สารส่องใจ Enlightenment

ศีลธรรมสำหรับครอบครัว (ตอนที่ ๕)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
เทศน์อบรมฆราวาส ณ กรมทหาร ร. พัน. ๓ อุดรธานี
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙



ศีลธรรมสำหรับครอบครัว (ตอนที่ ๑) (คลิก)
ศีลธรรมสำหรับครอบครัว (ตอนที่ ๒) (คลิก)
ศีลธรรมสำหรับครอบครัว (ตอนที่ ๓) (คลิก)
ศีลธรรมสำหรับครอบครัว (ตอนที่ ๔) (คลิก)



ศีลธรรมเป็นสิ่งจำเป็นมาก
ศาสนธรรมเป็นเครื่องส่งเสริมจิตใจของประชาชนชาวพุทธให้มีพลังภายใน
พูดมาถึงตอนนี้ก็ทำให้ระลึกสิ่งเป็นมารที่คอยทำลายศาสนธรรมและชาวพุทธขึ้นมาได้
มารศาสนา มารของโลกเสรี เขาว่าพระสงฆ์เป็นผู้ตัดทอนกำลังงาน
และสมบัติของประเทศชาติบ้านเมือง พระสงฆ์ไม่ได้ทำงานอะไรให้แก่ส่วนรวม
นอกจากอาศัยเขากินเพื่อความสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ
ความจริงนั้นพระสงฆ์ก็ดี ศาสนธรรมก็ดี เป็นสถาบันผลิตกำลังใจ
ผลิตศีลธรรมอันดีงามออกสู่ประชาชน
ให้เข้าใจในเนื้อแท้ทั้งของจริงและของปลอมซึ่งมีสับปนกันอยู่ทั่วไป
ศาสนธรรมแลพระสงฆ์คือโรงงานผลิตศีลธรรมและวิชาความรู้อันถูกต้องดีงาม
เข้าสู่จิตใจของประชาชนทั้งชาติให้มีกำลังใจกำลังศรัทธา
เชื่อต่อหน้าที่การงานและผลงานอันดีอันงาม
เพื่อความเป็นอยู่ของตนแลประเทศชาติบ้านเมือง
ได้มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นปึกแผ่นมั่นคง


ศาสนธรรมแลพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติเป็นธรรมตามทางศาสดา
ย่อมเป็นเหมือนโรงผลิตและผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าออกสู่สาธารณประโยชน์ให้ใช้กันทั่วดินแดน
กระแสไฟฟ้ามิใช่ผู้ทำงาน แต่เป็นกำลังและความสว่างของไฟฟ้า
เพื่องานทั้งหลายที่เกี่ยวกับไฟฟ้าต่างหาก
ดังที่เขาใช้กำลังไฟฟ้าตามโรงงานและสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ซึ่งล้วนแต่เป็นผลผลิตมาจากกำลังไฟฟ้าแทบทั้งนั้น
ศาสนธรรมแลพระสงฆ์ก็เช่นกัน เป็นสถาบันแห่งการอบรมศีลธรรมเพื่อกำลังใจ
และความรู้ความฉลาดจากศาสนธรรมแลพระสงฆ์
เพื่อนำไปปฏิบัติต่อตัวเองและหน้าที่การงานให้ได้ผลดีไม่ผิดพลาด
เพราะอาศัยแนวทางจากศาสนธรรมแลพระสงฆ์ชี้แนะ


เช่นศาสนาสอนว่า อุฏฺฐานสมฺปทา ให้มีความขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานที่ชอบ
อย่าเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านไม่เอาการเอางาน
ศาสนาสอนคนให้เป็นคนดีมีการงานสะอาด และขยันหมั่นเพียรในงานที่ชอบทุกแขนง
เพื่อความเป็นอยู่ราบรื่นดีงาม ไม่อดอยากขาดแคลน
ศาสนาและพระสงฆ์ท่านช่วยส่งเสริมศีลธรรม
เพื่อกำลังใจ ความรู้ การงานและฐานะให้มีความแน่นหนามั่นคงไม่โยกๆ คลอนๆ


อารกฺขสมฺปทา เมื่อได้ทรัพย์สมบัติมา ที่ควรจะจับจ่ายใช้สอยมากน้อยเพียงไร
ให้มีเหตุผลเป็นเครื่องจับจ่ายใช้สอยและเก็บรักษาไว้
อย่าเก็บไว้ด้วยการตระหนี่ถี่เหนียวโดยหาเหตุผลไม่ได้
ตายแล้วจะมาเป็นเปรตเป็นผีเฝ้าสมบัติอยู่นั้น
เพราะความห่วงความหึงหวงสมบัติ ไม่อาจไปผุดไปเกิดสุคติโลกสวรรค์อะไรได้
ทั้งนี้ก็เพราะกิเลสตัวตระหนี่ถี่เหนียวนั่นแลมันทำลายเจ้าของ
ธรรมท่านก็สอนไว้ กันเอาไว้ไม่ให้คนเป็นเปรตเป็นผีเพราะสมบัติเจ้าของทำพิษ
การจับจ่ายใช้สอยมากน้อยให้มีเหตุผลเป็นเครื่องจับจ่าย
อย่าจับจ่ายด้วยความสุรุ่ยสุร่าย จะเสียทรัพย์และเสียคน
มีศีลมีธรรมเป็นเครื่องรักษาสมบัตินั้น สมบัติย่อมเป็นผลเป็นประโยชน์แก่ผู้รักษา
เก็บไว้ก็เพื่อเป็นประโยชน์ เวลาจ่ายไปก็เป็นประโยชน์


นี่แลศาสนาและพระสงฆ์ท่านสอนโลกให้รู้จักวิธีปฏิบัติตัวและทรัพย์สิน
จัดว่าเป็นการกดถ่วงโลก สิ้นเปลืองสมบัติของโลก เป็นดังคำที่กล่าวหานั้นหรือไม่
กรุณาพิจารณาดูเอา ถ้าเราเชื่อพุทธเชื่อธรรมเชื่อสงฆ์ ไม่เชื่อมารตัวทำลายศาสนา
ทำลายจิตใจประชาชน ธรรมและการสอนก็ถูกตามหลักเกณฑ์อยู่แล้ว
หาคำสอนใดเสมอคำสอนของพระพุทธศาสนาได้เล่า
ท่านมิได้สอนคนให้ฉิบหายล่มจม
นอกจากสอนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองโดยถ่ายเดียวเท่านั้น
แม้การให้ทานเพื่อศาสนาและแก่พระสงฆ์ ผู้ให้ทานก็ได้บุญได้กุศล
ไม่มีอะไรพาให้ล่มจมฉิบหายเพราะการให้ทานการบำรุงศาสนาแต่อย่างใด
จึงกรุณาเข้าใจตามนี้


สมชีวิตา จงเป็นผู้ประหยัด แต่อย่าตระหนี่ถี่เหนียวเข้ากับใครไม่ได้
อย่าฟุ้งเฟ้ออย่าฟุ่มเฟือยในการกินอยู่กับการหลับการนอน
การเป็นอยู่ใช้สอยให้พอเหมาะพอดี
อย่าให้เกินเหตุเกินผลเกินฐานะของตน อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม
ให้พอเหมาะพอสมกับฐานะกับครอบครัวของตน
ครอบครัวมีมากจ่ายมากเท่าที่จะพอเหมาะสมกับครอบครัว
มีน้อยอย่าจ่ายมาก มีมากอย่าจ่ายน้อยเกินไปมันไม่พอกินถ้าสิ่งของมีอยู่
ให้จ่ายพอเหมาะพอสมที่เรียกว่า มัชฌิมา
คือความพอดีแก่ตนและครอบครัว ย่อมราบรื่นดีงาม


คําว่ามัชฌิมาก็คือความพอดี
อาหารเค็มมากเกินไปก็ไม่ใช่มัชฌิมา จืดเกินไปไม่ใช่มัชฌิมา
เผ็ดเกินไป หวานเกินไป เปรี้ยวเกินไป ไม่ใช่มัชฌิมา
คือความพอดีของธรรม ธรรมท่านเรียกว่าพอเหมาะ
หวานก็พอดี เค็มก็พอดี เปรี้ยวก็พอดี คนที่สูงเกินไปไม่เรียกคนพอดี
ขาวเกินไปไม่เรียกคนพอดี ดําเกินไปจนเหมือนกับถ่านไฟก็ไม่เรียกว่าคนพอดี
แน่ะฟังซิ คนที่พอเหมาะพอดีคือไม่ขาวเกินไป ไม่ดําเกินไป ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป
ไม่เล็กเกินไป ทั้งๆ ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่โตเกินไปเหมือนช้าง
มัชฌิมาคือให้พอเหมาะพอสมทุกสิ่งทุกอย่าง
เสื้อกางเกงที่ตัดมาสวมใส่เราก็ให้พอเหมาะพอดีนั้นก็เรียกว่ามัชฌิมา เข้ากับธรรมได้


คําสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องแม่นยําและเหมาะสมกับมนุษย์
จะพึงปฏิบัติตามได้ตามเพศของตน
ถ้าพูดตามหลักธรรมนี้แล้ว ไม่มีที่กดถ่วงความเจริญของโลก
นอกจากโลกกดถ่วงธรรม ลบล้างธรรมให้ฉิบหายโดยไม่สํานึกบาปบ้างเลยเท่านั้น
ยังขาดแต่หางไม่มี แม้เช่นนั้นเขาอาจเรียกว่า...ไม่มีหางก็ยังได้
เมื่อทําตัวให้เหลวแหลกจนเกินโลกไปแล้ว เดี๋ยวจะไปแย่งเอาหางสุนัขมามันจะกัดเอา
ให้ระวังให้ดีนะ มันเลยเถิดแล้วนี่
เราว่าเราเจริญ แต่ความเห่อเหิมกับโลกกับสงสารนั้นเลยขอบเขต
โดยไม่คํานึงถึงเหตุถึงผลความพอดีพองาม ไม่คํานึงถึงอรรถถึงธรรม
แล้วก็สิ่งที่เจริญก็มีแต่ฟืนแต่ไฟเผากันนั่นแล แล้วก็หาโลกอยู่ไม่ได้


ถ้าจะเป็นเหมือนกับไอ้ตีนหุบหางงอๆ นั้นก็เป็นไม่ได้เพราะหางไม่มี
จะไปคว้าเอาหางมันเดี๋ยวมันกัดเอา
นี่ละความปลอมของมนุษย์เรา มนุษย์เรามันปลอมอย่างนี้
ถ้าจะเป็นมนุษย์จริงๆ ให้สมกับภูมิมนุษย์ก็ไม่มีศีลธรรมประดับตัว
ไม่มีอัธยาศัยอันดีงามที่พอจะประพฤติให้เหมาะสมกับภูมิเป็นมนุษย์
ถ้าจะให้เป็นเหมือนสัตว์ก็ไม่มีหาง มันลําบากอย่างนี้แหละ
การประพฤติปีนเกลียวกับศาสนธรรมแล้ว มันเกิดผลร้ายแก่ตัวและส่วนรวมอย่างนั้นแล
เพราะฉะนั้น การประพฤติปฏิบัติธรรมจึงเหมาะสมกับภูมิมนุษย์เรา
เพราะศาสนธรรมท่านสอนไว้กับมนุษย์


ข้อที่สี่ กลฺยาณมิตฺตตา การคบค้าสมาคมกับหญิงชายกับใครๆ
ก็ควรเลือกเฟ้นด้วยดีอย่าคบค้าสมาคมแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
เวลาหลวมตัวเข้าไปแล้วมันลําบาก แก้ยาก ดีไม่ดีจมไปตามเขา ถลําไปตามเขาก็มี
ท่านสอนให้พินิจพิจารณา เพราะมนุษย์เราอยู่ลําพังคนเดียวไม่ได้
ย่อมเกี่ยวข้องกับเพื่อนฝูงหญิงชายเสมอไป
จึงต้องได้เลือกเฟ้นพอประมาณ อย่างน้อยจะไม่เสียตัวเรา


นิสมฺม กรณํ เสยฺโย จะทําอะไรให้ใคร่ครวญเสียก่อนว่าสิ่งนี้ถูกหรือผิด
อย่าทําตามอารมณ์ที่อยาก คําว่าอารมณ์อยากไม่มีประมาณ
ความอยาก อยากทุกสิ่งทุกอย่าง กินข้าวอิ่มแล้วมันก็อยากมันก็หิว หิวอยู่ตลอดเวลา
นั่นคือความอยากอันหาประมาณไม่ได้ ท่านเรียกว่าฝ่ายต่ำ
จึงต้องเอาอรรถเอาธรรมเข้าไปแยกไปแยะไปพิจารณาว่าอยากอะไร
พิจารณาจนเห็นสมควรแล้วค่อยทําสิ่งนั้นกิจนั้น
อยากกินก็ให้กินแล้วจะกินอะไรอีก จะกินเมฆกินหมอกที่ไหนอีก
บ้านเมืองประเทศชาติหรือมนุษย์เราไม่ได้กินเมฆกินหมอก เขากินอะไรกัน
เราก็ให้กินแล้ว กินพอดีพองามแล้วจะอยากอะไรอีก
สอนเจ้าของตัวดื้อด้านก็ต้องสอนหนักๆ บ้างซิ
ถ้าอยากเป็นคนดีมีความอยากพอประมาณไม่ล้นฝั่ง


มนุษย์เราต้องสอนเราต้องบังคับเราให้มีขอบเขต ต้องมีเครื่องบังคับ
ถ้าโดยลําพังอัตโนมัติคือความอยากความหิวโหยตามอารมณ์ต่างๆ แล้วไม่มีประมาณเลย
ถ้าทําตามความอยากโดยถ่ายเดียวมนุษย์เราจะเลวลง
จําต้องมีศีลธรรมเป็นเครื่องปกครอง
ศาสนธรรมเป็นสิ่งสําคัญที่จะร้อยกรองมนุษย์ให้เป็นคนดีมีความร่มเย็นสงบสุข
ถ้าปราศจากศีลธรรมแล้ว
แม้แสวงหาความสุขจนกระทั่งวันตายก็ไม่เจอ จะเจอแต่ทุกข์นั่นแล


ผู้ใดก็ตามถ้านําศาสนธรรมไปประพฤติปฏิบัติ จะเป็นความเหมาะสมดีงามไปด้วยกัน
การขาดธรรมคือความดีงาม ก็คือการขาดเครื่องมือแสวงหาความสงบสุขนั่นแล
โลกมีความเดือดร้อนขึ้นทุกวันๆ เพราะความขาดศีลธรรมภายในใจและความประพฤติ
มีแต่โลกเหยียบย่ำศีลธรรม กดถ่วงศีลธรรม
เราอย่าว่าศีลธรรมไปกดถ่วงโลกเลย ศีลธรรมไม่เคยทําโลกให้มีความเสื่อมเสียอะไรที่ไหน
นอกจากโลกเหยียบย่ำทําลายศีลธรรมให้ล่มจมไป
แล้วยังเหลือแต่ตัวมนุษย์ล้วนๆ
แล้วก่อความพินาศฉิบหายให้กันอย่างเหลวแหลกถ่ายเดียว
ซึ่งน่าสลดสังเวชเป็นนักหนา ดังนั้นพึงเห็นโทษในความขาดศีลธรรม
และเห็นคุณค่าแห่งความมีศีลธรรมนําไปปฏิบัติ
ตัวเราก็เจริญ ครอบครัวก็เจริญ บ้านเมืองก็เจริญ เพราะธรรมคุ้มครองรักษา


มนุษย์เรามีคุณค่าเพราะศีลเพราะธรรมเพราะความประพฤติ
ไม่ได้มีคุณค่าทางเนื้อทางหนังเหมือนสัตว์ทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลายเมื่อตายแล้ว เนื้อหนังขนเข้าตลาด
เป็นเงินเป็นทองออกมา เช่น ปู ปลา เป็นต้น
ส่วนเนื้อมนุษย์เราตายแล้วขนเข้าตลาดดูซิ ตลาดแตกฮือหมดเลยเพราะเขากลัวผี
คุณค่าของมนุษย์มันอยู่ที่เนื้อหนังเมื่อไร
อยู่กับความประพฤติปฏิบัติ อยู่กับอัธยาศัยใจคอที่มีศีลธรรมเป็นเครื่องบังคับ
มีศีลธรรมเป็นเครื่องประดับใจต่างหาก
ผู้มีศีลธรรมเป็นผู้มีคุณค่า อยู่ที่ไหนก็อยู่สบาย เย็นไปหมด
ตายแล้วกลิ่นก็หอมหวนทวนลม ไม่ได้หอมไปตามลม
และหอมตลบอบอวลไปทุกทิศทุกทางไม่เลือกว่าทิศเหนือทิศใต้ คือความมีศีลธรรมนี่แล
มนุษย์เรามีศีลธรรมเป็นเครื่องประดับย่อมสวยงามไม่จืดจางตลอดวัย
มนุษย์มีคุณค่าเพราะศีลธรรม
ในครอบครัวหนึ่งๆ ถ้าขาดศีลธรรมจะมีความเดือดร้อนโดยลําดับ
ขาดมากเดือดร้อนมาก ขาดมากจริงๆ ฉิบหายไปหมดทั้งครอบครัว


นี่แลการแสดงให้ท่านทั้งหลายฟังวันนี้ก็เห็นว่าจะสมควรแก่เวลา
อรรถธรรมข้อใดที่แสดงไว้แล้ว กรุณานําไปพินิจพิจารณาและประพฤติปฏิบัติ
กําจัดสิ่งที่เคยเป็นภัยแก่ตนและครอบครัวให้ห่างไกลออกไป
ให้มีแต่ความสุขกายสบายใจ ตั้งหน้าประพฤติปฏิบัติต่อกัน
เฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสามีภรรยาให้มีคุณค่าเสมอกัน
อย่าไปกดคนใดคนหนึ่งให้ลดคุณค่าลง แล้วยกคุณค่าของตนขึ้นด้วยอารมณ์
อันเป็นการเหยียบย่ำทําลายกัน นั่นไม่ถูกไม่ควร
ให้มีคุณค่าเสมอกันทั้งทางศีลธรรมและครอบครัว
ครอบครัวนั้นจะมีความสุขความเจริญ


การแสดงธรรมก็เห็นว่าพอสมควรแก่เวลา จึงขอยุติลงเพียงเท่านี้


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา https://bit.ly/3O1UBbm


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP