วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ทางยมทูต ๒๕



way cover












ชลนิล









(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            แพรตะวันกับขุนคีรีรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ครอบครัวพลเทพมักมาพักผ่อนทางเหนือช่วงลูกสาวปิดเทอม มารดาเขากับแม่เธอคุ้นเคยสนิทสนมกันดี ลูกชายลูกสาวถูกแอบจับคู่กันแบบทีเล่นทีจริง ทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก สนิทสนมมากขึ้นตอนชายหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ

            ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเกินกว่าเพื่อนสนิท เพราะแพรตะวันเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่ไม่เคยหลงใหล ‘ปลื้ม’ ความหล่อสไตล์แบดบอยของขุนคีรี

            “แพรเจอผู้ชายแบบขุนมาเยอะ พวกลูกน้องพ่ออย่างนี้ทั้งนั้น ขืนจับคู่เป็นแฟนกันชีวิตนี้แพรคงออกจากแวดวงมาเฟียไม่ได้สักที”

            ขุนคีรีฟังแล้วหัวเราะขัน

            “สเปกของแพรต้องเป็นผู้ชายธรรมดา ใจเย็น สุภาพ รักสงบ รักเดียวใจเดียว ไม่เจ้าชู้ ไม่มีผู้หญิงมาวุ่นวาย พ่อบ้านพ่อเรือน ทำกับข้าวได้ยิ่งดีเลย”

            “เฮ้ย...นี่มันตรงข้ามขุนทุกอย่างเลยนี่”

            “เออใช่สิ เพิ่งรู้ตัวเหรอ”

            ถึงคนในฝันสองฝ่ายจะเป็นคนละทาง ความเป็นเพื่อนไม่เคยคลอนแคลน มารดาแพรตะวันป่วยเสียชีวิตตั้งแต่เธอเรียนมัธยม หญิงสาวจึงเป็นคนเข้าใจขุนคีรีที่สุดในวันที่ประสบความสูญเสียแบบเดียวกัน

            เธอเป็นคนเดียวที่บุกเข้ามากลางอาณาเขต ‘หวงห้าม’ เพื่อดึงชายหนุ่มกลับไปเรียนต่อ เคี่ยวเข็ญจนจบมหาวิทยาลัย รับปริญญาพร้อมกัน

            หลังจากนั้นเธอก็ทำงานใช้ชีวิตอิสระ พยายามโบกบินพ้นจากปีกบิดา ขณะขุนคีรียังเป็นเด็กเกเร เรียนจบแต่ไม่ทำงานเป็นเรื่องราว ใช้ชีวิตสนุกสนานเรื่อยเปื่อย กระทั่งเกิดเรื่องให้ทุกอย่างแปรผันเช่นวันนี้

            ทั้งสองติดต่อกันนาน ๆ ครั้ง ไม่พบหน้ากันหลายปี ขุนคีรีรู้สึกว่าแพรตะวันกำลังคบกับผู้ชายในฝัน พยายามปกปิดไม่ให้คนในครอบครัวรู้ คาดไม่ถึงจู่ ๆ ต้องไปงานศพเธอ



            พ่อเลี้ยงบุญชัยเห็นลูกชายนิ่งอั้นนาน ทราบว่าคงตกใจเมื่อทราบข่าวกะทันหัน แพรตะวันเป็นเพื่อนสนิทผู้หญิงคนเดียวที่ขุนคีรียกให้แตกต่างจาก ‘สาว ๆ’ อื่นที่เคยคบหามาทั้งหมด

            “สวดศพคืนแรกวันนี้ พ่อเพิ่งลงจากเครื่องเลยมาชวนแกก่อน ไปด้วยกันมั้ย”

            “ครับ” ตอบรับพลางขมวดคิ้วสงสัย “แพรป่วยเป็นอะไรหรือเกิดอุบัติเหตุ ทำไมผมไม่ระแคะระคายเลย”

            “ลุงพลแกบอกว่าหัวใจล้มเหลว พ่อไม่แน่ใจเป็นไปได้ยังไงเหมือนกัน เจ้าตัวกำลังเสียใจเลยไม่อยากซักไซ้”

            ขุนคีรีพยักหน้าไม่ถามร่ำไร

            “พ่อรอผมหน่อยได้มั้ยต้องช่วยยายปันเก็บร้าน ล้างจานก่อน อ้อ...ต้องบอกครูแคล้วด้วยว่าวันนี้ของดซ้อมวันนึง”

            ความที่ทราบกิจวัตรประจำวันลูกชายอยู่แล้วจึงไม่แปลกใจ นั่งรอไม่เกินชั่วโมงทุกอย่างเรียบร้อย ตาแคล้ว ยายปันเดินมาส่งหน้าร้านพอเดาสถานะคนทั้งสองออก



            รถยุโรปสีขาวคันใหญ่จอดรอริมถนนใหญ่ พ่อเลี้ยงบุญชัยจงใจเดินเข้าไปหาลูกชายด้วยไม่ต้องการให้เป็นจุดสนใจมากเกินไป

            ขุนคีรีพยักหน้าทักทายเข้มซึ่งยืนรอเปิดประตูให้บิดาตน ก่อนตามเข้าไปนั่งคู่กันเบาะหลัง

            รถแล่นสู่การจราจรปกติ ขุนคีรีค่อยพูดกับบิดาด้วยเรื่องที่ไม่ถามในร้านข้าวแกง

            “เราจะเข้างานเลย หรือพ่อจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดก่อน”

            “ไปคอนโดก่อนสิ แกต้องเปลี่ยนชุดเหมือนกัน แต่งตัวแบบนี้มันไม่ให้เกียรติเจ้าภาพ”

            บิดามองการแต่งตัวลูกชายเป็นเชิงตำหนิตรง ๆ

            “ได้...ก่อนไปงานศพ ผมอยากถามพ่อเรื่องนึง...”

            การที่ลูกชายไม่ยอมถามเรื่องนี้ตั้งแต่ในร้านแสดงว่าเป็นเรื่องไม่ควรให้คนนอกได้ยิน

            “เรื่องสำคัญหรือเปล่า” ถามหยั่งเชิง

            “สำหรับพ่ออาจไม่สำคัญ แต่ผมเห็นว่าสำคัญมาก”

            “ว่ามา”

            “ใครสั่งฆ่าพี่นนท์”

            พ่อเลี้ยงบุญชัยนิ่ง ไม่ใช่ไม่อยากตอบ หรือตอบไม่ได้ แค่กำลังใคร่ครวญ...ลูกชายถามด้วยความรู้สึกแบบใด

            “แกคิดว่าเป็นพ่อเหรอ”

            “พี่นนท์ไม่ได้ทำงานให้พ่อนานแล้ว ตั้งแต่เป็นเจ้าของแบล็ก มูน”

            “งั้นแกรู้คำตอบอยู่แล้ว จะถามพ่อทำไม”

            ผู้เป็นบิดาทราบ บุตรชายไม่ได้อ่อนต่อโลกจนไม่รู้สถานการณ์เช่นนี้ใครคือผู้ออกคำสั่ง

            “ลุงพล”

            “ถ้าแกรู้คำตอบ คงไม่ต้องถามนะว่าเพราะอะไร”

            ลมหายใจหนักหน่วงถูกระบายอึดอัด

            “ไม่หรอกพ่อ...ผมไม่จำเป็นต้องถามอีกแล้ว”

            ขุนคีรีไม่จำเป็นต้องถาม ลุงพลออกคำสั่งสังหารธนนท์ หรืออาจตามด้วยจอห์น เป็นการสร้างกรรมดำอีกครั้งสำหรับเจ้าพ่อรายนี้

            บางคนอาจมองว่า แพรตะวันเสียชีวิตเป็นเพราะกรรมของพ่อตกไปอยู่กับลูก...แท้จริงมันไม่ใช่เลย!

            ขุนคีรีบังเกิดความ ‘รู้’ ขึ้นในใจ

            วัวใครเข้าคอกคนนั้น...กรรม...ใครทำคนนั้นรับไป ไม่สามารถรับแทนกันได้

            แพรตะวันรับ ‘วิบาก’ ตนจนเสียชีวิต ไม่ได้ชดใช้กรรมแทนบิดา

            พลเทพสร้างกรรม ย่อมมีวิบากรอชดใช้วันข้างหน้า เพียงแต่วันนี้ ‘กรรมจัดสรร’ ให้สูญเสียบุตรสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจ เสมือน ‘ออเดิร์ฟ’ ส่งมาให้ชิม ก่อนวิบากตัวจริงจะ ‘จัดหนัก’ ในเวลาไม่ทันตั้งตัว




--------------- ------------ --------------




            โลงศพตั้งเด่นประดับดอกไม้สวยงาม พวงหรีดเรียงรายเป็นแผงตั้งแต่บริเวณด้านหน้ายาวตลอดแนวศาลา ชื่อและตำแหน่งผู้ส่งแต่ละรายบอกถึงฐานะทางสังคมไม่ธรรมดา ตั้งแต่นักธุรกิจชั้นนำ นักการเมืองตำแหน่งใหญ่โต จนถึงอดีตนายตำรวจระดับสูง แสดงให้เห็นถึงการคบหากว้างขวาง มากด้วยบารมี

            พลเทพ ชายกลางคนใบหน้าดุ ปลายคิ้วตวัดเฉียงเพิ่มความน่าเกรงขาม ยืนทักทายแขกหน้าศาลา ร่างสูงใหญ่โดดเด่นกว่าใคร ความเศร้าถูกซ่อนลึกในแววตา กิริยาท่าทางมีอำนาจไม่ต่างจากเดิม

            ขุนคีรีสวมเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีเดียวกัน ผมยาวถูกหวีรวบมัดเรียบร้อย เดินตามหลังบิดาเคียงข้างเข้ม มือขวาคนสนิท

            “บุญชัย มาแล้วเรอะ” พลเทพทักทาย รอยยิ้มจริงใจผุดขึ้นก่อนตบไหล่ทักทายกันเอง

            “ขอโทษนะพี่...ผมมารดน้ำหลานไม่ทัน” พ่อเลี้ยงบุญชัยอายุน้อยกว่าสองสามปีให้เคารพไม่ต่างจากพี่ชายจริง ๆ

            “เฮ้ย...ไม่เป็นไร” พูดพลางเหลือบมองชายหนุ่มด้านข้าง

            “ขุน...เป็นยังไงบ้างไม่เจอกันนาน” ผู้มีอิทธิพลเข้ามากอดหลานชายกระชับแน่น “แพรเขาไปดีแล้วนะลูก”

            เสียงกระซิบเบา ๆ บอกให้ทราบ ยามเห็นหลานชายอดคิดถึงลูกสาวตัวเองไม่ได้ อ้อมกอดนี้คล้ายเจ้าตัวอยากกอด ฉุดรั้งชีวิตคนที่รักให้คืนกลับมา

            ขุนคีรีสัมผัสความเศร้าเสียใจจากชายกลางคนผู้น่าเกรงขาม รู้สึกเหมือนหัวอกนั้นเต็มไปด้วยทะเลน้ำตา

            “ครับ...ลุงพล” เขาอยากปลอบว่าหญิงสาวเป็นนางฟ้าบนสวรรค์แต่พูดไม่ออก เหมือนโกหกทั้งที่ใจรู้ว่าไม่ใช่

            พลเทพคลายอ้อมกอด ตบไหล่หลานชายแล้วหันมาทางคนเป็นพ่อ

            “บุญชัย คืนนี้นอนบ้านพี่นะ ขุนด้วย...ไม่เจอกันนานมีเรื่องอยากคุยเยอะเลย”

            ขุนคีรีกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ พอสบสายตาบิดาต้องนิ่งเงียบ

            “ได้เลยพี่” พ่อเลี้ยงบุญชัยตอบรับหนักแน่น

            ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างรู้ใจกันดี ยามนี้ไม่มีใครที่พลเทพวางใจระบายความเศร้าในอก ฉากหน้าต้องเข้มแข็งเสมือนขุนเขามั่นคง ไม่เช่นนั้นศัตรูที่แจ้งที่มืดจะฉวยโอกาส เมื่อพบคนที่วางใจจึงอยากรั้งไว้นาน ๆ อย่างน้อยช่วยไม่ให้บ้านหนาวเย็นเกินไป

            “ขอบใจว่ะ ไปจุดธูปก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ”

            เจ้าภาพฝืนปั้นแต่งรอยยิ้มก่อนไปทักทายแขกคนสำคัญอื่นที่กำลังทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ



            ธูปหนึ่งดอกปักใส่กระถาง ควันลอยเป็นสายส่งกลิ่นหอมเย็น พ่อเลี้ยงบุญชัยจุดธูปไหว้ศพเสร็จไปนั่งโซฟาแขกวีไอพี ส่วนขุนคีรีคอยจุดธูปให้แขกผู้ใหญ่มาไหว้ศพต่อ ทำตัวเสมือนเป็นลูกชายพลเทพอีกคน

            ภาพหญิงสาวหน้าโลงสวยสดใส รอยยิ้มกระจ่างบอกตัวตนเปิดเผย นัยน์ตากลมโตน่ารักชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกเสียดายที่จากไปตั้งแต่วัยสาว

            ระหว่างจุดธูปให้แขกร่วมงาน ขุนคีรีสัมผัสมวลอากาศหนาแน่นบริเวณข้างกรอบรูปหน้าโลง บรรยากาศคุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง ช่วงจังหวะว่างผู้คนจึงเงยหน้า สบกับดวงตาที่กำลังรอให้สายตาเขาขึ้นมาประสาน

            รอยยิ้มบาง ๆ แตะริมฝีปากชายหนุ่ม พร้อมขยับทักทายแทบไม่มีเสียง

            “แพร...เป็นอย่างไรบ้าง”

            ดวงวิญญาณเธอกำลังมองมาด้วยแววตาเศร้าสร้อย นี่เองคือเหตุผลที่ขุนคีรีปลอบพลเทพไม่ออกว่าหญิงสาวมีความสุขเป็นนางฟ้าบนสวรรค์แล้ว

            ...เพราะความเป็นจริง เธออยู่ใกล้แค่นี้เอง...











บทที่ ๑๕



            แววตาคู่นั้นว่างเปล่า แห้งผาก มือเปื้อนเลือดยกแตะริมฝีปากเบา ๆ จากนั้นเผยรอยยิ้ม...ยิ้มทั้งที่ไม่มีความรื่นรมย์สักนิด

            เลือดมาจากร่างถูกซ้อมยับเยิน ใบหน้าบวมปูดไม่เป็นสารรูป เสื้อผ้าแดงฉานด้วยเลือด ลมหายใจ...ขาดหายนานแล้ว

            ...หล่อนมาช่วยคนรักไม่ทัน...

            หญิงสาวทำได้เพียงคุกเข่าลงข้างกาย น้ำตาไม่มีสักหยด มือประคองใบหน้าเขา ปลายนิ้วเช็ดเลือดเบา ๆ เงยหน้ามองชายกลางคนที่ยืนตระหง่าน ริมฝีปากซับเลือดบนปลายนิ้วเสมือนผูกพันชีวิตและวิญญาณร่วมกัน

            รอยยิ้มผุดบนใบหน้าชาด้าน นัยน์ตาแห้งไร้ความรู้สึก เอ่ยวาจาช้า ๆ

            “พ่อ” ชายสั่งฆ่าคนรักหล่อนคือบิดาตนเอง “ต่อให้พ่อฆ่าเขาตาย ก็ไม่มีวันแยกเราออกจากกัน...ไม่มีวัน”

            น้ำเสียงราบเรียบน่าสะพรึงกลัว ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนดังคนไม่มีวิญญาณ ขาทั้งสองก้าวช้า ๆ เงาแห่งความหดหู่ทอดยาว

            ผู้เป็นพ่อมองตามหลังด้วยแววตาร้าวราน...นี่เขากระทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ?




--------------- ------------ --------------




            ขุนคีรีลุกจากเตียงเสยผมที่ชุ่มเหงื่อ เครื่องปรับอากาศทำงานเงียบเย็นไม่ช่วยให้ความร้อนคลายจากใจ เบาะเตียงนุ่มหนาน่าสบายกลับรู้สึกแปลกผิดที่จนนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ

            ช่วงเวลาครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น เขารับรู้เรื่องราวฉากหนึ่งในความทรงจำแพรตะวัน

            ...คาดไม่ถึงลุงพลจะสังหารคนรักลูกสาว...

            ใจลังเลสงสัย ปัญหาบางอย่างรบกวนไม่อาจข่มตานอนอีกครั้ง

            พลเทพเด็ดขาด โหด เอาจริง สั่งฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา แต่เขากล้าหักหาญ ทำลายคนรักแพรตะวันขนาดนั้นเชียวหรือ

            ฆ่าคนไม่ใช่บี้มด ตบยุง...สั่งฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก การรับผลจากคำสั่งตัวเองยากยิ่งกว่า

            ‘ลุงพล’ ไม่ยอมเสี่ยงให้ลูกสาวเกลียดตนเองไปตลอดชีวิตแน่

            ขุนคีรีออกจากห้องนอนรับแขก พบความเงียบงันในคฤหาสน์ใหญ่โต วังเวง หนาวเหน็บเกินกว่าทนอยู่แม้ชั่วครู่ชั่วยาม

            ลงบันไดมาชั้นล่าง เห็นแสงสว่างมาจากห้องครัวด้านหลัง เดินตามแสงนั้นพบ ‘เข้ม’ ยืนชงกาแฟเงียบ ๆ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นลำลองก็จริง กิริยาท่าทางยังดูพร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝันทุกขณะ

            “ดื่มกาแฟตอนนี้ ตั้งใจเฝ้ายามยันเช้าเลยหรือพี่เข้ม” ทักทายหยอกล้อพลางนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ

            “ดึกแล้ว ทำไมคุณขุนยังไม่นอน”

            “ผมน่าจะถามพี่มากกว่า เราอยู่กลางคฤหาสน์เจ้าพ่อดัง ปล่อยให้สมุนลุงพลเฝ้ายามแทนก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

            เข้มยิ้มไม่ตอบวาจา นำกาแฟมาวางบนโต๊ะแล้วถามง่าย ๆ

            “ดื่มนมอุ่น ๆ สักแก้วมั้ยคุณขุน จะได้หลับสบายขึ้น”

            “ผมไม่ใช่เด็กต้องดื่มนมก่อนนอนแล้วนะพี่เข้ม เปลี่ยนเป็นวิสกี้เพียว ๆ สักช็อตดีกว่า”

            หยอกล้อด้วยวาจาเคยปาก แล้วนึกได้ว่าหลังพบพญามัจจุราช ตนเองพยายามตั้งใจรักษาศีลจริงจัง

            ผู้สูงวัยกว่าแค่ยิ้มไม่บริการตามวาจา นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามจิบกาแฟแล้วรออีกฝ่ายเอ่ยปากก่อน

            “มากรุงเทพฯ ครั้งนี้ นอกจากงานศพแพร...พ่อมีธุระอื่นอีกหรือเปล่า” ถามลอย ๆ

            “พ่อเลี้ยงบอกว่าจะอยู่หลายวัน มีเรื่องต้องติดต่อ พูดคุยเยอะ แต่สบายใจได้...หนึ่งในนั้นไม่มีเรื่องพาตัวคุณขุนกลับบ้านแน่”

            ผู้ตอบรู้เจตนาในคำถาม

            ขุนคีรีหัวเราะเมื่อถูกดักคอ ฉุกใจถามต่อ

            “เรื่องที่ติดต่อเกี่ยวกับ ‘คนนั้น’ หรือเปล่า”

            “ใช่” เข้มไม่ปิดบัง “นายบัณฑิต ประธาน ‘เกรทนภากรุ๊ป’ รับปากจะเป็นคนกลาง หาโอกาสให้พ่อเลี้ยงได้พูดคุยกับท่านรัฐมนตรีฯ เกี่ยวกับการเปิดบ่อนเสรีในฝั่งไทย”

            ได้ฟังเช่นนั้นใจห่อเหี่ยวแทบพูดอะไรไม่ออก

            “ไหนคราวก่อนพี่เข้มบอกว่าความสัมพันธ์พวกเขามีปัญหา”

            “พี่บอกแค่...พันธมิตรทางธุรกิจสีเทาอยู่ได้ด้วยผลประโยชน์ต่างหาก...กรณีพ่อเลี้ยงกับท่านพลเทพอาจไม่ใช่แบบนั้น พวกท่านรักกันเหมือนพี่น้องจริง ๆ แต่กับ ‘คนอื่น’ เรื่องผลประโยชน์สำคัญกว่า”

            “อย่างนั้นพ่อให้ผลประโยชน์อะไรมหาเศรษฐีคนนั้นแลกกับการเปิดบ่อนฝั่งไทยได้ล่ะ”

            “พ่อเลี้ยงรับปากจะยกสัมปทานเหล้าในเขตของท่านให้ญาตินายบัณทิต”

            ยิ่งได้ยินใจยิ่งหดหู่กว่าเดิม ในสายตาผู้เห็นโลกหลังความตาย สมบัติกองล้นฟ้าบนโลกเป็นแค่ความฝันพริบตาเดียว หากต้องแลกด้วยบาปใหญ่ กรรมหนักในนรกหรือโลกเปรต นับว่าไม่คุ้มค่าเสียเลย

            ขุนคีรีคร้านสนใจ ขยับถามอีกเรื่องซึ่งใกล้ตัวกว่าเดิม

            “แพรเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวจริงหรือพี่”

            “ทางนี้เขาว่าอย่างนั้น”

            “เป็นไปได้ยังไง รู้จักกันมาหลายปีไม่เห็นมีอาการอะไร”

            “น่าจะเป็นกรรมพันธุ์เพราะแม่น้องแพรก็ป่วยด้วยโรคนี้ แต่ของแพรเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าเลย”

            “จริงเหรอ” ถามพลางจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อ

            เข้มถอนใจหนัก เหลือบมองรอบ ๆ ไม่เห็นลูกน้องพลเทพเดินยามบริเวณใกล้ ๆ ค่อยพูดออกมา

            “เท่าที่ได้ยิน คนรักน้องแพรเสียชีวิต เธอเศร้าเสียใจหนัก ปิดประตูขังตัวเองไม่กินอะไรเป็นวัน ๆ ไม่มีใครกล้ารบกวน สองสามวันเข้าท่านพลเทพทนไม่ไหวสั่งลูกน้องพังประตู พบลูกสาวเสียชีวิตแล้ว”

            “พี่เข้มรู้มั้ยแฟนแพรเป็นใครอยู่ที่ไหน ตายเพราะอะไร”

            “อยากรู้จริงหรือถามเฉย ๆ” คนเป็นพี่จ้องตาสงสัย

            “ผมอยากรู้จริง ๆ ถ้าเป็นไปได้พี่เข้มช่วยสืบมาให้ทีว่าเขามีญาติพี่น้องหรือเปล่า เผาศพที่ไหน”

            หากคำนวณตามเวลาที่เล่า ชายหนุ่มน่าจะเสียชีวิตก่อนแพรตะวันไม่กี่วัน

            “ได้สิ...ทำไมถึงอยากรู้ละเอียดขนาดนั้น”

            “แพรเป็นเพื่อนรักผม ถ้ามีโอกาสจะไปไหว้ศพแทนแพรมันด้วย”

            “ไม่ต้องหรอกมั้ง...ป่านนี้คู่รักคงได้อยู่ด้วยกันสมใจแล้ว”

            ขุนคีรีขบริมฝีปากไม่ให้หลุดวาจาปฏิเสธ...คู่รักทั้งสองไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในสัมปรายภพอย่างคนทั่วไปคิด

            เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง วิญญาณแพรตะวันคงไม่เสียเวลาปรากฏตัวมาขอร้องที่งานศพแน่ ๆ

            ขุน...ช่วยแพรด้วย...ช่วยตามหาทีว่าศพ ‘สัตยา’ อยู่ที่ไหน...ทำไมเราสองคนไม่ได้เจอกัน!’

            รักนี้ชั่วนิรันดร์เมื่อตายไปดวงวิญญาณจะได้อยู่ครองคู่...เป็นแค่จินตนาการเพ้อฝันของคนโลกสวย

            แพรตะวัน สัตยาตายลงด้วยจิตหม่นมัวแบบนั้น ไม่ลงนรกก็นับว่าบุญแล้ว ยังหวังว่าจะครองคู่มีความสุขณ สัมปรายภพอย่างไร




--------------- ------------ --------------




            ประตูห้องนอนแพรตะวัน ลูกสาวเจ้าพ่อถูกปิดล็อค ขุนคีรีแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสแผ่พลังยมทูตปลดล็อคเบา ๆ สามารถเปิดออกง่ายดาย

            ภายในห้องดับไฟมืด แสงไฟภายนอกส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาเลือนราง ชายหนุ่มไม่อยากเปิดไฟ หรือกระทั่งใช้ไฟฉายมือถือ ไม่อยากให้ยามภายนอกผิดสังเกต

            ต่อให้พลเทพไม่ตำหนิที่เขาเข้าห้องลูกสาวยามวิกาล อย่างน้อยต้องเสียเวลาแจกแจงเหตุผล ขุนคีรีขี้เกียจปั้นเรื่องโกหก อธิบายเอาตัวรอดให้ผิดศีลเปล่า ๆ

            “อยู่ตรงนี้” เสียงกระซิบดังกลางหัว

            ร่างโปร่งบางปรากฏที่มุมห้อง มือชี้ไปยังใต้ตู้วางของกระจุกกระจิกเห็นชัดเจนในแสงสลัว ชายหนุ่มเดินเข้าใกล้จนเห็นใบหน้าชัด เปิดรอยยิ้มน้อย ๆ พลางกล่าวหยอกล้อเช่นคนคุ้นเคย

            “หยิบมาให้ขุนเลยดีกว่ามั้ย”

            วิญญาณแพรตะวันทำหน้ามุ่ยบ่นขัดใจ

            “ถ้าทำเองได้แพรจะให้ช่วยทำไม...คุณยมทูต”

            กระแสคลื่นแห่งยมโลกที่แฝงในตัวชายหนุ่มปรากฏชัด ‘ผี’ มือใหม่อย่างแพรตะวันยังรู้สึกได้



            ตอนอยู่ในงานศพ วิญญาณแพรตะวันยังแสดงความสงสัย

            นี่ขุนจริง ๆ ใช่มั้ย ทำไมดูน่ากลัวไม่เหมือนเดิม

            บรรยากาศรอบตัวชายหนุ่มแผ่กระไอร้อน ดวงวิญญาณอยู่ใกล้จะครั้นคร้ามเกรงกลัว อาศัยว่าเธอรู้จักเขามาก่อนจึงกล้าเอ่ยปากติดต่อสื่อสาร

            ถ้าแพรสัมผัสกลิ่นอายยมทูตได้ก็ไม่แปลกหรอก แต่เรื่องมันยาว ขุนขี้เกียจเล่า...มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า

            ความที่รู้จักนิสัยกันดีจึงไม่เซ้าซี้ถาม มุ่งเข้าประเด็นต้องการความช่วยเหลือทันที

            ...ตามหาศพ ร่องรอยของสัตยา...



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP