วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๑๖


Literature

โดย ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

สนามหญ้ากว้างถูกแทนที่ด้วยโต๊ะบุฟเฟ่ต์ยาวเหยียด ด้านหน้ายกพื้นเป็นฟลอร์เรียบ และลึกเข้าไป ตั้งเวทีดนตรีขนาดย่อม กำลังบรรเลงเพลงคลอบรรยากาศ

สปอตไลต์ขนาดใหญ่สองดวงตั้งขนาบข้างบริเวณงาน หน้าเวทีติดแผงไฟหลากสี ส่องแสงกะพริบพราย ตามต้นตะแบกใหญ่ริมสนาม ประดับประดาด้วยไฟดวงเล็กๆ เต็มไปหมด

บรรดาแขกเหรื่อ ต่างแต่งตัวประดับประดาด้วยเสื้อผ้าสุดหรู เครื่องประดับราคาแพง จับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส มือถือแก้วค็อกเทล พูดคำหัวเราะคำ บางคนพูดคุยกันด้วยสีหน้าฉาบรอยยิ้ม แต่แววตาไม่มีความรื่นรมย์สักน้อย

ตาชิดกับแม่พลอยยังไม่มาอีกนะคุณ คุณฉัตรฉวีมองทางประตูใหญ่และกระซิบบอกสามี

เดี๋ยวมันก็มาน่า เป็นห่วงไปได้ คุณธมเอ็ดเบาๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนพ้องกลุ่มนักธุรกิจแวดวงเดียวกัน ผู้เป็นภรรยาลอบค้อนเล็กน้อยก่อนทำตัวกลมกลืนกับเหล่าคุณหญิงคุณนายได้ในเวลาไม่นาน

มัค...มัคมานี่หน่อยซิ คุณธมเห็นหลานชายกับปีกแก้วอยู่ใกล้ๆ จึงเรียกเข้าร่วมวงสนทนา

นี่ไงคุณ...หลานชายผม...มรรคาลูกชายทัตเขา...นี่ก็หลานสาว...ปีกแก้ว ผู้อาวุโสแนะนำ มรรคาและปีกแก้วทำความเคารพตามธรรมเนียม มีการพูดคุยวิสาสะพอเป็นมารยาท

คุณหญิงคนหนึ่งพิศมองปีกแก้วแล้วเอ่ยชมตรงๆ

หนูนี่สวยจังนะ...เรียนอยู่ชั้นไหนแล้วจ๊ะ

มหาวิทยาลัยปีสาม จะขึ้นปีสี่แล้วค่ะ เด็กสาวยิ้มรับ

อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ

จะครบยี่สิบแล้วค่ะ เด็กสาวออกจะอึดอัดเล็กน้อย

ต๊าย เป็นสาวแล้วก็สวยอย่างนี้ พี่ชายคงหวงน่าดูล่ะสิ คุณหญิงสัพยอกมรรคา

ก็ใช่สิคุณ...เขามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นนี่ คุณธมตอบแทนหลานชายด้วยสีหน้าชื่นชม เขาเก่งกันทั้งพี่ทั้งน้อง นี่พอหนูแก้วเรียนจบก็คงได้ช่วยพี่เขาทำงานนั่นแหละ

มรรคาและปีกแก้วทำสีหน้าเรียบร้อย ตอบรับตามเรื่องตามราว งานเลี้ยงยังคงดำเนินตามครรลองของมัน ไม่มีใครรู้ว่า...ระเบิดลูกใหญ่ ใกล้จะลงในเวลาอีกไม่นาน


รถเยอะอย่างนี้จะจอดรถตรงไหนดีล่ะคุณ ชิดชนะบุตรเขยคุณธมเอ่ยขึ้นกับภรรยา

ไม่รู้สิคะ ข้างหน้านี่ก็จอดเต็มไปหมด พลอยใสตอบสามีอย่างจนปัญญา

เวรกรรม...นี่ขนาดบ้านพ่อเราแท้ๆ นะเนี่ย ชายหนุ่มบ่น

ค่ะ...ค่ะ เดี๋ยวพลอยจะออกไปดูให้ว่าตรงไหนว่างบ้าง เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถวนไปวนมา...คุณแม่ท่านคงรอเงกแล้ว

พลอยใสเปิดประตูลงไปยืนบนถนน เดินหาที่ว่างพอจะจอดรถได้ จากริมกำแพง หญิงสาวเห็นที่จอดรถในบ้านเต็มชนิดไม่สามารถแทรกเข้าไปได้เลย ส่วนริมถนนด้านนอกก็จอดเรียงเกือบตลอดสองข้างทาง ซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก เพราะบิดาหล่อนเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองไทย มีการคบหาผู้คนกว้างขวาง ทั้งระดับนักธุรกิจด้วยกัน รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายๆ กระทรวง

ชิดชนะไม่รู้ว่าภรรยาตนเองเดินหาที่จอดรถไปถึงไหน จึงเปิดเพลงฟังฆ่าเวลา แต่แล้วเสียงเพลงที่กำลังเจื้อยแจ้วก็หยุดลง ราวกับมีใครมาปิดสวิตช์ ชายหนุ่มก้มลงดู เห็นไฟจากหน้าปัดวิทยุยังสว่าง

ขณะที่ความสงสัยเข้ามาเยือน ชายหนุ่มเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ แขนขาชาซ่าน...

เหอ...เหอ... เสียงแหบพร่าต่ำลึกดังอยู่ริมหู เขาเงยหน้าขึ้นแล้วผงะหงาย เมื่อเห็นใบหน้าหนึ่งก้มต่ำแทบชิด...มันเป็นใบหน้าสีคล้ำๆ ซีด นัยน์ตาโปนเหลือกขาว มันกำลังแสยะแยกเขี้ยว ถมึงทึง

ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก นัยน์ตาของมันค่อยๆ พลิกกลับเป็นสีแดงฉานด้วยเส้นเลือด ลูกตาดำของมันเร้นลึกและน่าสะพรึงกลัว...ชิดชนะกำลังถูกดูดให้จมดิ่งสู่ความมืดในดวงตามัน...


โต๊ะอาหารสำหรับแขกพิเศษอยู่ด้านหน้าเวที คุณธมนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน คุณฉัตรฉวีเคียงข้าง จากนั้นก็เป็นคนใหญ่คนโตในแวดวงต่างๆ นั่งลดหลั่นกันไป มรรคากับปีกแก้วนั่งเกือบสุดโต๊ะ มีชิดชนะและพลอยใสนั่งฝั่งตรงข้าม เหนือขึ้นไปเป็นคุณสุณี อาธนาและครอบครัวซึ่งเพิ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อร่วมงานพี่ชาย

บนเวที แพรวาลูกสาวคุณธมอีกคนกำลังทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการ พูดคุยเข้าเพลงและสร้างความรื่นเริงเป็นกันเองกับแขก

ปีกแก้วนั่งเขี่ยอาหารในจาน ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม แต่ท่าทางอึดอัด มรรคานั่งข้างๆ กำลังคุยกับผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่คนหนึ่งของไทย เกี่ยวกับเรื่องการงานที่เด็กสาวไม่อาจสอดแทรกเข้าไปได้

อาหารไม่อร่อยหรือจ๊ะ ชายหนุ่มหันมากระซิบถาม เด็กสาวย่นจมูกใส่ รู้ดีว่าทุกอิริยาบถของตน ไม่เคยผ่านสายตามรรคาไปได้

พี่มัคก็ไม่ค่อยกินอะไรเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าป้าแล่มรู้เข้าโกรธตายเลย

ก็อย่าบอกแกสิ อีกอย่างอาหารบนโต๊ะนี้ส่วนมากเป็นของทางโรงแรมจัดมาทั้งนั้น

มางานเลี้ยงแท้ๆ พี่มัคยังคุยเรื่องหนักๆ อีก เด็กสาวบ่น ชายหนุ่มใช้ข้อนิ้วเคาะหน้าผากหล่อนเบาๆ

นานๆ พี่จะมีโอกาสได้คุยเป็นกันเองกับท่านทั้งที อีกอย่างมันก็เป็นประโยชน์ต่องานของเราด้วยนี่จ๊ะ

ค่ะ แก้วไม่ว่าอะไรแล้วอย่าดื่มมากนักนะ ไม่งั้นคืนนี้ แก้วเป็นโชเฟอร์เองด้วย

มรรคายกแก้วขึ้นจิบอย่างล้อๆ

ไม่เมาหรอกแค่นี้...เอาไว้เลิกงานแล้วเราไปหาอะไรกินกันต่อก็ได้

แน่นะคะ

มรรคาพยักหน้า ปีกแก้วยิ้มออก ไม่ทันสังเกตว่าฝั่งตรงข้ามโต๊ะกำลังมีสายตาคู่หนึ่ง จับจ้องหล่อนและพี่ชาย

มองอะไรน่ะชิด... พลอยใสเพิ่งสังเกตกิริยาแปลกๆ ของสามี

ชายหนุ่มหันมา แม้ท่าทางจะไม่ผิดปกติ แต่ลึกเร้นในดวงตา มีแววว่างเปล่าคล้ายคนที่ไม่อาจควบคุมตนเอง

เปล่า เสียงตอบแปร่งๆ

พลอยคิดว่าคุณมองดูพี่น้องคู่นั้นซะอีก พูดพลางปรายตาไปยังมรรคาและปีกแก้ว

คุณเกลียดพวกเขาหรือ สามีถาม

เปล่า พลอยใสยักไหล่ คุณแม่ต่างหากที่เกลียด ส่วนพลอยเองเฉยๆ ไม่ได้เกลียด แต่ก็ไม่ได้นึกพิศวาสชอบพออะไรกัน

แต่เขาก็เป็นญาติของคุณนี่

ว่าอย่างนั้นก็ได้ หญิงสาวไม่ใส่ใจ แต่ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าสองคนนั่นเป็นแค่พี่น้องกำมะลอ ญาติฉันจริงๆ ก็แค่ผู้ชายคนนั้น

งั้นเหรอ ประกายบางอย่างแวบผ่านในดวงตาของชิดชนะ

อะไรกันคุณ...เรื่องนี้คุณก็รู้ มาทำเป็นแปลกใจไปได้ พลอยใสตั้งข้อสังเกต

งั้นเหรอ ชายหนุ่มทวนคำเดิมอีกครั้ง พร้อมกับเสหัวเราะกลบเกลื่อน

ทางด้านคุณสุณีก็กำลังพูดคุยกับธนา ผู้เป็นพี่ชายและครอบครัวของเขาอย่างแจ่มใส ความที่ไม่ได้พบกันนาน จึงมีเรื่องคุยมากมาย จนไม่ทันสังเกตสนใจคนอื่นๆ

แพรวายืนรออยู่บนเวที จนกระทั่งนักร้องๆ เพลงจบ จึงเดินไปที่ไมค์ พูดเชิญบิดาออกมากล่าวขอบคุณบรรดาแขกเหรื่อ

คุณธมลุกขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือกราวใหญ่ ก้มศีรษะให้กับผู้อาวุโสกว่า จัดเสื้อผ้าเรียบร้อย แล้วเดินออกจากโต๊ะ...อีกไม่กี่ก้าวจะถึงเวที ผู้เป็นประธานในงานต้องหยุดชะงัก ยืนนิ่ง

เปรี้ยง...ครืน

สายฟ้าสว่างวาบ ตามด้วยเสียงกัมปนาทของฟ้าร้อง ทุกคนเงยหน้ามองฟ้าพบประกายสีเงินยังแลบปลาบ หลายชั่วแวบก่อนจะจางหายไป

มรรคาเกร็งมือที่จับแก้ว หลายคนสะดุ้งเฮือกกับความวิปริตของดินฟ้าอากาศ คุณธมเงยหน้ามองฟ้าด้วยความงุนงง ก่อนตั้งสติเดินขึ้นเวที

มีคนเคยบอกว่า ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุสี่สิบ คุณธมเริ่มต้นพูด แต่มรรคากลับกวาดสายตาสังเกตดูความผิดปกติรอบๆ งาน มองผู้คนที่กำลังฟังคำกล่าวขอบคุณ จนหันมาพบนัยน์ตาสุกใสของเด็กสาวข้างกาย

มีอะไรผิดปกติมั้ยคะ ปีกแก้วกระซิบถาม ชายหนุ่มไม่ตอบ แววตายังคลางแคลง

แต่สำหรับผม...อายุหกสิบก็ไม่นับว่าเป็นบั้นปลายชีวิต คุณธมยังพูดต่อไปเรื่อยๆ ผมยังมีสิ่งต่างๆ ต้องทำอีกมากมาย...มีคนอีกหลายชีวิตที่อยู่ในความดูแลของผม

คำพูดต่อเนื่องไม่ขาดสายสมกับเป็นผู้เจนเวที มรรคาฟังลุงของตนพูด แต่สมองไม่ได้ซึมซับเสียงจากไมโครโฟนนั้นเลย

สุดท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน... คำกล่าวปิดท้ายเป็นไปตามธรรมเนียม ผู้ฟังปรบมือกราวใหญ่ คุณธมโค้งรับก่อนลงจากเวที

ค่ะ...ต่อจากนี้ไป... แพรวารับหน้าที่พิธีกรต่อ จะเป็นการเต้นรำ...ขอเชิญเจ้าภาพและภรรยามาเปิดฟลอร์ด้วยค่ะ

คุณธมหันมาทางเวที พลางหัวเราะโบกไม้โลกมือเป็นเชิงปฏิเสธ แต่หญิงสาวกลับปิดไมค์แล้วลงมาขอร้องอย่างสนุกสนาน แว่วเสียง... เอาน่าคุณพ่อ...นะคะ งานวันเกิดทั้งที คุณพ่อยังไม่แก่หรอก ...ดังไม่ขาดระยะ

ทั้งเจ้าภาพและภรรยายากจะทนต่อคำขอร้องแกมบังคับจากลูกสาวคนเล็กได้ จึงยอมเต้นรำเปิดฟลอร์แต่โดยดี

เริ่มต้นด้วยเพลงลีลาศเก่าๆ โดยเสียงร้องหวานใสของนักร้องสาวประจำวง ปีกแก้วนั่งมองคู่เต้นรำด้วยแววตาสนุกสนาน แสงไฟหลากสีบนเวทีกำลังเล่นลวดลายบนพื้นและผู้คน ทำให้ดูราวกับเป็นโลกอีกแห่ง ที่เปี่ยมด้วยความแพรวพรายไม่มีที่สิ้นสุด

เต้นรำกันมั้ย เสียงนุ่มๆ ดังใกล้หู เด็กสาวหันไปยิ้มให้คนพูด แกล้งเขี่ยปลายคางเขาเบาๆ

พี่มัคอยากเต้นรำหรือคะ ชายหนุ่มไม่ตอบ ถึงอย่างนั้นปีกแก้วก็รู้ว่ามรรคาไม่ใช่คนที่ชอบ หรือสนุกกับงานรื่นเริงได้ง่ายๆ

อย่าฝืนใจนะคะ แก้วหาคู่เต้นรำได้อยู่แล้ว เด็กสาวแกล้งหยอด เขายิ้ม

พี่เต็มใจ คำพูดสั้นๆ เพียงเท่านี้ กลับทำให้ผู้ฟังหัวใจพองฟู

ทั้งคู่ก้าวเข้าไปสู่อ้อมแขนแห่งเสียงเพลง ถูกอำนาจดนตรีกำหนดให้ไหลเลื่อนไปตามจังหวะ...สองร่างพลิ้วพรายคล้ายปลาที่ว่ายวนในระลอกน้ำ ท่ามกลางผู้คนเต็มฟลอร์

ฉับพลัน... ปุ ...เสียงทึบๆ ดังขึ้นก่อนจะมีเสียงดังคล้ายๆ กันตามเป็นชุด

ปรุ...ปรุ...ปรุ พลุไฟสว่างจ้า แสงสีแดง ส้ม เขียวกระจายเต็มท้องฟ้า เสียงฮือฮาของแขกดังเซ็งแซ่ มีเสียงปรบมือดังกราวใหญ่ ทุกคนแหงนมองท้องฟ้า มีคำชื่นชมยินดีตามมาไม่ขาดสาย แต่กลับมีสองคน ก้มหน้าดูดิน...

คนแรกคือคุณฉัตรฉวี...

ดวงตาหล่อนว่างเปล่า ไร้แวว เหมือนคนไม่มีวิญญาณ คุณธมไม่ทันสังเกตภรรยาตนเพราะมัวแต่มองพลุไฟ พร้อมกับพึมพำแปลกใจ แกมขบขัน

ใครมันมาทำเซอร์ไพรส์คนแก่นี่ ท่าทางจะหมดหลาย ขออนุญาตเขาหรือยัง...คุณรู้มั้ย ถึงจะไม่ได้รับคำตอบ แต่เจ้าตัวก็ไม่ใส่ใจ

อีกคนคือชิดชนะ

สายตาเขาพุ่งแน่วไปยังปลายเท้า นัยน์ตาแดงฉาน ใบหน้าซีดขาว และลึกลงไป มีความดำมืดอันน่าสะพรึงกลัวแอบแฝงในแววตา


พันเกลียวนั่งอยู่กลางกองหนังสือและอัลบั้มรูปถ่ายเก่าๆ ค้นหาสิ่งที่สามารถบอกเรื่องราวของตนเองได้ แม้ว่าบิดาหล่อนจะไม่ใช่คนชอบจดบันทึกหรือช่างสะสมนัก แต่ท่านก็มีหนังสือธรรมะมากมาย รวมถึงหนังสือเก่าๆ หลายเล่มที่หล่อนอาจหาคำตอบจากมันได้

หญิงสาวยอมรับว่าครั้งหนึ่ง หล่อนน่าจะเป็นวิญญาณที่ถูกควบคุมโดยอำนาจของจ้าวและปิศาจหมอผี แต่หล่อนหลุดรอดออกมาได้อย่างไร พ่อเป็นคนช่วย...ใช่หรือไม่...หล่อนกำลังหาหลักฐานมาสนับสนุน

ยาย ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่คนเดียวเล่าว่า พ่อแม่หล่อนไปเยี่ยมหลวงลุง อาจารย์ของพ่อซึ่งอาพาธหนัก เวลานั้นแม่กำลังท้องอ่อนๆ

หญิงสาวกำลังค้นหาว่า อาจารย์ ของพ่อเป็นใคร และวัดที่ท่านจำพรรษานั้นอยู่ที่ไหน

คำตอบที่ได้ทำให้หล่อนอึ้ง หลวงลุง เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง ท่านมีชื่อเสียงและลูกศิษย์ลูกหามากมาย และวัดที่ท่านจำพรรษาก่อนจะมรณภาพนั้น เป็นวัดติดริมแม่น้ำ ไม่ห่างจากที่ดินผืนที่กำลังมีปัญหาของมรรคา

แรกทีเดียวพันเกลียวคิดจะไปดูที่วัดนั้น แต่จากข้อมูลเพิ่มเติมบอกว่า หลังจากหลวงลุงมรณภาพ วัดก็เสื่อมโทรมลง พระเณรแตกกระสานซ่านเซ็นไปอยู่ที่วัดอื่นๆ มันจึงไม่มีประโยชน์ที่หล่อนจะไป

เวลานี้หล่อนค่อนข้างแน่ใจในเปลาะที่ว่า...พ่ออาจพบและช่วยหล่อนออกมา จนหล่อนได้มาเกิดเป็นลูกพ่อ...แต่เพราะเหตุใด หล่อนถึงมี สัญญา บางอย่างกับกะพ้อ แล้วสัญญานั้น กล่าวว่าอย่างไร


ฟลอร์เต้นรำเริ่มว่างวาย เนื่องจากผู้ใหญ่โดยมากจะเต้นรำพอเป็นพิธีเพื่อให้เกียรติกับเจ้าภาพ จากนั้นจะกลับมานั่งคุยที่โต๊ะ ปล่อยให้หนุ่มสาววาดลวดลายแทน

ปีกแก้วเต้นรำได้สองสามเพลงกับมรรคา และญาติที่พอรู้จักบางคน จากนั้นจึงขอตัวจากคู่เต้นรำ เพื่อเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ

ห้องน้ำรับแขกที่คุณธมเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงค่อนข้างกว้าง อยู่ด้านหลังตัวบ้าน ใกล้กับเรือนครัว ปีกแก้วเปิดก๊อกน้ำ ใช้มือรองแล้ววักล้างหน้าจนสดชื่น เมื่อเงยหน้า เงาที่สะท้อนกระจกออกมา เป็นใบหน้าเด็กสาว ดวงตากระจ่างสดใส ใบหน้าตกแต่งพองาม ทรงผมเก๋สมวัย พอมองรวมๆ ปีกแก้วแทบจำตัวเองไม่ได้

เด็กสาวซับหน้าเบาๆ จากปลายหางตา หล่อนเห็นเงาแวบวาบเหมือนมีคนมาใช้ห้องน้ำ แต่พอหันกลับก็พบแต่ห้องน้ำโล่งๆ...ซับหน้าจนแห้ง ตกแต่งผมอีกเล็กน้อย ทันใดนั้น เด็กสาวรู้สึกเหมือนมีร่างร่างหนึ่งกำลังโถมเข้าใส่หล่อนอย่างรวดเร็ว ปีกแก้วเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ

พรึบ ไฟดับโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ

เพล้ง เสียงกระจกแตกดังตามมา เด็กสาวถอยกรูดชิดผนัง นัยน์ตายังไม่ชินกับความมืด ทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในก้นถ้ำดำลึก พยายามเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้า และจับการเคลื่อนไหว

มัน อยู่ใกล้ๆ นี่เอง และดูเหมือนจะไม่ยี่หระต่อความมืดสักเท่าใด เสียงก้าวเท้าย่างสามขุมดังเข้ามาเนิบช้า ราวกับมั่นใจว่าเหยื่อไม่มีทางรอด

คุณอา...คุณอาขา ปีกแก้วตะโกนร้องชื่อนี้ดังในใจ แต่ไม่มีการตอบรับ เด็กสาวตัวสั่นระริก พยายามแนบตัวชิดผนัง ค่อยๆ คืบคลานไปด้านข้าง จนเท้าสะดุดกับอะไรบางอย่างจึงหยุด

ขณะหล่อนหยุด มันก็เข้าใกล้แทบจะได้ยินเสียงลมหายใจซึ่งกันและกัน ปีกแก้วชะงักเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจ สัมผัสจากเท้าบอกว่า สิ่งที่ขวางทางหนีคือกระป๋องน้ำใบหนึ่งซึ่งบรรจุน้ำเกือบเต็ม

ชั่ววินาทีทีมันกระโจนเข้ามา ปีกแก้วก้มลงหยิบถังน้ำ แล้วสาดไปข้างหน้าสุดแรง

แค้ก แค้ก เสียงไอของผู้หญิง เด็กสาวกำหนดทางไว้แล้ววิ่งตะบึงออกไปตรงที่คิดว่าเป็นประตูทันที ก่อนถึงประตู หัวไหล่กระทบเข้ากับร่างของใครบางคนที่ดูเหมือนรีบมาขวางทาง แต่ร่างนั้นกลับถลาล้ม

ประตูเปิด แสงไฟจากภายนอกสว่างจ้า เด็กสาววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ผ่านเรือนครัว จนถึงบริเวณหน้าบ้านไม่ห่างจากงานเลี้ยงนัก ทันใดร่างของหล่อนก็ชนกับร่างสูงแข็งแรงร่างหนึ่ง ความตื่นตระหนกทำให้ปีกแก้วกอดเขาแน่น

พี่มัค ช่วยแก้วด้วย พี่มัค เจ้าของร่างโอบหล่อนเข้ามาไว้แนบอก จากสัมผัสทำให้เด็กสาวได้สติขืนตัว และเงยหน้าขึ้น...แต่ทว่า

ชิด คุณกำลังทำอะไรน่ะ เสียงที่ไม่เบานักของพลอยใสดังกระทบหู ยิ่งย้ำให้ปีกแก้วแน่ใจว่า อ้อมกอดนี้ไม่ใช่ของมรรคา

ผมทำอะไรหรือ เสียงพูดเนิบเนือย วงแขนยังไม่คลาย ปีกแก้วพยายามดิ้นรน แต่ไม่อาจหลุดออกมาได้

ก็เห็นอยู่สองตาว่าคุณกอดเด็กคนนี้อยู่ แม้จะลดความดังของเสียง แต่ความเข้มข้นยิ่งเพิ่มขึ้น

ชิดชนะแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่าชัง น่าอัปลักษณ์ในสายตาของปีกแก้ว

ปล่อยนะ เด็กสาวพยายามมือเขาออก แต่ยิ่งทำให้วงแขนกระชับแน่นขึ้น

คุณก็น่าจะรู้ว่า ผมคงไม่กอดใคร ถ้าคนคนนั้นไม่ให้ท่าผมก่อน คำพูดเนือยๆ ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดานี้ ทำให้ปีกแก้วร้อนวาบไปทั้งร่าง

มีอะไรกันน่ะ

เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง ชิดชนะค่อยปล่อยปีกแก้วจากวงแขน

พอเห็นหน้าผู้มาใหม่ เด็กสาวแทบไร้เรี่ยวแรง ต้องอาศัยพิงต้นตะแบกใกล้ๆ

คุณฉัตรฉวี คุณธม คุณสุณี คุณธนา มรรคาและผู้ใหญ่บางคนในงานต่างเดินเข้ามาสมทบกัน เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของคนทั้งสาม

เค้าความยุ่งยากปรากฏขึ้นแล้ว

๑๓

ปีกแก้วมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงง ความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ในห้องน้ำประกอบกับตกใจที่พบชิดชนะ ทำให้หล่อนตั้งสติไม่อยู่ ได้แต่ยืนฟังชินชนะพูดอยู่คนเดียวโดยไม่สามารถตอบโต้

ชิดชนะเล่าว่า เขาตั้งใจจะขึ้นไปบนบ้าน แต่บังเอิญเจอปีกแก้วที่เชิงบันได ปีกแก้วเป็นฝ่ายเริ่มต้นชวนเขาคุย เขาเห็นว่าหล่อนเป็นญาติ จึงยืนคุยด้วย แต่ปีกแก้วไม่หยุดแค่การพูดจา หล่อนให้ท่าเขา ชวนเขาไปคุยในที่ลับตา เขาเห็นไม่เหมาะสมจึงพยายามเลี่ยงออกมา แต่ปีกแก้วกลับมากอดเขาไว้ จนกระทั่งพลอยใสมาเห็น

คำพูดทุกคำเป็นเสมือนน้ำร้อนที่รินราดจิตใจเด็กสาว ใบหน้าปีกแก้วแดงซ่านแล้วกลับเผือดซีด เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่หล่อนถูกปรักปรำด้วยข้อหาที่ไม่มีมูลความจริง

มรรคายืนฟังทุกคำพูดของชิดชนะตั้งแต่ต้นจนจบ ใบหน้าเขาสงบเรียบเฉย แต่แววตากลับเข้มข้นขึ้นทุกขณะ

ไม่จริง มรรคาพูดขึ้นทันทีที่ฟังจบ คำพูดของเขาปลุกปีกแก้วขึ้นมาจากอาการขาดสติ

คุณชิดชนะโกหก เด็กสาวกล่าวเสียงสั่นๆ ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหล่อนให้ทุกคนฟัง ด้วยน้ำเสียงกลั้นสะอื้น

เล่านิทานเก่งนี่หล่อน น้ำเสียงอันเย็นเยียบของคุณฉัตรฉวีดังขึ้นมา มีหลักฐานอะไรมายืนยันกันล่ะ”...แต่เรื่องที่เธอกอดชิดชนะน่ะ เมียเขาเห็นอยู่ทนโท่ เสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

เบาๆ ก็ได้ค่ะคุณพี่ คุณสุณีพยายามประนีประนอม แล้วก็มองซ้ายมองขวา ทำตัวไม่ถูก

ได้ฟังอย่างนี้ปีกแก้วยิ่งสับสน จิตใจที่เพิ่งตั้งหลักได้กลับซวนเซอีกครั้ง...หล่อนจะหาหลักฐานจากไหน...

ไปดูที่ห้องน้ำสิ คุณธนาเอ่ยขึ้นอย่างคนทำตัวเป็นกลาง ปีกแก้วเขาได้ยินเสียงกระจกแตก ก็แสดงว่ามีกระจกแตกจริงๆ แค่นี้น่าจะเป็นหลักฐานได้

นัยน์ตาคุณฉัตรฉวีทอประกายกร้าว เป็นแววตาเดียวกับชิดชนะ


ห้องน้ำที่ทุกคนเห็นอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีกระจกบานใดแตกเสียหาย กระป๋องน้ำถูกวางไว้มุมห้อง ไม่มีร่องรอยว่าเคยถูกเคลื่อนย้ายมาก่อน กระทั่งหลอดไฟก็เปิดปิดได้ตามปกติ

มรรคาพยายามหาพิรุธ พบแต่เพียงความเปียกชื้นบนพื้นห้องน้ำเท่านั้น

นี่น่ะหรือหลักฐานของพวกเธอ คุณฉัตรฉวียิ้มอย่างมีชัย แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ

ใบหน้าเผือดของปีกแก้ว ยิ่งซีดลงไปกว่าเก่า หากไม่มีสายตาอาทรจากมรรคา หล่อนคงไม่อาจทรงตัวได้แม้แต่นาทีเดียว

คราวนี้คงเชื่อได้แล้วสินะครับ ว่าผมพูดความจริง ชิดชนะพูดเยาะๆ

ฉันว่า ถ้ามีอะไร เราควรไปพูดกันที่ห้องรับแขกดีกว่า คุณธมซึ่งเป็นผู้ฟังมานาน เอ่ยปากออกมาในที่สุด

พลอยว่าเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้วค่ะ พลอยใสพูดอย่างเหยียดๆ

พลอยใส คุณธมเรียกเสียงหนัก นัยน์ตาดุกำราบอยู่ในที

พอกลุ่มคนเคลื่อนขบวนจากห้องน้ำ ผ่านโรงครัว เข้าสู่ตัวบ้านแล้ว สภาพห้องน้ำที่ใครๆ เห็นว่าเรียบร้อยกลับเปลี่ยนไป แม้ความเปียกชื้นยังคงเดิม ไม่มีร่องรอยเศษกระจกแตกเกลื่อน แต่บนผนังเหนืออ่างล้างหน้าอ่างหนึ่งกลับว่างเปล่า ไม่มีกระจกเงาติดอยู่อย่างที่ทุกคนเห็นกัน

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP