จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

ระวังมิจฉาชีพ


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



319 destination



วิกฤติสถานการณ์ Covid-19 นี้ทำให้ประชาชนต้องเป็นหนี้สินกันจำนวนมาก
โดยในไตรมาสที่ ๑/๒๕๖๔ ที่ผ่านมา อัตราหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยได้เพิ่มสูง
ถึงเกินกว่าร้อยละ ๙๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
หรือที่มักจะเรียกกันว่าจีดีพี (GDP หรือ Gross Domestic Product) แล้ว
ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ ๑๘ ปีที่ผ่านมา
https://www.bangkokbiznews.com/news/946680
โดยตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่กล่าวนั้น เป็นตัวเลขของไตรมาสที่ ๑/๒๕๖๔
หมายความว่าตัวเลขของไตรมาสที่ ๓/๒๕๖๔
ซึ่งประเทศไทยได้ผ่านการล็อคดาวน์มานั้น ตัวเลขน่าจะสูงกว่านี้อีก


ในช่วงวิกฤติทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ก็ย่อมจะมีเหล่าบรรดามิจฉาชีพจำนวนมาก
ที่ต้องการหลอกลวงเงินจากประชาชน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เราก็คงจะเห็นบางข่าว
เช่น ข่าวเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งโดนโกงเงินไป ๕ หมื่นบาทจากการเล่นแชร์ออนไลน์
แล้วจึงพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการไปบุกปล้นร้านทอง
https://www.thairath.co.th/news/crime/2191876
หรือข่าวเด็กมัธยมต้นคนหนึ่งโดนโกงเงินค่าซื้อโทรศัพท์มือถือ
และทำให้เด็กเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิต
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000095039
ซึ่งจากทั้ง ๒ ข่าวข้างต้นนั้น ขอให้เราสังเกตว่า ๒ รูปแบบใหญ่ ๆ
ที่มิจฉาชีพจะใช้หลอกลวงในโซเชียลมีเดีย คือ
๑. การชักชวนให้ลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะให้ผลตอบแทนสูง
เช่น การชวนลงทุนเล่นแชร์ออนไลน์ หรือการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ
๒. การชักชวนให้ซื้อสินค้า หรือบริการต่าง ๆ ในราคาถูก


ในการหลอกลวงแต่ละเรื่อง เราก็จะเห็นได้ว่ามีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก
เช่น กรณีการหลอกลวงให้ลงทุนใน
Nas App
ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวกลางเทรดหุ้น ทองคำ และ Bitcoin นั้น
ในเบื้องต้น มีประชาชนที่ถูกหลอกให้ลงทุน เป็นจำนวนกว่า ๖,๐๐๐ คน
และสูญเงินกว่า ๖ พันล้านบาท
https://www.thairath.co.th/news/crime/2201293
ดังนั้นแล้ว เราทุกคนจึงควรต้องมีความระมัดระวังตนเอง
เมื่อเห็นว่ามีการชักชวนให้ไปลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูง
หรือมีการเสนอขายสินค้าหรือบริการในราคาถูก
เราก็ควรจะตั้งสติให้ดี ไม่ประมาท และตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน
โดยไม่ควรปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำใจ
เพราะหากปล่อยให้ความโลภลากพาเราไปแล้ว
ก็มีแต่จะได้รับความเสียหายในอนาคต


ในอรรถกถาของ “พรหมชาลสูตร” (พระสุตันติปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า
“คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม
เมื่อนรชนถูกความโลภครอบงำ ย่อมมืดตื้อทันที
ความโลภก่อให้เกิดความพินาศ ความโลภทำให้จิตอยากได้
ชนไม่รู้จักความโลภนั้นซึ่งเป็นภัยเกิดในภายใน ดังนี้.”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=3&fbclid=IwAR3chh7orHfFD1m5KK_SpsxcIoFY-TAA7kZXMYrPO_jUWOuw4FSHszjJKRI


ใน “มูลสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า “โลภะจัดเป็นอกุศล
บุคคลผู้โลภ กระทำกรรมใดด้วยกาย วาจา ใจ แม้กรรมนั้นก็เป็นอกุศล
บุคคลผู้โลภ ถูกความโลภครอบงำ มีจิตอันความโลภกลุ้มรุม
ย่อมก่อให้เกิดทุกข์แก่ผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง ด้วยการเบียดเบียน
การจองจำให้เสื่อม ติเตียน หรือโดยการขับไล่
ด้วยการอวดอ้างว่า ฉันเป็นคนมีกำลัง ตั้งอยู่ในกำลัง แม้ข้อนั้นก็เป็นอกุศล
อกุศลธรรมอันลามกเป็นอันมากที่เกิดเพราะความโลภ
มีความโลภเป็นเหตุ มีความโลภเป็นแดนเกิด มีความโลภเป็นปัจจัยนี้
ย่อมเกิดมีแก่บุคคลนั้น ด้วยประการฉะนี้” ...
“บุคคลเห็นปานนี้ ถูกธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดเพราะความโลภครอบงำ
มีจิตอันอกุศลธรรมกลุ้มรุม ในปัจจุบันย่อมอยู่เป็นทุกข์ ลำบาก คับแค้น
เดือดร้อน เมื่อแตกกายตายไปทุคติเป็นอันหวังได้”
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=20&item=509&items=1&preline=0&pagebreak=0


ใน “มหานิทเทส” (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า
“โลภะ ยังสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ให้เกิด โลภะ ยังจิตให้ให้กำเริบ
โลภะเป็นภัยเกิดขึ้นในภายใน พาลชน ย่อมไม่รู้สึกภัยนั้น
คนผู้โลภแล้วย่อมไม่รู้อรรถ คนผู้โลภแล้ว ย่อมไม่เห็นธรรม
เมื่อใด ความโลภครอบงำนรชน เมื่อนั้น นรชนนั้น ย่อมมีความมืดตื้อ” ...
“โลภะ เมื่อเกิดขึ้นในกายในแห่งบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อทุกข์
เพื่อความอยู่ไม่ผาสุก มิใช่เพื่อประโยชน์เกื้อกูล” ...
“โลภะ เกิดขึ้นในตน ย่อมกำจัดบุรุษผู้มีจิตลามกเหมือนขุยไผ่กำจัดไม้ไผ่”
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=29&item=22&items=1&preline=5


ใน “มลสูตร” (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-
อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า

“โลภะทำให้เกิดความฉิบหาย โลภะทำจิตให้กำเริบชนไม่รู้สึก
โลภะนั้นอันเกิดแล้วในภายในว่าเป็นภัย คนโลภย่อมไม่รู้ประโยชน์ ย่อมไม่เห็นธรรม
โลภะย่อมครอบงำนรชนในขณะนั้น ความมืดตื้อย่อมมีในขณะนั้น”
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=25&A=6201


เมื่อพิจารณาจากพระธรรมคำสอนแล้ว จะเห็นได้ว่า
ความโลภย่อมจะนำมาสู่ทุกข์ และความไม่ผาสุก
ดังนี้ เมื่อเราได้พบการชักชวนให้ลงทุนที่ได้ค่าตอนแทนสูงก็ดี
หรือการเสนอขายสินค้าหรือบริการในราคาถูกมากก็ดี
เราไม่ควรปล่อยให้ความโลภครอบงำใจ
แต่เราพึงมีสติ และไม่ประมาท โดยต้องระลึกว่า
สิ่งเหล่านี้มันฝืนโลกความเป็นจริงหรือไม่
ที่ว่าจะมีหนทางหาเงินได้อย่างง่าย ๆ โดยถูกกฎหมายและความเสี่ยงต่ำ


ในกรณีของการหลอกลวงให้ลงทุนนั้น บางคนอาจจะทดลองลงทุนน้อย ๆ ก่อน
เพื่อทดลองว่าได้เงินจริงหรือไม่ แล้วค่อยซื้อเพิ่มในภายหลัง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหล่ามิจฉาชีพเขาก็รู้ครับ และเขาก็ต้องการหลอกเอาเงินเยอะ ๆ
เขาก็ย่อมจะโอนเงินน้อย ๆ มาเป็นเสมือนเหยื่อตกปลาเพื่อให้เราไปติดเบ็ดได้
หรือในกรณีของการหลวงลวงขายสินค้าหรือบริการในราคาถูก
บางคนก็อาจจะเข้าไปดูความเห็นและรีวิวต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหล่ามิจฉาชีพเขาก็รู้ครับ
และเขาก็จัดเตรียมความเห็น และรีวิวต่าง ๆ ไว้แล้ว
ดังนั้นแล้ว ไม่ควรหลงเชื่อการทดลอง หรือความเห็น และรีวิวต่าง ๆ ครับ
โดยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดคือ อย่าหลงเชื่อโดยง่าย
และควรจะลงทุนกับสถาบันหรือบุคคลที่เชื่อถือได้
หรือควรจะซื้อกับร้านค้าที่เชื่อถือได้เท่านั้น
หรือไปซื้อสินค้าที่ร้านที่สามารถตรวจดูสินค้าได้และได้รับสินค้าเลย
ซึ่งแม้ว่าอัตราผลตอบแทนจะต่ำบ้าง หรือราคาสินค้าอาจจะไม่ได้ถูกกว่าร้านอื่น ๆ
แต่ก็จะมีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก และช่วยรักษาเงินของเราไม่ให้ถูกหลอกลวงครับ
ซึ่งในบางครั้งนั้น เงินที่สูญเสียไปเป็นจำนวนเงินที่มีความสำคัญอย่างมาก
เพราะทำให้เกิดความแตกแยกในครอบครัว หรือทำให้เด็ก ๆ ต้องสูญเสียอนาคตก็ได้
ซึ่งไม่คุ้มค่าที่จะไปเลือกทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูงครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP