ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

มีคาถาที่สวดแล้วรวยหรือไม่



ถาม – ความเชื่อที่ว่ามีคาถาที่ช่วยเรื่องการเงิน
ถ้าสวดแล้วจะทำให้ได้โชคได้ลาภ เป็นเรื่องจริงไหมครับ


คือเรื่องในโลกนี้นะ มันเป็นเรื่องของพลังล้วนๆ เลย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ภาวะทางกายนี้ก็ตาม
อย่างการแพทย์สมัยใหม่มันมีการแพทย์ทางเลือกแบบหนึ่ง
เขาเรียกเอนเนอร์จี เมดิซีน (
Energy Medicine)
บอกว่าศาสตร์การแพทย์แผนใหม่ที่มองแต่เรื่องรูปธรรม
มันมองถูกแค่ครึ่งเดียว ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งผิด เพราะไม่ได้มองเรื่องพลัง
อันนี้ก็โยงเข้ากับการแพทย์แผนจีน การแพทย์แผนไทย การแพทย์สูตรโบราณอะไร
ที่ตั้งต้นขึ้นมาเขาไม่ได้มองว่า ร่างกายเป็นวัตถุ เป็นแท่งๆ แบบนี้
แต่มองว่ามันประกอบขึ้นด้วยพลังแบบไหนรวมกันบ้าง
นี่เอาแค่ร่างกายอย่างเดียวนะ นี่พูดถึงร่างกายอย่างเดียว
เรื่องอื่นๆ ในชีวิตก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยแวดล้อม
คุณอาศัยอยู่ในที่แบบไหน กว้างหรือแคบ รกรุงรังหรือว่าสะอาด
คุณใส่เสื้อผ้าแบบไหน แบบที่มันเตะตาคน
หรือว่าทำให้คนมองคุณเป็นซำเหมาคนปอนๆ
หรือว่าวิธีการพูดจาของคุณเป็นอย่างไร
เบอร์โทรศัพท์ของคุณสวยไม่สวย ดูยิ่งใหญ่ ดูรวยหรือไม่รวย
ล้วนแล้วแต่เป็นรายละเอียด
เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ชีวิตของคุณกำลังเป็นอยู่อย่างนี้ทั้งสิ้น


มาเข้าคำถาม คาถานี่มีผลไหม
ถ้าสวดดีๆ คาถาทุกคาถาที่สรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ที่เป็นไปในทางยกย่องบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพลังทั้งนั้น

เป็นพลังที่จะอัญเชิญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
เข้ามาประกอบ มามีส่วนร่วมอยู่กับชีวิตของเรา
ถ้าหากว่าเราสวดแล้วชีวิตสว่างขึ้น แปลว่าอะไร
แปลว่าบทสวดนั้นสว่างขึ้น แล้วปรุงแต่งจิตใจของเราให้มีความสว่างตาม
ความสว่างของชีวิตมันคือพลังดึงดูดอะไรดีๆ เข้าหา
แล้วที่จะดึงดูดอะไรดีๆ เข้าหา บางทีมันมีการเล็งผลเลิศแบบจำเพาะเจาะจง


อย่างมีน้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าครูบาอาจารย์ที่ตนเองนับถือ
ที่ปัจจุบันเป็นเกจิตัวจริง คือเครื่องวัตถุมงคลของท่านบูชากันเป็นล้าน
ท่านพูดเองกับปากท่านนะว่าคนที่บูชาเครื่องของของท่าน
แล้วมาโพนทะนามาโฆษณากันมากมายว่า โอ้โห
! รวยขึ้นทันตาเห็น
เพราะว่าผู้บูชานั้นมีบุญในทางให้ทานในทางรักษาศีล เป็นต้นทุนอยู่ก่อนแล้ว
มันไม่ใช่ว่าเครื่องของของท่านไปเสกไปบันดาลให้ใครได้ดิบได้ดีขึ้นมาทุกคน
เอาเครื่องของบูชาของท่านไปคล้องคอร้อยคน มันไม่ใช่ได้ลาภทั้งร้อยคน
คนที่ได้ลาภมันคือคนที่มีต้นทุนอยู่ก่อนในเรื่องของทาน ในเรื่องของศีล


นี่ท่านพูดกับปากเอง นี่คือคำพูดจากเกจิในยุคปัจจุบัน เกจิร่วมสมัยเลย
ที่เครื่องของบูชาของท่านเป็นล้านนะ คนตบตีกันแทบตายแย่งกัน
แต่ท่านแจกฟรีนะ พูดถึงน่ะ เกจิที่เป็นเกจิจริงๆ มักจะแจกฟรี
แต่ที่ของมีราคาขึ้นมาเพราะว่าไปร่ำลือกัน ไปโพนทะนากัน
ว่าใช้อาทิตย์เดียว ชีวิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผิดหูผิดตา
เหมือนกันคาถา ผมเคยเห็นคนที่บอกว่ามาสวดอิติปิโส แล้วไม่ได้ตั้งใจขออะไรเลย
เพราะแต่ก่อนขอ เป็นคนขี้ขอ คือสวดมนต์หลายบทมากๆ แล้วขอทุกครั้ง
ขอให้ได้มีลาภ ขอให้รวย ขอให้โน่นขอให้นี่ แต่ไม่เคยได้
จนกระทั่งหมดศรัทธาแล้ว เกือบจะหมดใจอยู่แล้ว
ทีนี้พอมาได้รับคำแนะนำ ลองสวดอิติปิโส แบบไม่ขอดู
มันกลายเป็นว่าพอสวดถูกต้องแล้ว สวดด้วยการที่ถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา
สวดด้วยการคิดจะสดุดีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างเดียว
มันกลับกลายเป็นว่าอยู่ๆ ช่องทางมันมาจากไหนไม่รู้



อันนี้ขออนุญาตพูด คือไม่ได้เอ่ยนาม
อย่างตอนที่ทำเจ็ดวันมาสวดมนต์ด้วยกัน อธิษฐานด้วยกัน ขอเปลี่ยนชีวิตด้วยกัน
มีอยู่นะหลายคนเลย บอกยังไม่ทันครบเจ็ดวัน แค่สามวันเท่านั้นแหละ
ที่เคยเป็นทางตันมันเปิดออก ประตูมันเปิดออก
ที่เคยนึกว่ามันจะไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ มันได้ขึ้นมาเฉยๆ
คือบางทีคนเราไม่รู้เรื่องพลัง มันนึกถึงแต่อะไรที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม
อย่างเช่นว่าไปจองไว้เลย จ้องไว้ว่าคาถาบทไหนศักดิ์สิทธิ์ทำเงินได้
แล้วเล็งโลภนะไปสวดๆ สวดๆ ที่เขาร่ำลือกันว่าสวดแล้วรวย
สวดๆ สวดๆ สวดจนกระทั่งหมดศรัทธา
บอกว่าไม่นับถือแล้วศาสนาพุทธ สวดแล้วไม่เห็นจะรวยขึ้นเลย
นั่นเป็นเพราะไปเชื่อสืบๆ กันมา เชื่อด้วยความเข้าใจที่ผิด
แล้วก็เลยนึกว่าอะไรๆ นี่มันขึ้นอยู่กับตัวคาถาที่จะดลบันดาลอะไรให้เราได้



ทีนี้ถ้าเราเข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่จะปรุงแต่งชีวิตของเรา
หรือว่ายกระดับชีวิตของเราได้จริงๆ มันคือบุญของเราเอง
ไม่ว่าจะเป็นบุญเก่าหรือบุญใหม่ เสร็จแล้วทำบุญอย่างถูกต้อง
คือไม่ใช่ทำแบบสุดโต่งสองขั้วนะ ขั้วหนึ่งบอกว่าทำบุญแล้วจะได้ดี
คือทำบุญแบบนักลงทุน เก็งกำไรเลยว่าเดี๋ยวจะได้คืนแค่ไหน

กับอีกประเภทหนึ่งบอกทำบุญอย่าไปหวังผลอะไรทั้งสิ้น สักแต่ทำไปเฉยๆ
มันเลยลืมหวังแม้กระทั่งความสุข
บางคนมีจริงๆ นะ ผมเคยฟังมากับปากหลายคนเลย
บอกว่าความสุขก็ห้ามหวัง ไม่ให้หวังอะไรเลยทำบุญอย่างเดียว
นี่ก็คือความเข้าใจที่ผิดสุดขั้วไปอีกทางหนึ่ง
ทำบุญต้องหวังความสุข ความสบายใจที่มันเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้เลย
แล้วความสุขความสบายใจที่มันเกิดขึ้น ทุกครั้งที่ทำบุญ
ความสุขความสบายใจจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อเราไม่คิดเอาเข้าตัว เราคิดเอาให้คนอื่น
อย่างเช่นทำทาน หวังสงเคราะห์เขาจริงๆ ไม่ได้หวังว่าบุญจะมาให้อะไรกับเรา
แล้วก็หวังความสุขจากการได้สงเคราะห์สำเร็จ



