ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

จะทราบได้อย่างไรว่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ไปเกิดหรือยัง



ถาม – คุณพ่อของเพื่อนดิฉันเสียชีวิตไปนานพอสมควร
เพื่อนคิดว่าคุณพ่อน่าจะไปเกิดแล้ว แต่อีกใจก็รู้สึกว่าท่านยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เสมอ
อยากสอบถามว่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เราจะมีวิธีทราบได้อย่างไรว่าเขาไปเกิดหรือยังคะ



เรื่องภพชาตินี่นะ ถ้าแปลง่ายๆ เลยก็คือว่าภพชาติคือกำแพง
ที่เราอยู่ในโลกมนุษย์อยู่ มันอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์ไปดูห้องอื่น
ยกเว้นแต่ว่าจะสามารถสละความรู้สึกติดแบบโลกๆ ได้ ติดใจแบบโลกๆ
แล้วสามารถทำสมาธิ มีความผ่องแผ้วมากพอก็จะได้รับอนุญาตให้ก้าวไปดูห้องอื่นได้
แต่คนทั่วไปที่ยังคิดๆ นึกๆ ที่ยังคาดเดา ที่ยังสงสัยอยู่ว่าทำอย่างไรจะรู้
อย่างนี้ไม่มีสิทธิ์ไปห้องอื่น
พูดง่ายๆ ว่าทำอย่างไรคุณก็ไม่รู้จริงหรอกว่าห้องอื่นเป็นอย่างไร
อย่างบอกว่าคุณพ่อยังเวียนวนอยู่
มันอาจจะเป็นความรู้สึกไปเองก็ได้หรืออาจจะจริงก็ได้
คือผมไม่ได้ปฏิเสธนะ เรื่องการวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว
บางทีก็มีความรู้สึกขึ้นมาอย่างชัดเจน เข้มข้น
ว่ามีการมาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ อะไรแบบนี้ หันไปไม่เจอแต่รู้สึกว่าเนี่ยใช่ชัดๆ
บางทีเป็นเรื่องจริง แต่บางทีเป็นความนึกไป คือย้อนนึกไป คิดถึงคนคนนั้นมาก
จนกระทั่งเหตุการณ์ระหว่างมีชีวิตอยู่ด้วยกัน
มันย้อนกลับมาปรุงแต่งจิตอย่างเข้มข้นราวกับว่าชีวิตเขายังอยู่



อย่างที่มีคำพูดหนึ่งบอกว่าคนตายบางคนมีชีวิตเสียยิ่งกว่าตอนมีลมหายใจอีก
เพราะว่าอะไร เพราะว่ามันมาปรุงแต่งจิตของเรา ย้อนนึกถึงเรื่องที่ยังค้างคาใจกันอยู่
หรือว่าเรายังรู้สึกผิดอยู่แล้วไม่ทันได้ขอโทษอะไรแบบนี้
มันเข้มข้นเสียจนกระทั่งจิตของเราอุปาทานไป นึกว่าเขามาอยู่ใกล้ๆ
ที่แท้แล้ว ใจของเรานึกไปถึงเหตุการณ์ระหว่างมีชีวิต
แล้วมันคุ้นกับสัมผัสตอนอยู่ใกล้ๆ กัน
จนกระทั่งมันเอามาปรุงแต่งให้จิตรู้สึกราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่



สรุปง่ายๆ นะ ถ้าคุณไม่มีตาทิพย์ ถ้าคุณไม่มีฌาน
ถ้าคุณไม่มีความสามารถที่จะออกจากกรงขังคือห้องปัจจุบัน
โลกทั้งใบ ท้องฟ้าที่เราเห็นเป็นสีฟ้าอยู่
มันคือกล่องใบหนึ่งที่ขังเราอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์ไปกล่องใบอื่นหรือว่าห้องอื่น
ตราบเท่าที่คุณยังไม่มีอภิญญา
ต่อให้คุณไปถามผู้ที่ได้ชื่อว่ารู้เอาจากทางใน
ถามสิบคน คุณได้คำตอบไม่เหมือนกันนะ
แล้วคุณเองคุณจะไม่สบายใจว่าคำตอบของใครกันแน่ที่ถูกต้อง
คือผู้ที่รู้จริงเห็นจริง อย่างพระในพุทธศาสนานะครับ
ที่แบบว่าไปถามร้อยคนแล้วพูดตรงกันร้อยคน ที่ทำถึงตรงนั้นไม่ใช่หาได้ง่ายๆ



เมืองไทยนี่นะ ถ้าไปถามว่าใครรู้เรื่องโลกหลังความตาย
คุยกับผีได้นี่เยอะไปหมดนะ เยอะ ตอนนี้ยิ่งมีสื่อ ยิ่งมีอะไร
แต่คนที่สามารถรู้จริงเห็นจริง
แล้วเจรจากับโลกวิญญาณได้จริงๆ น้อยแบบนับตัวได้ นับคนได้
เอาเป็นว่าในประเทศไทย
สมมติมีคนอ้างว่ารู้เห็นโลกวิญญาณหลังความตายสักแสนคน
แสนคนนั้นน่ะที่บอกว่ารู้จริง รู้จริงๆ ไม่ใช่มโนไป
ผมว่ากรองลงมาแล้วเหลือไม่ถึงหมื่นคน
แล้วหมื่นคนนั้นน่ะที่สามารถคุยกับวิญญาณได้ กับผีได้
ผมว่ากรองมาแล้ว ไม่น่าถึงไม่พันหรือว่าอาจจะหลักร้อยต้นๆ
แล้วที่จะมีความสามารถไปเจรจา ไปสอนโลกวิญญาณได้ ชนิดที่ทำให้เขาเลื่อนชั้นได้จริงๆ
กรองลงไปอีกแล้วนี่ผมว่าไม่ถึงสิบคนนะ น้อยมาก



เพราะฉะนั้น เราๆ ท่านๆ ประเภทที่ยังสงสัยอยู่
ว่าไปเกิดแล้วหรือยัง ยังอยู่จริงๆ หรือเปล่า จะใช้วิธีไหนอะไร
มันไม่มีทางรู้หรอก ไม่ได้ข้อสรุปหรอก เพราะว่าธรรมชาติเขากันไว้ กั้นห้องไว้
ไม่ใช่ความผิดของเราที่ไม่รู้ แต่เป็นธรรมชาติที่เขาตั้งใจให้เราไม่รู้

เพราะถ้ารู้ขึ้นมานะ คนตายกับคนเป็นสามารถคุยกันได้นะ
จะไม่มีคนทำบาปเลยนะในโลกนี้ จะมีแต่คนทำบุญนะ
ซึ่งนั่นผิดธรรมชาติของสังสารวัฏอย่างยิ่ง

ธรรมชาติให้ความไม่รู้กับคนเรามา
ก็เพื่อที่ให้เสี่ยงผิดเสี่ยงถูกไปในการเวียนว่ายตายเกิด สังสารวัฏถึงไม่มีที่สิ้นสุด



คืออย่างบางคนหาทางลัดด้วยการเล่นผีถ้วยแก้ว
ชอบมีคำถามมาเรื่อยๆ ว่าผีถ้วยแก้วจริงหรือเปล่า
มันมีหนังอยู่เรื่องหนึ่ง เรื่องวีจี (
Ouija) ลองไปหาดูในเน็ตฟลิกซ์นะ (Netflix)
ผมว่าคือเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องแต่ง เป็นฟิกชั่น (fiction) เป็นเรื่องไม่จริงนะ
แต่มันมีพอยต์ (point) อยู่พอยต์หนึ่งที่เขาน่าจะได้รับการปรึกษานะ
มีคอนเซาท์ (consult) เป็นคนที่รู้เรื่องจิต เรื่องวิญญาณจริงๆ
มันมีพอยต์หนึ่งที่สตรอง (strong ) มากๆ
ก็คือว่าสิ่งที่เข้ามาอยู่ในถ้วยแก้วที่เคลื่อนไปตามกระดาน เป็นพลังงานจริงๆ
แต่อาจจะไม่ใช่คนที่เราเชิญมา ไม่ใช่อาจด้วย
เป็นไปได้สูง เป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่จะมาแบบผิดฝาผิดตัว



คือสมัยเด็ก ผมเคยเล่นนะแล้วรู้เลยว่านี่ไม่ใช่แน่ๆ
อย่างบอกว่าอัญเชิญเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมา ระดับนั้นน่ะไม่มาหรอก
แต่ว่าก็มีพลังงานเคลื่อนอยู่จริงในถ้วยแก้ว
แล้วแตะกันอยู่สองคนนี่รู้เลยว่ามันลากพาเราไปได้จริงๆ ไปสู่คำอะไรต่างๆ
คือที่เด็ดนะถามว่าตกลงท่านเป็นใคร ใช่คนที่เชิญมาหรือเปล่า
สะกดแบบชัดเจนเลยนะบอกว่าเจ้าบ้าน
อันนี้ก็จะบอกว่าคือที่อุตส่าห์เล่ามาเพื่อที่จะบอกว่าคุณไม่มีทางรู้หรอก
คุณไม่มีทางสื่อสารกับโลกหลังความตาย โลกของจิตวิญญาณได้แบบรู้ชัวร์ๆ นะครับ



เอาเป็นว่าทางที่ดี เราใช้วิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล
หรือว่าจะเป็นการเหมือนกับแผ่เมตตา ให้ความสุข
ให้สิ่งที่มันเป็นอยู่ในกุศลจิตแผ่ไปถึงเขา
แค่นี้ทำได้มากที่สุดแล้ว เท่าที่ควรจะทำ

แต่ประเภทคิดว่าทำอย่างไรจะมั่นใจ ทำอย่างไรจะสื่อสาร
จะคุยกับคนที่ตายไปแล้ว อย่าคิด
ยกเว้นคุณสามารถฝึกสมาธิได้ระดับฌาน เป็นฌานแบบพุทธ
ที่จิตมีความผ่องใส จิตมีความตรง จิตมีความรู้ชัด แล้วก็สามารถที่จะได้ตาทิพย์
เห็นว่าตัวตนของวิญญาณหลังความตาย หน้าตาเป็นอย่างไร รูปร่างเป็นอย่างไร
แล้วก็บอกอะไรได้ถูก สื่อสารอะไรได้จริง ตรงตามที่เราสามารถรู้ได้ว่าไม่มีคนอื่นรู้
อย่างนั้นถึงจะโอเคได้ นอกนั้นอย่าไปถามใคร ไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ
อันนี้พูดจากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายสิบปีนะ
มันไม่ใช่เรื่องที่จะได้คำตอบจากใครง่ายๆ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP