ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ถ้าจะปฏิบัติธรรมที่บ้าน จำเป็นต้องนุ่งขาวห่มขาวไหม



ถาม - ถ้าดิฉันจะปฏิบัติธรรมที่บ้าน จำเป็นต้องใส่ชุดขาวให้เรียบร้อยหรือไม่
ถ้าใส่ชุดนอนหรือชุดอยู่บ้านได้ไหมคะ


การปฏิบัติธรรมตั้งแต่ตอนแรกที่ผมพูดมา
ผมยังไม่ได้พูดเรื่องของการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม
ต่อไปนี้อาจจะพูดถึง แล้วต่อๆ ไปอาจจะพูดถึงบทบาทหรืออิทธิพลของสีเสื้อผ้า
ว่ามันผลกับจิตใจอย่างไร
แต่ถึงตอนนี้อยากจะให้เข้าใจนะครับว่าเรามารีเซ็ต (
reset) ความเข้าใจ
หรือว่านิยามเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่บ้านกันให้ชัดๆ
คือทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีผิดเลย ไม่มีเพี้ยนไปเลย ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเลย
แค่ตั้งมุมมองใหม่ บวกมุมมองใหม่เข้ามาแค่นิดเดียว
อย่าเพิ่งไปมองว่าการปฏิบัติธรรมอยู่ที่เสื้อผ้า
อย่าเพิ่งไปมองว่าการปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด
อย่าเพิ่งไปมองว่าการปฏิบัติธรรมอยู่ที่ว่าว่างหรือไม่ว่าง
แต่ให้มองว่าการปฏิบัติธรรมอยู่ที่มุมมอง
ว่าเราจะเห็นสภาวะกายใจของเราแสดงความไม่เที่ยงได้อย่างไร


แล้วผมก็ให้ข้อสรุปไว้เป็นชื่อตอนเลยว่า "หัวใจของการปฏิบัติธรรมที่บ้าน"
คือการรู้ว่าเกิดภาวะอะไรขึ้นมาในตัวเราบ่อยๆ
แล้วภาวะนั้นแสดงความไม่เที่ยงได้อย่างไร
วิธีที่เราจะเห็นว่ามันแสดงความไม่เที่ยง ก็คืออาศัยลมหายใจมาเป็นตัวแบ่งคั่น
คือช่วงแรกๆ ไม่มีใครเก่งขนาดที่จะรู้ได้หรอกว่ามันเปลี่ยนไปตอนไหน
แต่ถ้าอาศัยลมหายใจมาเป็นเครื่องช่วยสังเกต
มันจะค่อยๆ เห็นขึ้นมาว่าแต่ละลมหายใจ
ภาวะหนึ่งๆ มันไม่เท่าเดิม มันต่างไปเรื่อยๆ
ตอนแรกๆ นะ อย่างเวลาเรากำลังมีความฟุ้งซ่านจัด
เราจะมองไม่เห็นหรอกว่ามันเบาลงตอนไหน
แต่ถ้าเราเอาลมหายใจมากำกับ
บอกว่าลมหายใจนี้มันฟุ้งซ่านจัด มันเบลอไปหมด มันมึนไปหมด
เห็นไหม ไม่เกี่ยวกับเครื่องแต่งตัวเลยนะ
มันสามารถรับรู้ได้ เออ นี่ ลมหายใจนี้มันมึนไปหมดเลย
ลมหายใจต่อมา สังเกต รู้สึกเบาๆ ตัว รู้สึกมันเบากว่าเมื่อกี้
ในหัวมันโล่งๆ ขึ้น โล่งขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
นี่แค่นี้นะ เรารู้สึกแล้วว่าสองลมหายใจนี่จิตไม่เท่ากัน มีความปั่นป่วนไม่เหมือนเดิม


พอสังเกตไปบ่อยๆ จากเดิมที่เห็นแค่ฟุ้งมากกับฟุ้งน้อย
แล้วตรงกลางที่มันหายไปคือช่วงที่มันเบลอไง
ช่วงที่มันไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของจิต
ช่วงนี้ตอนแรกอาจจะถ่างกว้างแค่นี้ กินเวลาเยอะเลย
แต่ตอนหลังๆ นะพอเราสังเกตไปเรื่อยๆ ระหว่างจิตแบบฟุ้งหนักกับฟุ้งน้อย
ช่วงที่เราไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ มันจะค่อยๆ หรี่แคบลงมา
ทีนี้ปัญหาคือว่ามันจะหรี่แคบไม่ได้
ถ้าหากว่าเราไม่มีความรับรู้ว่าจิตฟุ้งมากกับฟุ้งน้อยมันต่างกันอย่างไร
แต่พอเอาลมหายใจเข้ามาเป็นตัวแบ่งคั่นปุ๊บ รู้เลย
นี่เห็นไหม ลมหายใจนี่ มันไม่ใช่ลมหายใจของคนอื่นที่เราหยิบยืมมาจากคนอื่น
มันเป็นลมหายใจเดิม


ไม่ต้องไปเปลี่ยนเสื้อ ไม่ต้องมีสีเสื้อ
ไม่ต้องมีลักษณะการปรุงแต่งภายนอกที่มันแตกต่างไปจากเดิมแม้แต่นิดเดียว
แต่แค่เราตั้งมุมมองไว้ว่าจะสังเกตเข้ามา
ในภาวะของเราเองในแต่ละลมหายใจ
เพียงเท่านี้มันเกิดการปฏิบัติธรรมที่บ้านแล้ว

ตอนต่อๆ ไปผมจะพูดลึกลงไปเรื่อยๆ
บางคนมีภาวะที่ไม่เหมือนคนอื่น แต่ภาวะที่ไม่เหมือนคนอื่นนั้นเกิดขึ้นบ่อย
เพราะอะไร เพราะว่าคนเรามีอาชีพการงานไม่เหมือนกัน
หรือมีความชอบใจส่วนตัวแตกต่างกัน
หรือกระทั่งมีจินตนาการอยากฟุ้งซ่านไปในเรื่องที่ยึดมั่นไม่เหมือนกัน
มันถึงเกิดภาวะที่ไม่มีทางซ้ำกันเลย
คนในโลกนี้หกพันเจ็ดพันล้าน เอามาปฏิบัติธรรมนะ
เริ่มต้นขึ้นมา ตอนยังไม่ได้ฌาน
มันจะมีความพิสดารมาก ไม่มีทางซ้ำกันเลยเจ็ดพันล้านคน
แต่ว่าที่เรามาพูดตอนสองตอนแรกก่อน
จะเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องสามัญที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไปอยู่แล้ว


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP