วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๒๙



cover Amarit


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            พระอาจารย์ราเมศว์มาร่วมส่งสิงหานาคราชเช่นกัน

            นาคราชผู้ใกล้สิ้นชีพลงจากแท่นนอนมานั่งพับเพียบบนพื้นคู่รอยเธียร โดยจัดแท่นนั่งพิเศษให้แก่ศิษย์พระตถาคต

            เหล่านาคานาคีที่รายล้อมจิตกาธานต่างอยู่ในอาการสงบสำรวม นั่งเรียงรายเป็นระเบียบพร้อมรอฟังพระธรรมเทศนาที่พระภิกษุสงฆ์จะสาธยายแก่องค์นาคราชก่อนถึงวาระสุดท้าย

            “เป็นอย่างไรบ้างองค์นาคราช” พระอาจารย์ราเมศว์ถาม

            “พร้อมสละซากสังขารนี้คืนให้โลกแล้ว” ตอบอย่างห้าวหาญ

            “มีสิ่งใดยังเป็นห่วงในนาคพิภพหรือไม่” คำถามต่อ

            “ไม่มี”

            “มีเรื่องราวใดยังค้างคาใจหรือไม่”

            สิงหานาคราชครุ่นคิดย้อนทวนก่อนตอบ

            “ไม่มี”

            พระอาจารย์ราเมศว์ได้ยินเช่นนั้นก็แลเล็งยังจิตผู้ใกล้สิ้นชีพ ดูว่ามีพระธรรมบทใดพอจะใช้เทศนาสั่งสอนเพื่อยกภูมิจิตภูมิธรรมอีกฝ่ายให้สูงขึ้นก่อนคืนสังขารให้โลกได้บ้าง
                        
            เมื่อจิตหยั่งรู้แล้วจึงเริ่มสาธยายธรรม เทศนาในเรื่องราวที่เหมาะสมกับผู้ฟังออกมา กระแสเสียงใสกังวานนุ่มนวลกระจายทั่วบริเวณจิตกาธาน เหล่านาคีนาคาโดยรอบต่างน้อมรับฟังจนเกิดประโยชน์ร่วมกันไม่น้อย
            
            รอยเธียรสดับฟังด้วยจิตเคารพในธรรมะ ปีติอิ่มเอมเป็นระยะมองเห็นใบหน้าสิงหานาคราชผ่องใสสว่างขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณบอกคติภพข้างหน้าว่า มีแต่สุคติภูมิเท่านั้นจึงเหมาะกับดวงจิตเป็นกุศลสว่างไสวเช่นนี้

            การแสดงธรรมจบแล้วพร้อมกับการสิ้นชีพของนาคราชผู้ยิ่งใหญ่

            ซากสังขารกลับกลายเป็นร่างพญานาคราชตามภูมิเดิมอันงดงาม หางเหยียดยาวโอบกระหวัดจิตกาธานทั้งแท่นเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน จากนั้นบังเกิดพระเพลิงลุกโพลงจากภายในแผดเผาก้อนสังขารนั้นรวดเร็ว

            เปลวเพลิงสูงละลิบแผดเผาซากสังขารอันยิ่งใหญ่ให้กร่อนหายทีละน้อยโดยไม่เหลือกระทั่งผงคลี

            รอยเธียรนั่งมองด้วยใจสงบ เห็นตั้งแต่ร่างสังขารอันสมบูรณ์ตระหง่านอยู่เบื้องหน้า จนกระทั่งพระเพลิงโหมซัดกลืนกินทีละน้อยทีละน้อย

            ไม่นานเลย จิตกาธานอันงดงาม พญานาคราชผู้แกร่งกล้ามากบารมีล้วนถูกกลืนหายในกองเพลิง และอีกไม่นานเท่าใด เมื่อไม่เหลือเชื้อให้อัคคีเผาผลาญ มันก็มอดดับกลายเป็นพื้นโล่งว่างเปล่าอยู่ตรงหน้า

            จิตใจชายหนุ่มบังเกิดความหดหู่บอกไม่ถูก ตั้งคำถามแก่ตนเอง...

            ...สิงหานาคราชหายไปไหน...เราที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นใคร...

            เมื่อ ‘เรา’ ถูกกลืนหายกลายเป็นความว่างเปล่าข้างหน้า...

            จะหาตัวเราได้จากไหน?

            หรือว่า... ‘เรา’ ไม่เคยมีจริงตั้งแต่แรกเลย!

            พระภิกษุผู้อยู่ใกล้สดับคำถามจากใจนั้นจึงเกิดเมตตา ลูบศีรษะหลานชายเบา ๆ

            “ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปทั้งนั้น...ทั่วทั้งวัฏสงสารล้วนไม่มีเว้น!”

            กระแสเสียงกังวานฉุดให้เกิดสติ ก่อนกล่าววาจาปิดท้าย

            “เมื่อไหร่เข้าไปรู้ เข้าไปดูกาย-ใจตามจริง จนมองเห็นและยอมรับความจริงข้อนี้อย่างถึงใจแล้ว...จะได้คำตอบเอง”

            สติเกิด จิตใจมีกำลังขึ้นจึงหันมาคุกเข่าก้มกราบหลวงน้าด้วยใจเคารพศรัทธา

            “กลับไปทำหน้าที่ต่อเถอะ” วาจาอ่อนโยนนัก

            “ครับ” รอยเธียรตอบรับหนักแน่น




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หน้าห้องผ่าตัด กาลเวลาไม่ได้ล่วงผ่านนานเท่าที่คิด

            ประตูห้องผ่าตัดเลื่อนเปิด สองพี่น้องลืมตาตื่นรู้สึกตัวในเวลาใกล้เคียงกัน

            นายแพทย์เดินออกมาบอกข่าวด้วยสีหน้าอ่อนเพลียแต่โล่งใจ

            “คุณเธียรปลอดภัย เราจะย้ายไปพักฟื้นดูอาการที่ห้องใกล้กับแม่คุณ”

            “ขอบคุณครับหมอ”

            “ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

            สองพี่น้องยกมือไหว้นายแพทย์และทีมผ่าตัดด้วยความขอบคุณ โล่งอก

            ข่าวนี้ไม่เพียงทำให้สองพี่น้องยินดี

            ห่างออกไปตรงมุมไม่ไกลนัก สองหนุ่มสาวอีกคู่ก็ยืนรับฟังข่าวด้วยความยินดี โล่งใจไม่แพ้กัน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            มัชฌิมา พยุหะตามมาโรงพยาบาลในเวลาไม่ห่างจากรอยเธียรนัก พอเห็นกองทัพนักข่าวอยู่ด้านหน้าก็ไม่กล้าผลีผลามเข้าไป ด้วยทั้งคู่มีประเด็นให้นักข่าวนำมาเล่นเช่นกัน

            พยุหะโดนเรื่องลอกเพลง มัชฌิมาเป็นข่าวผู้หญิงคนใหม่ของรอยเธียรซึ่งเป็นเหตุให้น้องนิวไลฟ์สดฆ่าตัวตาย ก่อนที่จะแท้งลูกในเวลาต่อมา

            ถึงทั้งสองแก้ข่าวเรียบร้อย แต่ถ้ามาปรากฏในโรงพยาบาลคืนนี้อาจเกิดการย้อนแย้งขึ้นมาได้

            พยุหะยังไม่เท่าไหร่...มัชฌิมาเกิดปัญหาแน่

            ...ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน...ทำไมถึงรีบมาให้กำลังใจทันทีที่รู้ข่าว...

            ใจที่มีอคติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรมักโดนมองในแง่อกุศลง่าย ๆ

            พยุหะ มัชฌิมาพยายามเลี่ยงไม่ให้นักข่าวเห็น แอบเข้าโรงพยาบาลอีกด้าน เห็นสองพี่น้องโอบกอดให้กำลังใจกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้ากังวล เคร่งเครียด หญิงสาวจึงหยุดยืนมองห่าง ๆ

            ...ภาพนั้นคล้ายไม่มีที่ว่างให้ใครแทรกเข้าไปได้เลย...

            “ทำไมไม่เข้าไปหาพวกเขา” พยุหะถามอย่างสงสัย

            ดวงตามัชฌิมาทอประกายบางอย่างแล้วถอนใจ

            “ตอนพ่อแม่ตาย...มาก็อยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องการให้ใครปลอบ ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ ๆ หรือพูดอะไรที่คิดว่าจะช่วยให้เราสบายใจ”

            พยุหะพยักหน้าเข้าใจ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ต่างจากตอนตนเองสูญเสียมารดา ตายาย บุคคลที่ไม่มีใครทดแทนได้ ไม่ว่าใครก็มาปลอบโยนให้หายเศร้าไม่ได้เช่นกัน

            บางทีคำปลอบโยน น้ำใจอยากช่วยเหลือ มันอาจกลายเป็นการเพิ่มภาระ สร้างความอึดอัดทางใจแก่คนที่กำลังเศร้าโศกทุกข์ใจเหมือนกัน

            ...เพราะมีคนจำนวนไม่น้อย ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา ต้องการร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว...

            ทั้งสองจึงนั่งรอฟังข่าว เอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งทราบผลผ่าตัด

            พยุหะมองรอยเธียร ดวงตาฉายแววรับรู้เข้าใจบางอย่างลึกซึ้ง แล้วหันมาบอกหญิงสาว

            “กลับได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมพวกเขา”

            “คะ?”

            มัชฌิมาตั้งใจเข้าไปแสดงความยินดีกับเพื่อน พอได้ยินอย่างนั้นก็ลังเลเล็กน้อยแต่ไม่คัดค้าน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ระหว่างนั่งรถด้วยกัน สองหนุ่มสาวต่างเงียบงัน จมอยู่ในความคิดตนเอง

            มัชฌิมาไม่ใช่ผู้หญิงช่างพูดจา พยุหะก็เป็นคนพูดน้อย พอความเงียบครอบคลุมในรถนานเกินไปเขาก็เหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง สัมผัสความรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวไม่มีความอึดอัด ลำบากใจจึงไม่เอ่ยปากชวนคุยอย่างใด

            ความสงบเงียบกระจายภายในรถ สร้างบรรยากาศสงบสันติ ชุ่มเย็นอย่างประหลาด คล้ายต่างฝ่ายรู้ว่าอีกคนมีเรื่องราวต้องขบคิด ใคร่ครวญ ก็ช่วยส่งเสริมด้วยการไม่พูดจา แผ่กระแสความเข้าใจออกมาให้รู้สึก คล้ายบอกว่าตนเองยังอยู่ใกล้เสมอ อยากปรึกษาเมื่อใดก็พร้อมรับฟัง

            ความสงบเงียบเช่นนี้ แฝงด้วยความอบอุ่นอย่างเข้าใจ ซึ่งต่างฝ่ายไม่เคยได้รับจากใคร

            รถจอดหน้าบ้านพันเกลียว

            “ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” มัชฌิมาบอกเจ้าของรถก่อนเปิดประตูลงมา

            “พรุ่งนี้เช้าจะมารับ”

            พยุหะบอกกึ่งออกคำสั่ง หญิงสาวต้องรีบไปโรงพยาบาลแต่เช้าจึงดักคอเป็นเชิงห้ามไม่ให้ไปคนเดียว

            “ค่ะ” มัชฌิมาไม่ปฏิเสธ



            เมื่อเข้าไปในบ้านพบพันเกลียวนั่งอ่านหนังสือรออยู่ที่ห้องรับแขก

            “เธียรกับรอยจันทร์เป็นยังไงบ้าง” เจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นถาม

            หลานสาวส่งไลน์มาแจ้งตอนหัวค่ำว่าตนคงกลับบ้านดึกเพราะจะรอฟังข่าวพ่อแม่รอยธารา ผู้สูงวัยกว่าจึงนั่งรอ ยังไม่เข้าห้องนอน

            “ปลอดภัยทั้งคู่ค่ะ การผ่าตัดเรียบร้อยดี” หญิงสาวรายงาน

            “อืม” ผู้สูงวัยกว่าพยักหน้ารับทราบ

            มัชฌิมาค้อมตัวเข้าไปนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ เอ่ยถามเรื่องคาใจอยากรู้

            “เอ่อ...แล้ว ‘เขา’ เป็นยังไงบ้างค่ะ”

            เธอไม่รู้ว่า ‘ผู้คุ้มครอง’ ชื่ออะไร ใจเป็นห่วงกังวลตั้งแต่เห็นว่าพ่ายแพ้อาจารย์มิ่งแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

            “ไม่เป็นไร...ให้เขาได้พักฟื้นสักระยะก็ปกติเหมือนเดิม” พันเกลียวตอบ

            “มาอยากขอบคุณ ที่เขาตามไปช่วยเหลือ” หญิงสาวบอก

            “เขารู้แล้วล่ะ” คำพูดสั้นตรง

            “แล้ว...” มัชฌิมาลังเลที่จะเอ่ยวาจาต่อมา “ตอนนี้...อาจารย์เนวะกำลังวางแผนอะไรอยู่...เราควรเตรียมรับมือยังไง”

            นี่คือปัญหาสำคัญ สิ่งที่เกิดวันนี้ทำให้หวั่นใจอย่างยิ่งว่าอาจเกิดเหตุร้ายแรงกว่าติดตามมา ตราบใดที่ตัวการยังลอยนวลอยู่

            “เขาบาดเจ็บ...คงยังไม่คิดวางแผนทำอะไรตอนนี้หรอก” พันเกลียวบอกง่าย ๆ

            “คะ” มัชฌิมาเบิกตากว้าง เกิดความสงสัยใคร่รู้

            “ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้าไม่ใช่หรือ”

            พันเกลียวตัดบท แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการตอบปัญหาใด

            หญิงสาวจำต้องขยับตัวลุกจากเก้าอี้ตามคำสั่ง ทั้งที่ในหัวอื้ออึงด้วยปัญหามากมาย




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            มัชฌิมาไม่รู้อาจารย์เนวะบาดเจ็บด้วยเหตุใด พยุหะกลับทราบแต่ไม่อยากบอก

            ตลอดเวลาที่ทั้งสองรอฟังผลการรักษาอยู่ห่าง ๆ พยุหะสัมผัสสิ่งแปลกปลอมที่เลื้อยเข้ามาโรงพยาบาลตอนดึกได้ชัดเจน

            นาคบริวารตามตัวรอยเธียรไปเมืองบาดาลอย่างน่าสงสัย

            พยุหะกำหนดจิตตามออกดูห่าง ๆ เห็นพิธีเตรียมส่งสิงหานาคราช รับรู้การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างนาคราชทรงฤทธิ์กับเนวะผู้ร้ายกาจเช่นเดียวกับรอยเธียร

            เมื่อประจักษ์ผลชัดเจน ส่วนลึกในใจเกิดความตระหนก พอจิตถอนมาโลกปกติก็รีบพามัชฌิมากลับไม่อยากให้เข้าไปหาสองพี่น้อง ด้วยเข้าใจจิตใจอดีตนาคาว่าไม่พร้อมที่จะพูดคุยเสวนากับใครตอนนี้

            พ่อแม่เขาปลอดภัย แต่ต้องสูญเสีย ‘ผู้ใหญ่’ ที่เคารพในลักษณะนั้น รอยเธียรย่อมเจ็บปวดเศร้าโศกเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจ

            ตลอดทางขับรถไปส่งมัชฌิมาเขาจึงมีเรื่องครุ่นคิด กังวลจนไม่อยากเอ่ยปากพูดอะไร

            กลับมาถึงคอนโดตนเอง ไม่สนใจอาบน้ำพักผ่อน เดินไปยืนริมระเบียงแล้วระบายลมหายใจที่คั่งค้างออกเพื่อผ่อนคลาย ก่อนสูดลมหายใจยาวลึกประมาณสองสามรอบจนจิตทรงตัว ขจัดความฟุ้งซ่านในหัว

            ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำที่ฉาบแสงสีส้มแดงจากไฟประดิษฐ์เมืองหลวง แลไม่เห็นดวงดาวสักดวง

            จิตนึกทบทวนภาพการต่อสู้ระหว่างเนวะกับสิงหานาคราชอีกครั้ง ตั้งใจสังเกตอย่างละเอียด จากนั้นย้อนภาพในหัวกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ เพื่อศึกษาหยั่งทราบกำลังศัตรู กลยุทธการต่อสู้ มองหาจุดอ่อนช่องว่างในการเอาชัยชนะ

            สุดท้ายต้องนั่งเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อนยอมรับแก่ใจ ด้วยความสามารถเขากับรอยเธียรเวลานี้ ต่อให้ร่วมมือกันยังเอาชนะสิงหานาคราชไม่ได้ อย่าว่าแต่จะจัดการสยบเนวะให้ราบคาบ

            หากต้องเผชิญหน้าปะทะกันอย่างจริงจัง โอกาสไม่ตกเป็นรองมีแค่สองหนทาง

            หนึ่ง...เขาต้องกลายเป็นวินตกะพญาครุฑทรงฤทธิ์เสมือนดังชาติก่อน ร่วมมือกับชัยยะนาคาพญานาคผู้มากความสามารถตนเดิม ไม่ใช่รอยเธียร ซูเปอร์สตาร์ผู้มีแค่พลังพญานาคไม่เต็มส่วน

            กับอีกทางเลือกหนึ่ง...ซึ่งยากเย็นจนถึงขั้นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้

            ...ต้องอัญเชิญบุคคลหนึ่งออกหน้าแทน!...

            หากมองด้วยสายตาพยุหะในตอนนี้ มีบุคคลเดียวที่เขารู้จักสามารถเอาชนะเนวะอย่างง่ายดาย

            เพียงแต่...บุคคลท่านนั้น ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยไร้สาระพวกนี้




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            โลกมีความพลิกผันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

            ใครคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘ผู้ร้าย’ นักโทษสังคม ต่อให้พยายามอธิบายแก้ต่าง หาหลักฐานมายืนยันอย่างไรก็ไม่มีคนเชื่อ ไม่มีใครฟัง

            จู่ ๆ เวลาเพียงหนึ่งคืน ไม่กี่ชั่วโมง ‘ผู้ร้ายของสังคม’ คนนั้นกลับได้รับคำชื่นชมสรรเสริญท่วมท้น แรงเชียร์กระแสความเห็นใจไหลมาทุกเส้นทาง

            เรื่องที่ถูกกล่าวหา ก็มีคนช่วยให้สังคมได้รับความกระจ่าง คลี่คลายข้อสงสัยโดยไม่ต้องเปลืองแรงใด ๆ

            ทั้งหมดเริ่มต้นจากภาพที่ปรากฏในเฟซบุ๊คนางพยาบาลคนหนึ่ง

            ภาพนั้นถ่ายตรงหน้าห้องผ่าตัด รูปชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ยาว มีน้องสาวหนุนตักหลับไหลอย่างอ่อนเพลีย เป็นจังหวะที่เขากำลังเงยหน้ามองป้ายไฟหน้าห้องที่กำลังเปิดสว่าง แสดงว่าทีมแพทย์กำลังทำงาน

            ภาพนั้นติดแฮชแท็กสั้น ๆ ว่า...#รอคอยด้วยความหวัง#...

            กระแสความเห็นใจอาจไม่แพร่กระจายรวดเร็วขนาดนี้...ถ้าชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่รอยเธียร ดาราชื่อดัง

            นางพยาบาลอธิบายใต้ภาพว่า...

            เมื่อพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุพร้อมกัน พี่ชายน้องสาวต่างนั่งรอคอยด้วยความหวังอยู่หน้าห้องผ่าตัด...มันนานมากจนคนหนึ่งหมดแรงหลับไหล ส่วนพี่ชายยังหลับตาไม่ลง จนกว่าจะรู้ว่าพ่อแม่ปลอดภัย...

            ...ไม่เคยเห็นโมเมนต์นี้จากลุย รอยเธียร...พระเอกในดวงใจมาก่อนเลย...

            ...พี่ชายที่แสนดี...ลูกชายที่เป็นห่วงพ่อแม่ยิ่งกว่าตัวเอง...

            ...รักและเอาใจช่วยค่ะ...

            ภาพและข้อความนี้ถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความเห็นอกเห็นใจเพียงชั่วข้ามคืนจริง ๆ

            หลังจากภาพนั้นถูกแชร์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีคนแชร์คลิปสั้น ๆ มีชื่อว่า...

            นี่แหละพระเอก

            คำบรรยายใต้คลิปมีดังนี้

            “น้องผู้หญิงคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็ง เธอต้องผ่านการรักษาอย่างเจ็บปวดทรมานมานานแล้วไม่หายสักที ครั้งนี้กำลังได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูก ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีหมอคนไหนรับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์

            น้องเขาปฏิเสธ เพราะผิดหวังกับการรักษาครั้งก่อน ๆ จนไม่อยากทุกข์ทรมานเพื่อพบกับความผิดหวังอีกครั้ง

            ไม่มีใครเกลี้ยกล่อม ชักจูงให้น้องคนนี้เปลี่ยนใจได้

            เธอเป็นแฟนคลับลุย รอยเธียร ต่อให้ใครกล่าวหาพระเอกในดวงใจขนาดไหนก็ไม่ยอมเชื่อ คอยออกรับแทนตลอด พ่อแม่คิดว่า ถ้าให้ดาราคนนี้ยอมถ่ายคลิปพูดให้กำลังใจ ชักจูงเธอผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูก น้องเขาน่าจะยอม

            พวกเราหาช่องทางติดต่อพระเอกดังผ่านทางน้องสาวเขาสำเร็จ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ แล้วขอร้องเขาช่วยส่งคลิปให้กำลังใจ เกลี้ยกล่อมน้องให้ยอมเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูก

            ลุย รอยเธียรส่งคลิปมาทันทีโดยไม่ปฏิเสธ...แล้วกระทำในสิ่งที่พวกเราทุกคนเซอร์ไพรส์คาดไม่ถึง

            พระเอกในดวงใจของน้องตามมาหาถึงโรงพยาบาล พูดจาเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเอง และยิ่งกว่านั้นเขายังพูดคุยให้กำลังใจ ร้องเพลงให้ทุกคนฟังเหมือนเปิดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ ในห้องคนป่วย

            แน่นอน น้องเขาได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยมขนาดนั้น เลยให้สัญญากับซูเปอร์สตาร์ของเธอว่าจะต่อสู้กับโรคร้ายจนถึงที่สุด ไม่ยอมแพ้ถอดใจเด็ดขาด

            นี่เป็นคลิปสั้น ๆ ที่เราแอบถ่ายไว้เพื่อให้น้องเขาได้ดูอีกครั้งในยามที่อ่อนแอ คิดยอมแพ้ต่อโรคร้าย

            คลิปนั้นแอบถ่ายช่วงการพูดคุยและร้องเพลงให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง

            ...หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจไม่สิ้นหวัง...

            ...ปัญหาแม้จะหนัก ก็คงไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้งก้าวไป...

            ...ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้...

            ...จงลุกขึ้นสู้ไป จุดหมายไม่ไกลเกินจริง...

            เพลง ‘อย่ายอมแพ้’ ถึงแม้จะเก่าจนเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้ว แต่น้ำเสียงที่ร้องอย่างจริงใจ แสดงความรู้สึกชัดเจนทำให้คนฟังต่างรู้สึกฮึกเหิม อยากลุกขึ้นต่อสู้ไม่ยอมแพ้อย่างในบทเพลงนั้นเช่นกัน

            นอกจากนี้ในคลิปยังมีการพูดคุยอย่างสนุกสนาน บางครั้งรอยเธียรก็ยอมร้องเพลงเก่า ๆ ของวง Three-Rex ตามคำขอของผู้ฟัง จนกลายเป็นเหมือนคอนเสิร์ตเล็ก ๆ บรรยากาศครึกครื้นอบอุ่น

            คลิปความยาวไม่นานนัก ทุกคนที่เข้าชมต่างสัมผัสได้ถึงความจริงใจอันเปี่ยมล้น กำลังใจแสนมีค่าซึ่งเขานำมามอบให้คนป่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จนเกิดความประทับใจทั่วกัน

            คำบรรยายใต้คลิปยังมีต่อ

            “ที่จริงพวกเราไม่คิดจะนำคลิปนี้ออกมาเผยแพร่ เพราะคิดว่าพระเอกของเราคงโดนโจมตีว่าเป็นการสร้างภาพ ทำประชาสัมพันธ์แก้ข่าวเสื่อมเสีย

            แต่พอดี...เราได้ยินคำพูดจากนักข่าว ‘บางช่อง’ ที่พูดออกสื่อเมื่อคืนเป็นเชิงชี้นำคนดูว่า...

            ...พ่อแม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนี้ ลูกชายพระเอกดังหายไปไหน ทำอะไรอยู่?

            ถ้าคุณเช็คเวลา วันที่ในคลิปก็จะรู้ทันทีว่ามันถูกบันทึกก่อนเกิดอุบัติเหตุไม่ถึงชั่วโมง และสังเกตเสื้อผ้าที่พระเอกของเราสวม เปรียบเทียบกับรูปหน้าห้องผ่าตัดที่คนทั้งประเทศได้ดู...จะเห็นว่ามันเป็นชุดเดียวกัน

            ลุย รอยเธียร พระเอกของพวกเราไม่รู้ล่วงหน้าเลยว่า หลังจากช่วยให้กำลังใจเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจนมีแรงฮึดสู้แล้ว ตัวเขาเองต้องประสบกับเรื่องราวร้ายแรง ต้องการกำลังใจจากทุกคนเช่นกัน

            คลิปนั้นกลายเป็นกระแสไวรัลรวดเร็ว ถูกแชร์ออกไปเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ยอดคนเข้าชมทั้งหมดในวันแรกเกินหลักล้านอย่างไม่น่าเชื่อ

            ทุกคนดูออกว่าไม่ใช่การจัดฉาก สร้างภาพ เป็นคลิปแอบถ่ายที่กระทั่งดาราหนุ่ม น้องผู้หญิงคนป่วยก็ยังไม่ทราบ

            ผลจากภาพในเฟซบุ๊คและคลิปให้กำลังใจนั้น ทำให้ซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังลำดับต้น ๆ อยู่แล้ว ยิ่งพุ่งทะลุปรอทขึ้นไปอีก

            กระแสแอนตี้ถูกตีกลับเป็นกระแสชื่นชม คลิปเพลงต้นฉบับ ‘อย่ายอมแพ้’ ของนักร้องดังในอดีต สุนิสา สุขบุญสังข์ ถูกค้นหาเปิดฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก

            โฆษณาทุกชิ้นของลุย รอยเธียรกลับมาเป็นที่พูดถึง กระทั่งโฆษณาแป้งหอมสามฤดูที่เพิ่งถูกถอดก็นำกลับมาฉายใหม่ในสื่อต่าง ๆ ทุกช่องทาง

            กระแสความดังรอยเธียรทวีคูณมากขึ้น จึงมีผลสะท้อนกลับไปยังข่าวฉาวที่ทำให้เขากลายเป็นจำเลยสังคม

            นักสืบโซเซียลจากสำนักต่าง ๆ พร้อมใจกัน ‘ขุด’ หาความจริงเบื้องหลังข่าวฉาวนี้อย่างเต็มที่ ชั่วเวลาแค่วันสองวันก็มีรายงาน หลักฐานต่าง ๆ ปูดออกมาให้จับผิดมากมาย

            เริ่มจากคลิปกล้องวงจรปิดผับแห่งหนึ่ง บันทึกภาพน้องนิวไปเที่ยวกลางคืน ดื่มสุราอย่างสนุกสนานในคืนก่อนไลฟ์สดฆ่าตัวตาย

            คนที่อยู่ในผับคืนนั้นเล่าว่า เธอไม่มีท่าทีของคนท้องที่ต้องระวังตัวเองเลย หนำซ้ำยังดูมีความสุขร่าเริง เที่ยวชนแก้วกับหนุ่มหล่อในผับหลายคน ไม่มีอาการของคนอยากฆ่าตัวตายสักนิด

            จากนั้นมีการตั้งคำถาม...น้องนิวตั้งครรภ์จริงหรือ...เธอฝากท้องโรงพยาบาลไหน มีหลักฐานใดยืนยันได้บ้าง

            ปรากฏว่านักสืบทุกสำนักไม่สามารถตอบได้ว่าเธอฝากครรภ์ที่ใด กระทั่งญาติสนิทคนใกล้ชิดน้องนิวก็ไม่อาจยืนยันให้ข้อมูลได้

            เมื่อไม่แน่ใจว่าเธอตั้งท้องหรือไม่ ก็มีคำถามต่อมา...ถ้าหากแท้งลูกจริงเธอต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลแน่นอน

            ...แต่...ไม่มีสถานพยาบาลใดยืนยันว่าดาราประกอบสาวเข้ารับรักษาตัวในกรณีแท้งบุตรเลย

            ดังนั้นจึงเกิดข้อสงสัย น้องนิว ‘ท้องลม’ แล้วแกล้งแท้งหรือไม่?

            นอกจากนี้มีชาวโซเซียลตั้งประเด็นจับผิดในการไลฟ์สดฆ่าตัวตายของเธอกันมากมาย รวมถึงตั้งข้อสงสัยในจรรยาบรรณเกี่ยวกับสถานพยาบาลที่ปล่อยให้มีการถ่ายภาพ-คลิป ไลฟ์สดการล้างท้องออกมาแบบนี้

            นักข่าวต่างแห่ไปสัมภาษณ์น้องนิวอีกครั้ง ปรากฏว่าเจ้าตัวออกเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศโดยไม่มีกำหนดกลับ ญาติพี่น้องครอบครัวไม่สามารถให้สัมภาษณ์ ยืนยันข้อเท็จจริงใดได้

            หลักฐานที่สร้างความงุนงงแปลกใจปรากฏขึ้น เมื่อจู่ ๆ มีการเผยแพร่บัญชีเงินฝากน้องนิวผ่านสื่อโซเซียลออกมาว่า ก่อนไลฟ์สดฆ่าตัวตายประมาณวันสองวันมีเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชี และหลังจุดกระแสติด รอยเธียรเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยเธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยนามใครสักคน ก็มีเงินอีกก้อนตามเข้ามา รวมแล้วน่าจะทำให้เธอใช้ชีวิตสุขสบายต่างประเทศได้เป็นปี ๆ

            หลักฐานนี้ถูกนำมาเผยแพร่อย่างผิดกฎหมายโดยแฮกเกอร์ลึกลับ ถูกขนานนามว่า ‘กลุ่มคนหลังจอ’ ทำให้ไม่อาจสืบหาต้นตอได้ ข้อมูลถูกแชร์ไม่นานก็โดนลบเกลี้ยง

            พอสาวลึกที่มาของเงิน ปรากฏว่ามาจากบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในเครือ บี.บี. พรอม. นั่นทำให้นายบรรพต ผู้เป็นประธานต้องตอบคำถามสื่อมวลชน

            งานนี้ประธานบริษัทผู้ยิ่งใหญ่ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธทุกข้อสงสัย พร้อมกล่าวปิดท้าย

            “ผมจะจ้างคนมาทำลายชื่อเสียงพรีเซนเตอร์สินค้าตัวเองทำไม คุณรู้มั้ยแป้งหอมสามฤดูลงทุนไปเท่าไหร่ ใครอยากทุบหม้อข้าวตัวเองบ้าง!”

            ข้ออ้างนั้นฟังขึ้น เพราะฝ่ายกฎหมาย หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ บี.บี. พรอม. ไม่กล้าปริปากให้ข่าวว่าทางบริษัทเตรียมเรียกค่าเสียหายจากพรีเซนเตอร์เป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน

            รอยจันทร์ยังนอนโรงพยาบาล รอยธารา รอยเธียรไม่คิดฟื้นฝอยเรื่องเหล่านี้ให้ขึ้นมาเป็นประเด็นวุ่นวายอีก

            ข้อกล่าวหาเรื่องลอกเพลงของพยุหะก็เริ่มมีนักแต่งเพลงอาวุโสผู้มีชื่อเสียงมาแสดงความคิดเห็นเชิงโต้แย้ง โดยตั้งคำถามว่า ‘ลอก’ กับ ‘ได้แรงบันดาลใจ’ ต่างกันอย่างไร

            จากนั้นก็ยกเพลงประกอบโฆษณาของพยุหะ มาเทียบกับเพลงที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นต้นฉบับ แจกแจงละเอียดแทบจะเป็นตัวโน้ตต่อตัวโน้ต เมโลดี้ต่อเมโลดี้

            ยิ่งเนื้อหาบทเพลงที่ถูกติติงว่าคล้ายเพลงดังในอดีต ก็มีการนำคำร้องมาเทียบกันให้ดูชนิดคำต่อคำ ความหมายต่อความหมาย แล้วสรุปแบบความคิดเห็นส่วนตัวว่า...นี่ไม่ใช่การลอกเพลงเด็ดขาด...

            หลังจากนั้นคำกล่าวหาก็เลือนหาย ไม่มีใครขยายประเด็นนี้ต่อไป

            เมื่อไม่มีอำนาจสะกดจิตหมู่จากเนวะควบคุมโลกโซเซียลแล้ว ทุกอย่างย่อมไปตามครรลองมันเอง ผิด-ถูก จริง-เท็จดำเนินไปตามหลักฐานปรากฏ

            การชี้นำอาจมีผลในระยะหนึ่ง ความจริงย่อมเป็นความจริงวันยันค่ำ ผู้เสพสื่อมีวิจารณญาณไตร่ตรองเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อเองโดยอิสระ



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP