ธุลีหรือสิวนั้นหายไป
หากไม่เห็นธุลีหรือสิวบนใบหน้านั้น ก็จะรู้สึกพอใจว่า
ช่างเป็นลาภของเรา ใบหน้าของเราบริสุทธิ์สะอาด ดังนี้ ฉันใด
แม้ภิกษุหากพิจารณาอยู่ เห็นชัดอกุศลธรรมอันชั่วช้าทั้งหมดเหล่านี้ ที่ยังละไม่ได้ในตน
ภิกษุนั้นก็ควรพยายามเพื่อที่จะละอกุศลธรรมอันชั่วช้าทั้งหมดนั้นเสีย
แต่ถ้าเมื่อพิจารณาอยู่ เห็นชัดอกุศลธรรมอันชั่วช้าทั้งหมดเหล่านี้ที่ละได้แล้วในตน
ภิกษุนั้นพึงอยู่ด้วยปีติและปราโมทย์นั้นทีเดียว
หมั่นศึกษาทั้งกลางวันกลางคืนในกุศลธรรมทั้งหลาย ฉันนั้น นั่นแล.
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=3185&Z=3448&pagebreak=0
ใน “ภยสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวสอนว่า
ภิกษุทั้งหลาย ก็อัตตานุวาทภัย เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า
ก็เราแล พึงประพฤติทุจริตด้วยกาย พึงประพฤติทุจริตด้วยวาจา
พึงประพฤติทุจริตด้วยใจ ไฉนตัวเราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้เล่า
ดังนี้ เขากลัวต่อภัยเกิดแต่การติเตียนตัวเอง จึงละกายทุจริต บำเพ็ญกายสุจริต
ละวจีทุจริต บำเพ็ญวจีสุจริต ละมโนทุจริต บำเพ็ญมโนสุจริต
ย่อมรักษาตนให้บริสุทธิ์ นี้เรียกว่าอัตตานุวาทภัย
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=21&A=3338
ดังนี้แล้ว เราย่อมจะเห็นได้ว่าการพิจารณาตนเอง และติเตียนตนเอง
จะทำให้เราสามารถพัฒนาตนเองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ
< Prev | Next > |
---|