ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ทำไมบางคนกว่าจะได้อะไรสักอย่างถึงได้ยากเย็นเหลือเกิน



ถาม - ทำไมบางคนกว่าจะได้อะไรมาสักอย่าง ถึงยากเย็นแสนเข็ญกว่าคนอื่นเหลือเกินครับ


อันนี้ก็ต้องระบุด้วยนะครับว่า ได้อะไรที่ว่ายาก
ถ้าหากว่าเป็นเรื่องแบบโลกๆ นะ
คือถ้าจะพูดในแง่ของกรรมและวิบาก
คนที่ได้อะไรมายาก ส่วนใหญ่ ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์
เคยไปขวางทางคนอื่นเขาไว้ เคยไปขัดลาภ เคยไปขัดโอกาส
เคยไปขัดเส้นทางเจริญของผู้อื่นไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่เขาจะได้บุญได้กุศล

คุณเคยเห็นไหม ประเภทชอบล้อเลียนคนจะไปวัด
หรือว่าคนจะไปทำบุญ หรือว่ากำลังคิดดีนะ
อุตส่าห์มาชวน นี่เธอไปกันไหม ฉันอยากทำ ตรงนี้คนถูกชวนก็หมั่นไส้
โห
! จะไปเป็นคนดีแล้วเหรอ จะไปสวรรค์ใช่ไหม จะไปนิพพานใช่ไหม
จะทิ้งฉันไว้ในนรกแล้วใช่ไหมอะไรแบบนี้
แล้วก็พูดจาเหน็บแนมกระทบกระเทียบ หรือไม่ก็กระทั่งกลั่นแกล้ง
เอากระเป๋าไปซ่อนให้เขาออกจากบ้านช้า ไปไม่ทันรถอะไรแบบนี้


มันมีประเภทที่ไปเตะถ่วงหรือว่าไปขัดลาภอันเป็นกุศล
ลาภในทางกุศล ลาภในทางบุญของคนอื่นเขา
ผลนะ ยิ่งเราไปขัดลาภในแบบที่เขาจะได้บุญยิ่งใหญ่ไพศาล
ยิ่งบุญตรงนั้นมันใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่นะ แล้วเราไปขัด
มันยิ่งทำให้เรา เวลาที่กรรมเผล็ดผล เวลาที่บาปเผล็ดผล
ก็จะทำให้เราเกิดในชะตาแบบหนึ่ง
เกิดในฤกษ์เกิดแบบหนึ่งที่ได้อะไรนี่ยากเย็นแสนเข็ญ
กว่าจะได้ โอย
! แทบรากเลือด แบบแทบจะกระอักเลือด
หรือไม่ก็ต้องรอๆ รอแบบบางทีรอจนแก่กว่าจะได้สิ่งที่คิดที่ฝัน
จนเลิกฝันไปแล้วถึงได้มา ตอนได้มาก็หมดอยากแล้วอะไรแบบนั้นน่ะ
ประเภทนี้คือมักจะมาจากผลของกรรมที่เคยไปขัดลาภคนอื่นไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลาภในทางที่เป็นบุญทางกุศล


เพราะฉะนั้นคือจริงๆ แล้วนอกจากเราจะรู้นะ
ก็สมควรที่จะจับเป็นจุดอย่างหนึ่งด้วย
คือเป็นข้อควรระวังด้วยกับคนในครอบครัว
ประเภทที่ว่าเราไปอยู่ในบ้านของคนขี้แกล้ง
ประเภทที่เห็นเราสวดมนต์ เห็นเรานั่งสมาธิ แล้วล้อเลียน
หรือว่ามาแกล้งทำเสียงโป๊กป๊าก รบกวนสมาธิ
หรือว่าจะบอกว่าไม่ต้องไปนิพพาน เดี๋ยวไปนรกด้วยกันอะไรแบบนี้
คือถ้าเจอคนประเภทนี้ก็เมตตาเขานิดหนึ่ง
คืออย่าให้เขาได้ทำกรรมสำเร็จนะ แอบได้ก็แอบๆ เสีย
ถือว่ากำลังมีกรรมอยู่ว่าจะต้องมาอยู่กับคนขี้แกล้ง ก็อย่าส่งเสริม



โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางคนนะ พ่อแม่
คือมันเป็นทุกข์เหลือเกินนะ
โอ้โห
! เรานี่ชอบธรรมะ
ทำไมต้องมาเกิดกับพ่อแม่ที่เกลียดธรรมะเกลียดพระ
ชอบพูดจาแบบบั่นทอนกำลังใจ ไม่ให้เราได้ทำบุญทำกุศล
อย่าให้พวกท่านทำกรรมสำเร็จ คือหลบๆ ซ่อนๆ หรือหลีกเลี่ยงไม่ไปพูดถึง
ถ้าจะมีอุบายวิธีใดที่จะชักจูงหรือว่าเปลี่ยนใจ จากมิจฉาทิฐิเป็นสัมมาทิฐิได้
ก็ใช้วิธีอ้อมๆ อย่าใช้วิธีชักชวนตรงๆ
ประเภทว่าพ่อแม่ปฏิเสธแล้วๆ เล่าๆ หรือว่าด่าซ้ำด่าซากว่าไปทำบุญ
เอาเงินไปให้พระทำไม พระไม่มีแล้ว อะไรต่างๆ
อย่าไปชวนซ้ำ อย่าไปใช้วิธีทื่อๆ ทำไมล่ะ ไปเถอะ ได้บุญ
อย่างนี้เท่ากับโปรยยาพิษให้พวกท่าน ไปทำให้ท่านเกิดอาการของขึ้น เกิดโทสะ
แล้วก็ทำซ้ำๆ ขัดลาภไม่ให้เราได้บุญได้กุศล
พยายามหน่วงเหนี่ยว พยายามกีดกันไม่ให้เราเข้าหาธรรมะ


ใช้วิธีอ้อมๆ อย่างอื่น เย็นให้เป็นก่อน
แล้วเอาความเย็นนั้น มาพูดเรื่องเย็นๆ กับท่าน

เห็นท่านอารมณ์ดีๆ เห็นท่านอารมณ์เย็นๆ ค่อยๆ เลียบเคียง
ว่าตรงนี้ได้มาจากการมีสติ พิจารณาอย่างนี้ๆ แล้วได้ผล ไม่เป็นทุกข์นะ เห็นไหม
เอาหลักฐานแห่งความเย็นไปให้พวกท่านได้ยลนะครับ
จนกระทั่งพวกท่านเกิดความเห็นดีเห็นงามตาม แล้วก็อยากมาเอง

อันนี้ถึงเวลาจะชักชวนเนี่ยไม่ยาก
แต่ถ้าเรายังร้อนอยู่ บอกไปทำบุญกันเถอะ
ท่านถามคำเดียวนะ ทำบุญแล้วได้อะไร
ได้อาการกระโตกกระตาก ยังร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ หน้าตาบูดเบี้ยวอยู่อย่างนี้เหรอ
มันชวนไม่ขึ้นหรอกนะ มันมีแต่จะฉุดกันลง



อันนี้เลยพูดไปถึงประเด็นนี้ด้วยเพราะว่าเป็นปัญหาของหลายๆ คนเหมือนกัน
บอกว่าชวนที่บ้านมาทางธรรมะด้วยกันไม่ได้
ทีนี้ถามว่าธรรมะมาแล้วได้อะไร
ต้องทำให้เห็นก่อนนะ ต้องทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีแรงบันดาลใจก่อน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP