สารส่องใจ Enlightenment

แก้วอัศจรรย์สามดวง (ตอนที่ ๓)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์อบรมฆราวาส
วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่
๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๖



แก้วอัศจรรย์สามดวง (ตอนที่ ๑) (คลิก)
แก้วอัศจรรย์สามดวง (ตอนที่ ๒) (คลิก)



คำว่ามัชฌิมาคืออะไร มัชฌิมามีสองประเภท
มัชฌิมาในการฆ่ากิเลสประเภทหนึ่ง
เอ๊า กิเลสประเภทนี้หนักและรุนแรง ผาดโผนมาก
เช่นเดียวกับข้าศึกที่มีกำลังพล กำลังศัสตราอาวุธมาก
ศัสตราวุธเขาก็เพียงพอในการรบการต่อสู้
มีแต่อาวุธชนิดเลวร้าย มีแต่อาวุธที่เป็นพิษเป็นภัยมากทั้งสิ้น
ส่วนกองทัพฝ่ายเราทำยังไงจะมีกำลังอย่างน้อยทัดเทียมกันและยิ่งกว่า
เมื่อข้าศึกมีกำลังมาก เราผู้จะปราบข้าศึกให้อยู่ในเงื้อมมือ
จะมีกำลังน้อยกว่าข้าศึกไม่ได้ ต้องให้มีกำลังมากกว่า
เอ๊า กิเลสมันมีกำลังมาก กองทัพธรรมต้องมีกำลังมากและผาดโผนรุนแรง
ฟัดกันลงไปให้แหลก ไม่ยังงั้นแพ้มันโดยไม่ต้องสงสัย



นี่แหละมัชฌิมาปฏิปทา แปลว่าการดำเนินด้วยความเหมาะสม
กิเลสโผนมา ธรรมะโผนไป กิเลสโหดร้าย ธรรมะโหดดี ต่อสู้กัน
กิเลสสกปรก ธรรมะสะอาด ชะล้างกันลงไป
กิเลสมีจำนวนมากขนาดไหน ธรรมะต้องมีน้ำหนักมาก อย่างน้อยพอๆ กัน
พอทรงตัวไว้ได้ และมีกำลังมากกว่านั้นเอาให้กิเลสแหลก
คือกำลังของธรรมต้องมาก นี่แลเรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา
การปฏิบัติดำเนินด้วยความเหมาะสมในธรรมทุกขั้น
ไม่อวดยิ่งไม่อวดเก่งกว่าครู
และไม่หย่อนกว่าครูชนิดไม่มองดูหลักธรรมวินัยคือองค์แทนศาสดา



คำว่ามัชฌิมาปฏิปทา เดินทางสายกลาง ไม่ยิ่งนักไม่หย่อนนักนั้นมันหมายความว่ายังไง
ที่ว่าไม่ยิ่งนักไม่หย่อนนัก เดินทางสายกลางนั่นน่ะ
เรามันเรียนน้อยปฏิบัติน้อย
ไม่ทราบความหมายคำว่าเดินทางสายกลาง ไม่ยิ่งนักไม่หย่อนนักนั้น
ส่วนมากเห็นแต่กลางเสื่อกลางหมอนนั่นแหละ นอนกันครอกๆ
จะภาวนาเพียงห้านาทีนี้ โอ๊ย มันจะเคร่งเกินไป
เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะทำงานนั้นงานนี้ นี่มันจะเคร่งเกินไป
ก็ทำไมจะไม่เคร่งล่ะ เพราะศีรษะพลาดเสื่อพลาดหมอนไปนั่น
ถ้าอยากให้เป็นมัชฌิมาก็รีบปรับตัวปรับศีรษะให้ลงตรงกลางเสื่อกับหมอนนั่นซิ
เสื่อหมอนนั่นไม่เคร่ง พอดี เสียงดังครอกๆ
นั่นพิจารณาดูซิ จะว่าหลวงตาบัวดุน่ะ เอาความจริงมาพูดให้ท่านทั้งหลายฟัง
เพราะส่วนมาก มักดำเนินกันด้วยมัชฌิมาแบบนี้
นี่มันแบบมัชฌิมาของกิเลสตัวขี้เกียจ ตัวนอนตื่นสาย ตัวไม่เอาไหนต่างหาก
มิใช่มัชฌิมาฆ่ากิเลสที่ปราชญ์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นพาดำเนินมา



มัชฌิมาของกิเลสมันก็มีของมัน มัชฌิมาของธรรมก็มี
ส่วนมากเราลงแต่มัชฌิมาของกิเลส คือ กลางเสื่อกลางหมอนหลับครอกๆ นั่นแล
ส่วนมัชฌิมาของธรรมไม่ได้เรื่อง
พอจะก้าวความเพียรบ้างสักนิด เอ๊ะ นี่เดี๋ยวมันเคร่งเกินไปนะๆ
แล้วอันไหนจะพอดี ก็มีแต่เสื่อกับหมอน
แน่ะ จะเดินจงกรมภาวนาหย็อกๆ ห้านาทีมองดูนาฬิกาแล้ว
มันจะเกินประมาณแล้วนี่ นี่นาฬิกาได้เท่านั้นแล้วนี่
มันเกินประมาณแล้วนะ มันจะเคร่งมากไปนะ เดี๋ยวผิดหลักมัชฌิมาปฏิปทาไปนะ
บทกิเลสเหยียบหัวกี่นาทีกี่ชั่วโมง กี่กัปกี่กัลป์ไม่เห็นนับนาทีโมงเดือนปีกันเลย
พอจะก้าวออกจากที่คุมขัง คือจากกิเลสเท่านั้น มันเลยเวลานะๆ
เห็นไหมกิเลสมันหลอกคนรู้ไหม รู้แล้วยัง
เหล่านี้ล้วนแต่กลมายาหลวกลวงของกิเลสทั้งสิ้น
เวลาเราปฏิบัติตามกิเลสดังที่ว่ามานี้ กิเลสมันเคยบอกไหมว่าจะเคร่งเกินไป
นอนจมหมอนนั่น ตื่นเสียบ้าง เดี๋ยวศีรษะเน่าจะว่ากิเลสไม่บอก
อย่างนี้มีไหม เปล่า ไม่มีเลย



ถ้าอยากจะรู้กลมายาของกิเลส เอ๊า ภาคปฏิบัติฟาดลงไป กิเลสจะออกตรงไหนรู้หมด
ขอให้ได้ฟาดกิเลสแตกกระจายลงจากหัวใจไม่มีอะไรเหลือแล้วเถิด
กิเลสจะอยู่ในหัวใจใดทำไมจะไม่รู้
มันเคยอยู่หัวใจเรามาแล้ว ปราบมันจนแหลกหมดไปแล้ว
มันไปแสดงท่าทางอวดลวดลายอยู่ที่ไหน เพ่นพ่านอยู่ที่ไหนรู้หมด
มันเพ่นพ่านอวดอำนาจบนหัวใจนี้ไม่ได้ ถูกทำลายแตกไปหมดแล้ว พังทลายลงไปแล้ว
มันไปแสดงลวดลายร่ายมนต์กลหลอกโลกอยู่ที่ไหนรู้หมด
จึงเรียกว่า โลกวิทู ซิ รู้แจ้งโลกรู้ไปหมดนั่นแหละ
นี่ก็เรียกว่ามัชฌิมาประเภทหนึ่ง
มัชฌิมาปฏิปทาการปฏิบัติดำเนินด้วยความเหมาะสม
กับการทำลายกิเลสทุกประเภทให้บรรลัยไปจากใจหนึ่ง
มัชฌิมาในหลักธรรมชาติของธรรมและใจที่บริสุทธิ์หนึ่ง
จะเรียกว่า มัชฌิมาฝ่ายเหตุ มัชฌิมาฝ่ายผลก็ได้
ไม่มีอะไรขัดแย้งเมื่อกิเลสตัวขัดแย้งสิ้นซากไปจากใจแล้ว



เอ๊า กิเลสหย่อนกำลังลงไป อ่อนกำลังลงไป มัชฌิมาก็ละเอียดเหมาะกันๆ
กิเลสละเอียด มัชฌิมาก็ละเอียด คือสติปัญญาละเอียดลงไปๆ
กิเลสละเอียดสุด สติปัญญาก็ละเอียดสุด เป็นมหาสติ-มหาปัญญา
ทำการพินิจพิจารณาอยู่ตลอดอิริยาบถเว้นแต่ขณะหลับเท่านั้น
ราวกับน้ำซับน้ำซึมที่ไหลรินอยู่ทั้งหน้าแล้งหน้าฝนไม่มีหยุด
พิจารณาทำลายจนกระทั่งกิเลสแหลกไปแล้ว
มัชฌิมาก็หยุดทำงานโดยไม่ต้องบังคับ
นี่แลมัชฌิมาแปลว่าความเหมาะสม กิเลสหนักมา มัชฌิมาหนักไป
กิเลสขนาดไหน มัชฌิมาขนาดนั้น ต่อสู้ขนาดนั้น
จนกิเลสสิ้นซากไปหมดแล้วมัชฌิมาก็หมดหน้าที่
และหยุดไปเองโดยอัตโนมัติ จะรบอะไรก็ชนะหมดแล้วนี่
นั่นแลคำว่ามัชฌิมา เหมาะสมกับการทำลายกิเลสทุกประเภทดังกล่าวมา



ถ้าอยากจะทราบก็ออกแนวรบซิ
เรียนแต่ภาควิชารบเฉยๆ ไม่ได้ออกแนวรบก็ไม่รู้จักวิธีรบ ก็ยังไม่สมบูรณ์
เอ้า คนนี้ก็เรียนวิชาแนวรบ คนนั้นก็เรียนวิชาแนวรบ
แต่ไม่ได้ออกสนามก็ไม่รู้แง่หนักเบาของการรบ เมื่อออกสนามแล้วรู้ทั้งนั้นแหละ
นักปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เหมือนกับเข้าสู่แนวรบ
เรียนเฉยๆ เรียนไปตามตำรับตำรา เรียนกระทั่งพุงแตกก็แตกตายทิ้งเปล่าๆ
นั่นแหละ พุงก็พุงเรานั่นแหละแตก น้ำลายก็หมด เอามาอวดกันคุยกันสนุกกัน
มีแต่เรื่องกิเลสตัณหาทิฐิมานะสำคัญว่าตัวฉลาด
แต่กิเลสไม่ได้ถลอกแม้นิดหนึ่งเลย นั่นมันเกิดประโยชน์อะไร
ถ้าอยากให้กิเลสถลอกก็เข้าสู่สงคราม คือภาคปฏิบัติจิตตภาวนาฟัดกันลงไปซิ



กิเลสมีมากน้อยเท่าไร มันมีลูกมีหลานมีเหล่ามีกอ
มีปู่ย่าตายายเหมือนกันกับเรานั่นแหละ
ฟัดกันเข้าไปด้วยความพากเพียรมีสติ ปัญญา ศรัทธา อุตสาหะ
เป็นธรรมคู่พึ่งเป็นพึ่งตายไม่ลดละท้อถอย
จนกิเลสแหลกไปหมดไม่มีอะไรเหลือเป็นเชื้อแล้ว
นั้นแลท่านว่าธรรมอันวิเศษอยู่ที่หัวใจผู้นั้น
และนี่คือมัชฌิมาในแนวรบของผู้เรียนจบพรหมจรรย์ด้วยภาคปฏิบัติ
กรุณาจดจำและนำไปปฏิบัติ ถ้าอยากทราบความจริงซึ่งมีอยู่กับตัวกับใจของเราทุกคน
จะรู้จะเห็นที่กายที่ใจเราเองหนีไม่พ้น
เมื่อถึงขั้นนี้ กิเลสตายไปหมดไม่มีอะไรเหลือแล้ว
มัชฌิมาในหลักธรรมชาติได้แก่ความบริสุทธิ์สุดส่วนก็ปรากฏเองโดยไม่ต้องหา
นี่แหละมัชฌิมาเหมาะสมอยู่ตลอดเวลาอกาลิโก ทั้งฝ่ายเหตุฝ่ายผลสมดุลกัน



เบื้องต้นได้พูดถึงเรื่องพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ว่าพระพุทธเจ้าเกิดยากแสนยาก คนเกิดกี่ร้อยชาติก็ไม่ได้พบท่าน
นี่เรายังมาพบนับว่าบุญของเรามาก
พระธรรม พระสงฆ์ก็เหมือนกัน ท่านเหล่านี้เป็นท่านที่เกิดได้ยากทั้งนั้น
แต่เราได้มาพบสิ่งที่หาได้ยากจึงเป็นบุญของเราโดยแท้
เพราะฉะนั้น จึงขอให้พากันระลึกถึงท่านให้ถึงใจนะ
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกฝากเป็นฝากตาย
ให้ฝากจริงๆ ในจิตใจ อย่าสักแต่ว่าพูดแต่ปากแต่คำเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์
นกขุนทองก็พูดได้ถ้าไม่ถึงใจ



เทศน์ยังไม่ถึงไหนเลยเริ่มเหนื่อยภายในหัวใจแล้ว
ใส่โก้กๆ เหมือนเสือถูกปืนนะ ใส่จะเป็นไร ก็เราไม่ได้โกรธ
เราว่าเฉยๆ เราไม่ได้โกรธให้ใครนี่ คนไม่ได้โกรธว่านี่มันสนุกว่านะ
แต่คนโกรธนั้นว่าแบบตาดำตาแดง
ว่าแล้วก็ติดความโกรธเจ้าของๆ ตาดำตาแดง
เจ้าของก็ฆ่าเจ้าของ ถ้าอย่างนั้นไปไม่รอดแหละ
ผู้ไม่โกรธพูดไปเท่าไรก็ได้ถ้าไม่เหนื่อยนะ
เอาตรงนั้นซิ เพราะความเหนื่อยทางธาตุขันธ์มีได้ด้วยกันทั้งคนโกรธและคนไม่โกรธ



อีกประการหนึ่งที่ได้เคยพูดกันอยู่เสมอเรื่องถ่ายรูป ยังไงก็มันไม่ใช่ควาย
คนทั้งคนยิ่งเป็นพระทั้งองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งองค์
ควรจะปรึกษาปรารภกันให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน
เมื่อเหตุผลลงกันแล้วถ่ายเท่าไรก็ได้เราไม่ว่าเราไม่หวง
ถ้าขัดแย้งต่ออรรถต่อธรรมต่อเหตุต่อผล ไม่ใช่ทางของชาวพุทธเรา
อย่าได้พากันฝืน อย่าได้พากันทำ
นี่เราเคยพูดหลายหนแล้ว พูดกันถึงเรื่องถ่ายรูป
แสดงเหตุผลให้ทราบและเป็นที่ยอมรับแล้ว อยู่ๆ ก็ถ่ายพึ่บออกมาเลย
มันยังไงถึงเป็นยังงั้น ชาวพุทธอะไรถึงหน้าด้านขนาดนั้นมีหรือ พิจารณาดูซิ
นี่ที่เราเข็ด เพราะศาสดาไม่ใช่ศาสดาองค์หน้าด้าน
เราก็ไม่อยากจะคุยนะ เราก็ไม่ใช่พระหน้าด้านอย่างนั้น
พอจะหาคนหน้าด้านมาถ่ายรูปเรา
นี่แหละเรื่องมันหน้าด้านอย่างนี้ ไม่เอา สกปรก
ใช้ไม่ได้ในวงชาวพุทธเรา ให้พากันฟังเหตุฟังผล



เราอยู่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ เราตะเกียกตะกายทุกวันนี้เพื่อหัวใจโลกนั้นแหละ
เราหวังที่สุดเรื่องหัวใจ เราไม่ได้หวังวัตถุเงินทองข้าวของเหล่านี้
เพราะไม่ใช่ศาสนเงิน นี่ศาสนธรรมต่างหาก หรือศาสนธรรมแท้ๆ ไม่ใช่ศาสนเงิน
ไม่เห็นแก่ความโลภ ไม่เห็นแก่สิ่งนั้นสิ่งนี้ยิ่งกว่าหัวใจคน
ลำบากลำบนขนาดไหนเราก็ไปถ้าเป็นเรื่องหัวใจคนแล้ว
ถ้าเป็นเรื่องจะเอาอะไรมาหลอกเราอย่ามาหลอก
เช่นขอนิมนต์หลวงตาบัวไปเทศน์ที่นั่นจะให้เงินหนึ่งล้านบาท
หลวงตาบัวจะตอบว่าไม่ไป ขี้เกียจ
…..ทันทีเลย


ก็เราไม่ได้บวชมาหาเงินล้านนี่วะ เราบวชมาหาธรรมหาหัวใจเรา หาหัวใจโลกต่างหาก
ไม่ได้บวชมาหาเงินหาทองกองทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนปัจจัยเครื่องอาศัยของสมณะนั้น ในวงนักบวชยอมรับกันทั่วสังฆมณฑล
เราไม่ปฏิเสธ เรายินดีเสมอการแนะนำสั่งสอนคนด้วยอรรถด้วยธรรม
ไม่ว่าคนมีคนจน คนโง่คนฉลาด ถ้ามาด้วยอรรถด้วยธรรมแล้วมาเถอะๆ ว่างี้เลยเราน่ะ
ถ้ามาแบบอวดก้าม อย่ามาๆ วัดนี้ไม่ใช่วัดก้าม วัดนี้ไม่มีก้าม เราบอกอย่างนี้เลย
และไม่ยินดีต้อนรับสนทนาให้เสียเวลาและเหนื่อยเปล่าด้วย



(โปรดติดตามเนื้อหาต่อในฉบับหน้า)


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


จาก พระธรรมเทศนา “แก้วอัศจรรย์สามดวง” ใน ศาสนธรรมปลุกคนให้ตื่น
โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP