ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

จะชักชวนให้ชาวต่างชาติที่ไม่มีศาสนา มาเลื่อมใสพระพุทธศาสนาได้อย่างไร



ถาม – เราจะเริ่มต้นชักชวนให้ชาวต่างชาติที่ไม่มีศาสนา
หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้อย่างไรคะ


อย่างถ้าเราจะพูดเรื่องศาสนา ก่อนอื่นเราต้องมองอย่างนี้นะ
มองด้วยความเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เกินชีวิตของคนคนหนึ่ง
ทุกคนที่นับถือศาสนา หมายความว่าเขาต้องนับถืออะไรอย่างหนึ่งที่มันเกินตัวเขา
ไม่อย่างนั้นคนเรามันไม่นับถือ มันไม่ให้ใจ มันไม่เทใจให้
ถ้าหากว่ามันเท่าๆ ตัวเราหรือเล็กกว่าตัวเรา
อย่างบางทีเจอคนที่เป็นเพื่อนหรืออะไรบอกว่าไม่นับถือพระ
เพราะเจอพระมาแต่ละรูป รู้สึกว่าด้อยกว่าตัวเอง
อันนี้เราพูดกันเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ นะ
คือเป็นคนเหมือนกัน แค่นุ่งห่มจีวร เขาไม่นับถือหรอก
เด็กรุ่นใหม่ก็จะคิดอย่างนี้ แล้วก็มันก็มีข้อเท็จจริงว่าวาสนาของเขา
อาจจะขอบเขตวาสนาของเขายังไปไม่ถึงพระที่เหนือกว่าเขา



ทีนี้คนต่างชาติก็เหมือนกัน
คือเวลาเราคิดเราคิดถึงคนรอบตัวเราที่บอกดูถูกพระดูถูกเจ้า แล้วก็ไม่นับถือศาสนา
ก็คือว่าไม่เห็นพอยท์ (
point) ไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ดีไปกว่าตัวเขา หรือว่ายิ่งใหญ่ไปกว่าชีวิตเขา
อย่างชาวต่างชาติที่ประกาศตนว่าไม่มีศาสนา
ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่ามันมีหมดแล้ว เงินเขาก็มี วิธีหาเลี้ยงชีพเขาก็ได้
มันก็เอาตัวรอดได้ ไม่เห็นต้องไปอาศัยความช่วยเหลือจากใคร
จนกระทั่งสักวันหนึ่งเขาเกิดความรู้สึกตกทุกข์ได้ยากทางจิตวิญญาณ
แล้วก็ไม่สามารถที่จะมีใครไปช่วยเขาได้
เขาก็อาจจะบอกมีทางเลือก ก็ไปหาจิตแพทย์ ไปเอายาจากหมอ
หรือว่าไปหานักจิตวิทยาที่ทำหน้าที่ที่จะไขก๊อก คลายปมปัญหาให้เขาโดยตรง
แล้วก็จ่ายเงินให้ก็จบ ไม่ต้องนับถือกัน คือถือว่าคุณมีหน้าที่ ฉันก็จ่ายเงินให้คุณแล้ว
นั่นคือวิถีของคนไม่มีศาสนานะครับ


ทีนี้จะมีอีกประเภทหนึ่งที่หานักจิตวิทยาก็แล้ว ไปพบจิตแพทย์ก็แล้ว
มันก็ไม่ได้รับคำตอบของชีวิต ความทุกข์มันไม่ถูกไขก๊อก
หรือว่าข้อข้องใจทั้งหลายที่เกี่ยวกับโจทย์ชีวิต มันไม่ได้รับการคลี่คลาย
เพราะบางคนรวยมาก ต่างประเทศนี่ตอนนี้เยอะนะที่ทำเงินกันแบบอายุน้อย
รวยกันเป็นร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้านกันเป็นว่าเล่น
มันไปถึงจุดหนึ่งบอกว่า เออ เงินก็มีแล้ว ทรัพย์สมบัติ บ้านช่อง รถรา
อะไรต่างๆ มีเยอะแยะเลย ข้าทาสบริวาร ลูกเมีย มีครบหมดทุกอย่าง
ยกเว้นอย่างเดียวคือความรู้สึกพอใจที่จะมีชีวิต
เออ ทำไมมันไม่พอใจ แล้วชีวิตมันถึงได้แห้งแล้งขนาดนั้น


อย่างบางคนนะที่เพิ่งฆ่าตัวตายไป รวยมาด้วยตัวเองนะ
แล้วก็สอนคนอื่นให้เข้าใจชีวิตอะไรมากมาย
แต่สุดท้ายมาตายเพราะว่ายาเกินขนาดอะไรแบบนี้
แล้วก็มีปัญหาหนักเกี่ยวกับเรื่องของการไม่ได้เจอหน้าใคร ช่วงโควิดอะไรอย่างนี้
คือก็สันนิษฐานกันไปว่าเขามีปัญหาอะไร แต่เอาเป็นว่าเขามีปัญหาทางใจอยู่แน่ๆ
แล้วก็มีความหิว แล้วก็ต้องไปพึ่งยาอะไรต่างๆ
ตรงจุดที่เป็นความจริงของคนทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะชาวต่างชาติ
ก็คือว่าคนเราถ้าหากไปถึงจุดหนึ่งที่มันรู้สึกจำนน
ตรงนั้นเป็นจังหวะเหมาะที่เราจะเอาเรื่องศาสนาไปให้เขา



แต่ถ้าอยู่ๆ เขามีความอิ่ม มีความเต็ม มีความรู้สึกว่าฉันมีทุกอย่าง
เราจะคิดเอาอะไรที่บอกว่าใหญ่กว่าชีวิตเขาไปให้เขา
มันยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนในยุคนี้สมัยนี้
เพราะฉะนั้นบางทีเราต้องรอจังหวะนิดหนึ่ง
รอคำถามจากหัวใจของเขาว่าชีวิตมันคืออะไร
และยิ่งไปกว่าชีวิตคืออะไร ที่จะมีความสุขในชีวิตคืออะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเอาเล็งตรงเป้าของพุทธศาสนานะ
ว่าทำอย่างไรทุกข์ที่มันท่วมท้นหัวใจ ท่วมทับชีวิตเขาทั้งชีวิต
มันถึงจะหายไป เหมือนยกภูเขาออกจากอกได้
อันนี้แหละถึงเป็นจังหวะเหมาะ



นอกนั้น อยู่ๆ เราไปคุยให้เขาฟัง มันอาจมีแต่หนึ่งในหมื่น หนึ่งในแสน
คือเราไปคุยให้เขาฟังเกี่ยวกับศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าสอนอะไร
แล้วเขาเกิดคลิกขึ้นมา นั่นคือเขามีทุนเก่า
เราต้องเข้าใจนะ เวลาที่เราจะช่วยเผยแผ่พุทธศาสนา
พุทธศาสนาไม่ใช่อะไรที่มาเล่าให้ฟังง่ายๆ ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นะครับ
พุทธของเราพูดเรื่องยากๆ ที่มันเกินจินตนาการ
เกินความรู้ ความเข้าใจด้วยหูตาแบบนี้หมดเลยนะ
ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของวิบากแห่งกรรม หรือว่าเรื่องของนิพพาน
เรื่องยากทั้งนั้นเลยนะ เรื่องลึกลับ พ้นหูพ้นตาทั้งนั้นเลย



เพราะฉะนั้นถ้าเราจะคาดหวัง คาดหวังได้สองอย่าง
คือ สรุปนะว่าคนที่มีความทุกข์ท่วมทับหัวใจจริงๆ อยากจะหาทางออกจากทุกข์จริงๆ
แล้วก็ไม่พอใจในชีวิตน่ะ พูดง่ายๆ

แล้วก็กำลังอยากแสวงหาสิ่งที่ใหญ่กว่าชีวิตตัวเอง
แล้วก็สองคือว่าถ้าเราคุยๆ ไป เปรยๆ ไป โปรยๆ ไป
โปรยยา โปรยกลิ่นหอมของพุทธศาสนา
แล้วเขาได้กลิ่น มีทุนพอที่จะได้กลิ่นหอมนั้น
แล้วก็มีความรู้สึกอยากตามมา อยากตามกลิ่นนั้นมา
ด้วยความที่มีทุนเก่าของเขาช่วยนำร่องให้ อันนั้นเราถึงคาดหวังได้
แล้วพวกนี้ พูดกันไม่กี่คำคลิกเลยนะ แล้วเขาจะมีความสนใจยิ่งยวดขึ้นมาเองเลย
โดยที่ตัวเขาเองก็อาจอธิบายตัวเองไม่ได้
รู้แต่ว่าพอได้ยินคอนเซ็ปต์ (concept) เกี่ยวกับพุทธศาสนา
แล้วเกิดความสนใจอย่างยิ่งยวดขึ้นมาโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้


คุณหวังได้แค่คนสองประเภทนี้
นอกนั้นไปบอกเถอะ เหนื่อยให้ตายอย่างไร พูดให้ตายอย่างไร
ตอนนี้คนมันรู้ แล้วเขาจะคิดว่าเขาน่ะรู้ยิ่งกว่าเรา
มีเรื่องของวิทยาศาสตร์ มีเรื่องของความรู้สมัยใหม่ เทคโนโลยีอะไรต่างๆ
บอกว่าเขาไปกันถึงดาวอังคาร กำลังจะย้ายไปดาวอังคาร
แล้วพวกเรายังมาย่ำเตาะแตะๆ กันอยู่กับโลกยุคโบราณ ศาสนา
คือเขาไม่สนใจจริงๆ แล้วไม่ต้องไปหาทางนะ ไม่ต้องไปหาทางตะล่อมหรอก
พวกนี้ไม่มีประโยชน์นะครับ มันไม่มีจริงๆ นะ
คือผมเคยพยายามแล้วนะ แล้วก็มันเห็นจริงๆ สามสิบกว่าปีที่ทำมา
ก็คือว่าถ้าใครจะมา เขาพร้อมจะมาโดยไม่ต้องออกแรงมาก
ที่ออกแรงเยอะๆ ส่วนใหญ่ตั้งความคาดหมายได้นะว่าเสียแรงเปล่า เหนื่อยฟรีนะ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP