จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

หาที่ทำงานที่ขี้เกียจแล้วมีความสุข

งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

เมื่อกลางเดือนเมษายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา
ผมอ่านพบบทความเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ โดยบทความข่าวเล่าว่า
เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ เปลี่ยนงานกันบ่อย โดยเอะอะก็ลาออก ไม่อดทนทำงานได้นาน
ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทแห่งหนึ่งได้อธิบายว่า
เทรนด์ของคนยุคนี้เปลี่ยนงานกันบ่อย เพราะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
โดยเมื่อเจอสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ใช่ในแบบที่หวังไว้
ก็มองว่า งานนี้คงไม่ตอบโจทย์กับชีวิตเราแล้ว
โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ มีทางเลือกในอาชีพมากกว่าแต่ก่อนเยอะ
ทุกคนไม่ต้องเป็น หมอ วิศวกร หรือต้องเข้าไปอยู่ในบริษัทใหญ่
ถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ
แต่ทุกวันนี้มีทางเลือกหรือโอกาสให้แก่เด็ก ๆ มากขึ้น
เด็ก ๆ จึงมองว่า ถ้าตรงนี้มันไม่ใช่ แล้วทำไมต้องทน
นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตมากกว่า
โดยเฉพาะคนยุคมิลเลเนียมหรือเด็กที่เกิดหลังปี ๒๐๐๐
พวกเขามองหาสิ่งที่ตอบโจทย์กับความสุขในชีวิต
ที่มันลงตัวกับชีวิตเขามากกว่า generation อื่น ๆ
เขาจึงตั้งคำถามกับงานว่ากระทบกับชีวิตมากเกินไปหรือเปล่า
โดยเขาทำงานเพื่อเงิน เพื่อจะได้ไปมีความสุขอย่างอื่น
ทำงานให้มีเงินเพื่อไปทำตามความฝัน นี่เป็นแนวคิดที่ชัดเจนมากขึ้นในยุคหลัง ๆ
https://mgronline.com/live/detail/9660000036024


ผมเองก็มีประสบการณ์รับสมัครและสัมภาษณ์คนทำงานเช่นกันครับ
โดยในระยะหลัง ๆ ก็เห็นเช่นเดียวกันครับว่า
ในประวัติการทำงานของเด็ก ๆ ที่มาสมัครงานนั้น
มีจำนวนไม่น้อยที่มีประวัติเปลี่ยนที่ทำงานบ่อย
ซึ่งในฐานะของคนที่รับสมัครและสัมภาษณ์แล้ว
หากเราเจอผู้สมัครที่เปลี่ยนที่ทำงานบ่อย ๆ แล้ว
เราก็จะไม่ค่อยสนใจจะเรียกสัมภาษณ์เท่าไรนัก
เพราะไม่มั่นใจว่ารับเข้ามาแล้ว จะอยู่ได้นานเพียงไร
ดังนั้น แม้ว่าน้อง ๆ บางคนอาจจะมองว่า
เมื่อดูที่ทำงานแล้วเห็นไม่ใช่ ก็ไม่ต้องทน และเปลี่ยนหาที่ใหม่ได้ทันที
โดยเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอที่ใช่ก็ตาม
แต่ว่าในการที่เปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อย ๆ นั้น
ผลกระทบอีกทางหนึ่ง ก็จะเป็นการสร้างประวัติเปลี่ยนงานบ่อยแก่ตนเอง
ในขณะที่การเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าจะเจอที่ใช่
แต่กลับจะเป็นการเสียเวลาและโอกาสในการพัฒนาตนเองในที่ทำงานเสียอีก
ดังนั้นแล้ว แม้ว่าบางเรื่องในที่ทำงานอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจก็ตาม
แต่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจนเกินไปแล้ว
ก็แนะนำว่าควรจะอยู่ทำงานให้ได้ระยะเวลาพอสมควรเสียก่อน
โดยไม่ควรเปลี่ยนงานเร็วหรือบ่อยเกินไปครับ


ในบรรดาหลาย ๆ คนที่เปลี่ยนสถานที่ทำงานบ่อยนั้น
จะมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่มองหาสถานที่ทำงานประเภทงานสบาย ขี้เกียจได้
งานไม่กดดัน แต่ได้ค่าตอบแทนดี และมีความเจริญก้าวหน้าด้วย
ซึ่งเราก็ควรจะพิจารณากันให้ดีว่า จะสามารถหาสถานที่ทำงานแบบนั้นได้จริง ๆ หรือ
ใน “สุสิมสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค) เล่าว่า
ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเล่าให้ภิกษุทั้งหลายว่า
เรื่องเคยมีมาแล้ว พวกอสูรได้พากันมารบกับพวกเทวดา
ในครั้งนั้น ท้าวสักกะ (พระอินทร์) ซึ่งเป็นจอมเทวดา
ได้เรียกสุสิมเทพบุตรมาบัญชาว่า
“พวกอสูรเหล่านี้กำลังพากันมารบพวกเทวดา จงไปป้องกันพวกอสูรไว้”
สุสิมเทพบุตรไม่ได้สนใจที่จะไปป้องกันพวกอสูร จึงมัวเมาประมาทเสีย


ในครั้งนั้น ท้าวสักกะจึงตรัสแก่สุสิมเทพบุตรด้วยคาถาว่า
“บุคคลไม่หมั่น ไม่พยายาม แต่ประสบความสุขได้ ณ ที่ใด
สุสิมะ เจ้าจงไป ณ ที่นั้น และจงพาเราไปให้ถึง ณ ที่นั้นด้วยเถิด”
สุสิมเทพบุตรได้ฟังแล้ว ก็กราบทูลว่า
“บุคคลเป็นผู้เกียจคร้าน ไม่หมั่น และไม่ใช้ใคร ๆ ให้กระทำกิจทั้งหลายอีกด้วย
เขาพึงพรั่งพร้อมด้วยกามทุกอย่าง
ข้าแต่ท้าวสักกะ ขอพระองค์จงตรัสบอกฐานะอันประเสริฐนั้นแก่ข้าพระองค์”
ท้าวสักกะตรัสตอบว่า “ที่ใด บุคคลเกียจคร้าน ไม่หมั่น ถึงความสุขล่วงส่วนได้
สุสิมะ เจ้าจงไป ณ ที่นั้น และจงพาเราไปให้ถึง ณ ที่นั้นด้วยเถิด”
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=6999&Z=7045&pagebreak=0
ใน “สุวีรสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค)
ท้าวสักกะก็ได้สนทนากับสุวีรเทพบุตรในทำนองเดียวกัน
กับที่ได้สนทนากับสุสิมเทพบุตรตามสุสิมสูตรที่ได้เล่ามาข้างต้น
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=15&A=6944&Z=6998&pagebreak=0


จะเห็นได้ว่าแม้กระทั่งเทวดาเองก็ตาม
หากบอกว่า ตนเองต้องการขอไม่หมั่น ไม่พยายาม แต่ประสบความสุขได้
หรือขอเป็นผู้เกียจคร้าน ไม่หมั่น และไม่ใช้ใครทำกิจให้ด้วย
แต่กลับมีพรั่งพร้อมด้วยกามคุณทุกอย่างแล้ว
แม้แต่ท้าวสักกะ (พระอินทร์) ซึ่งเป็นจอมเทวดาเองก็ยังบอกว่า
ให้ไปหาว่ามีที่ไหน ถ้าพบแล้วก็ให้มาพาตนไปอยู่ด้วย (คือไม่มีนั่นเอง)

---

แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