หรืออย่างตอนสวดมนต์ อย่างตอนท่องคาถา
ถ้าเราสวดบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริงๆ
โดยความหวังว่าเราจะได้มีความสุขจากการสรรเสริญท่าน
เหมือนกับที่เวลาเราสรรเสริญคนดีๆ ที่เขาทำประโยชน์ให้สังคม
แล้วเราเกิดความรู้สึกดีจังเลยที่พูดถึงคนคนนี้ในแง่ดี
พูดชมเชยเขาให้คนอื่นฟังตามที่ใจเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
นี่แบบนี้ แบบเดียวกัน เวลาที่กล่าวสดุดีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ผ่านบทสวดอิติปิโส อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมา
แล้วใจเรานึกถึงคุณงามความดี คุณวิเศษของพระพุทธเจ้า
ว่าท่านตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง เก่งขนาดพ้นทุกข์ด้วยตัวเอง
แล้วก็เอาความเก่งนั้นมาสอนทั้งมนุษย์และเทวดาได้ทั่วทั้งจักรวาล
ด้วยใจที่มันระลึกอยู่อย่างนี้ มันก็เกิดความปีติ เกิดโสมนัสขึ้นมา
แล้วตอนที่ใจมีปีติ ตอนที่ใจมีโสมนัส
นั่นแหละคือการเปิดประตูรับเอาพลังพุทธคุณเข้ามาประดิษฐานอยู่ในชีวิตของเรา
ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งทำสม่ำเสมอเท่าไหร่
ความสว่างยิ่งเกิดขึ้น ในชีวิตของเรามากขึ้นเท่านั้น
ความสว่างเมื่อเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
ประตูทุกๆ บานที่มันพร้อมจะเปิดรับอะไรดีๆ เข้ามา
มันก็เปิดอ้าออกหมดในทุกๆ บาน ในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงิน
คาถาเงินล้านอาจจะมีพลังเหนี่ยวนำเกี่ยวกับกระแสการเงินจริง
แต่มันขึ้นอยู่กับคนสวดด้วยว่าถึงเวลาให้ผลบุญของคนคนนั้นไหม


ผมจะเปรียบเทียบเหมือนกับอย่างนี้ ชีวิตคนคนหนึ่ง มีต้นทุนเหมือนกับน้ำทะเล
น้ำทะเลนั้นจะขึ้นหรือลงตามธรรมชาติตามแรงดึงดูด
ตามแรงกระทำของดวงจันทร์ ตามแรงอะไรของโลกก็ตาม
นั่นเรียกว่ามีภาวะน้ำขึ้นน้ำลงที่เป็นไปตามปกติ
ซึ่งคนบางคนมันอาจจะน้ำลงนานมาก ไม่น้ำขึ้นสักที
ทีนี้ถ้าหากว่าน้ำนั้นมันมีอยู่ ถ้าเราทุ่มหินลงไป น้ำมันก็ต้องกระฉอกขึ้นมา
มันก็เป็นน้ำขึ้นมาระลอกหนึ่ง อย่างน้อยระลอกหนึ่งเล็กๆ
ให้เราพอได้ดื่มได้กินได้ชุ่มฉ่ำบ้างอย่างนี้
แต่ถ้าไม่มีต้นทุนอยู่ ไม่มีน้ำอยู่เลย จะทุ่มลงไปแค่ไหน จะหินกี่ก้อน
ต่อให้อุกกาบาตตกลงมา มันก็ไม่เกิดการกระเพื่อมของน้ำ



ทีนี้ก็ขอให้เข้าใจว่าทุกคนมีน้ำกันมาหมดแหละ จะมากหรือน้อยเท่านั้น
แล้วเหตุกระตุ้นให้น้ำมันขึ้น เราสามารถเร่งรัดได้จริง
แต่ต้องด้วยวิธีที่ถูกต้อง ด้วยวิธีที่มันตรงทาง
บางคนที่ใช้คาถาใช้ทางลัดใช้ไสยศาสตร์ได้
ก็เพราะเขาเคยทำบุญแบบที่เป็นทางลัดให้คนอื่นได้ดิบได้ดี ได้มีชีวิตที่เป็นสุขมากขึ้น
หรือว่าเคยเอาตัวเองเป็นทางลัดให้คนอื่นยกระดับชีวิตขึ้นมาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
พวกนี้ก็มีสิทธิ์ถูกหวยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง
ต้องเข้าใจอย่างนี้ด้วย ไม่มีอะไรใหญ่เหนือกรรม
ไม่มีคาถา ไม่มีเครื่องรางอะไรที่จะมาช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้น
โดยปราศจากเหตุปัจจัยในฝั่งของตัวของคุณเองเรื่องของบุญนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP