วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๑๑


Literature

โดย ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

ระเบียงบ้านร่มลงมากแล้ว ลมพัดแผ่วพลิ้ว แดดยามเย็นส่องแสงสีส้มเหลือง อาบไล้สนามหญ้าเล็กๆ และเลยขึ้นมายังหนุ่มสาวทั้งสาม

คุณมีคำอธิบายในเหตุการณ์ทั้งหมดไหม ชายหนุ่มถามพันเกลียว

ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร คุณเห็นเธอ ฉันก็เห็น แต่สิ่งที่เธอให้คุณเห็น ฉันไม่เห็น

ที่พี่มัคเห็น มันมีความสำคัญยังไงคะ ปีกแก้วถาม

พี่บอกไม่ถูก แววตาเขาอิดโรย ถ้าแก้วเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด พี่คิดว่าได้เห็นอดีตชาติของตัวเอง

ทุกคนเงียบกริบ มรรคาระบายลมหายใจแผ่วๆ เรื่องราวต่างๆ ถูกนำมาปะติดปะต่อกันจนเกิดความเข้าใจรางๆ

ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก ต่อให้เธอเล่าอดีตชาติทั้งหมดให้พี่ฟัง พี่ก็คงไม่มีความคิดเข้าใจอะไร นอกจากคิดว่าได้ฟังนิทานเรื่องหนึ่ง

แล้วที่เธอให้พี่มัคเห็นล่ะคะ ปีกแก้วซักต่อ ชายหนุ่มส่ายหน้า

มันเหมือนกับการดูหนัง ที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมได้เท่านั้น พี่ไม่อาจรู้เลยว่าในอดีตพี่เป็นใคร มีความคิดยังไง และต้องการทำอะไร...อดีตมันจบไปแล้ว พี่ไม่ใช่เขา

นัยน์ตาของพันเกลียวจรัสแสงขึ้น คล้ายหล่อนเข้าใจอะไรบางอย่าง

ที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามให้คุณจดจำเรื่องราวในอดีต ก็เพราะเธอต้องการให้คุณกลับกลายเป็นคนคนนั้น ฉันว่าเขาคนนั้นต้องมีสัญญาผูกพันบางอย่างที่ยังไม่ได้คลี่คลาย

มรรคาเริ่มอ่อนแรง

ผมเหนื่อย เขาพูดอย่างที่รู้สึกจริงๆ เราพักเรื่องนี้กันไว้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมกับคุณต้องไปคุยกับ เจ้าพ่อ กันอีก ผมอยากรู้นักว่า เจ้าพ่อ ของที่ตรงนั้น กับ จ้าว ในอดีตของผม ใครจะเก่งกว่ากัน

เขาพยายามพูดให้เป็นเรื่องขัน แต่พันเกลียวชะงัก เงยหน้าสบตามรรคา แววตาหล่อนบอกให้เขารู้ว่า เรื่องราวทั้งหมดกำลังถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน ประกายสว่างวาบพุ่งเข้ามาในความคิด...

กะพ้อเริ่มติดตามเขามาตั้งแต่วันที่เข้าไปในดงไม้ เสียงประหลาดที่ก้องในโสตประสาทเขา กับเสียงหัวเราะของจ้าวก็คล้ายคลึงกัน...และสุดท้าย คำพูดที่เขาเพิ่งจดจำได้...

...สัญ...ญา...


มรรคาขับรถไปส่งพันเกลียว ส่วนปีกแก้วถูกป้าแฉล้มและคุณสุณีรุมสัมภาษณ์

เป็นยังไงบ้างคะคุณ ทำไมหายเงียบกันไปน้าน นาน แม่บ้านใหญ่เริ่มคำถาม

ไม่เป็นยังไงนี่จ๊ะป้า

ปีกแก้วตอบกลางๆ

นี่แน่ะ คนอยากรู้ฟาดผัวะ อย่าเล่นลิ้นกับคนแก่สิคุณก็...ป้าอยากรู้ว่าไล่ผีไปได้หรือยัง แล้วเข้าไปทำอะไรกันตั้งนาน

เข้าไปปรึกษาปัญหาเศรษฐกิจของชาติกันน่ะจ้ะป้า...แหม...ถกเถียงกันตั้งนาน เลยออกมาช้าไปหน่อย พูดจบเด็กสาวก็หลบฝ่ามืออูมๆ ที่ฟาดมาอีกครั้ง

โอ้ย จะฆ่ากันหรือไงจ๊ะป้า...บอกให้ก็ได้ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจ้ะ

จริงหรือหนูแก้ว แล้วเป็นยังไง ไล่ยากมั้ย คุณสุณีถามบ้าง

ไม่ยากหรอกค่ะ เด็กสาวลอบยิ้ม คุณพันเกลียวเธอเก่ง

แล้วผีพวกนี้มาจากไหนกันครับ แต่ก่อนไม่เห็นมี เจ้าชัยที่เพิ่งกลับบ้านสนใจถามขึ้น

เอ...ไม่รู้สิ ปีกแก้วตอบ มาจากพม่ามั้ง คงเป็นวิญญาณพม่าที่มารบกับไทยบ่อยๆ หรือไม่ก็พวกปู่ย่าตายาย เขามาตามแรงงานชาวพม่า กลับไปพัฒนาบ้านเกิดน่ะ

คุณนี่ พูดอะไรเป็นเล่นเรื่อยเชียว ป้าแฉล้มอดขัดไม่ได้

แล้วตามัคว่ายังไงบ้างจ๊ะ คราวนี้คงยอมเชื่อเรื่องผีสางบ้างละสิ คุณสุณีเอ่ยขึ้น

เด็กสาวยิ้ม ไม่ทราบสิคะ เรื่องนี้ต้องถามพี่มัคเอง

พูดอย่างนี้เพราะรู้ดีว่า ตัวคนถามไม่กล้าตั้งปัญหากับมรรคาแน่ๆ

เอาเถอะ คุณแก้วพูดอย่างนี้ป้าค่อยโล่งอกหน่อย ป้าแฉล้มถอนใจ

จริงด้วย แม่แล่มจะได้ไปช่วยงานวันเกิดคุณพี่ได้อย่างสบายใจ คุณสุณีเสริม

แล้วคุณลุงจะจัดงานวันเกิดเมื่อไหร่คะ ปีกแก้วถาม

ศุกร์หน้านี่แหละ คุณสุณีตอบ

ดีจัง แก้วสอบเสร็จเป็นวันสุดท้ายพอดี

คุณแก้วเตรียมของขวัญหรือยังคะ ป้าแฉล้มถาม

ยังเลยค่ะ แก้วให้พี่มัคเป็นคนซื้อ ประหยัดตังค์ดี

ตอบแล้วจึงนึกได้ มรรคายังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมวันนี้งดเดินทาง แว่วๆ ว่าเขาจะไปพรุ่งนี้กับคุณพันเกลียว เท่าที่ดูจากเรื่องราวหลายๆ อย่างประกอบกันแล้ว ที่ตรงนั้นน่าจะผูกพันกับมรรคา...ถ้าเป็นไปได้ หล่อนไม่อยากให้เขาเข้าใกล้มันเลย


ห้องพระบ้านพันเกลียวค่อนข้างกว้าง มีขนาดใหญ่กว่าทุกห้อง ที่โต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เล็กเรียงรายลดหลั่นกันลงมา ด้านข้างจัดเป็นตู้เก็บอัฐิ มีรูปเก่าๆ ของบรรพบุรุษวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ฝาผนังตั้งตู้หนังสือแบบโบราณชิดติดมุมห้อง ภายในแน่นขนัดด้วยพระไตรปิฎกและหนังสืออีกหลากหลายชนิด อีกฟากของห้องมีหีบขนาดใหญ่วางเรียงรายซ้อนกันสองสามใบ กลางห้องปูพรมเรียบ

พันเกลียวก้มกราบพระก่อนจะหันมากราบตู้เก็บอัฐิ เงยหน้ามองภาพบิดาที่ตั้งอยู่ท้ายสุดในแถวรูปภาพ

ยาย ยังมีอะไรเกี่ยวกับพ่อที่ไม่ได้บอกฉันอีกไหม หญิงสาวถามลอยๆ ผู้ฟังเบื้องหลังมีสีหน้าอึดอัด

จนป่านนี้ ยายยังจะไม่บอกฉันอีกหรือ พันเกลียวหันขวับ วันนี้ยายก็เห็น เขา แล้วนี่ เหมือนในภาพนิมิตไหม เหมือนรูปในหนังสือที่ฉันเอามาให้ดูไหม

แท้จริงพันเกลียวรู้จักมรรคาจากนิตยสารที่ปีกแก้วลงบทสัมภาษณ์แต่แรก หล่อนจึงรับปากคุณสุณีไปไล่ผีที่บ้านเขา และบังเอิญคุณธมก็ติดต่อหล่อนผ่านทางภรรยาให้มาช่วยมรรคาเรื่อง เจ้าพ่อ เช่นกัน

เส้นทางสองสายบรรจบที่ชายหนุ่มในนิมิตจริงๆ

ใช่ ยายค่อยๆ ตอบ ใช่เขาจริงๆ

พันเกลียวจ้องหญิงชราตาเขม็ง

พ่อของคุณมีความรู้ด้านไสยะ อิทธิวิธีต่างๆ แต่ท่านไม่ใช่หมอผี คำพูดเริ่มหลั่งไหลออกมา ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม เคยถือผ้าขาวติดตามพระออกธุดงค์กลางป่าหลายครั้ง จนตอนหลังพบแม่ของคุณ ท่านจึงแต่งงานใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา

ครั้งหนึ่ง หลวงลุงซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านอาพาธหนัก ท่านจึงไปเยี่ยมพร้อมแม่ของคุณซึ่งตอนนั้นกำลังท้องอ่อนๆ อยู่ด้วย...กลับจากเยี่ยมหลวงลุง ท่านก็ดูแปลกไป พอคุณคลอด แม่คุณก็ตาย เวลานั้นพ่อคุณเสียใจมาก คิดจะออกบวชแล้วปล่อยให้ยายเลี้ยงคุณ...แต่ไปๆ มาๆ ท่านก็ไม่ทำพร้อมยังบอกว่า ท่านมีหน้าที่ สร้างคุณเพราะคุณมี สัญญา บางอย่าง ดังนั้นท่านจึงสอนวิชาต่างๆ อย่างที่คุณรู้ จนกระทั่งท่านตายไปโดยไม่ได้ออกบวช

สัญญา ของฉัน เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นใช่ไหม พันเกลียวถาม

อาจจะใช่ หญิงชราตอบช้าๆ สีหน้าเป็นทุกข์ ยายก็ไม่รู้เหมือนกัน พ่อแม่ของคุณตายเร็วเกินไป

พ่อเคยพูด หรือฝากอะไรถึงฉันอีกบ้างไหม พันเกลียวถามรัวเร็ว

อีกฝ่ายนิ่งคิดไปนาน ก่อนตอบอย่างไม่แน่ใจ

มีอยู่ครั้งนึง ท่านเคยพูดทำนองว่า...เพราะความสงสารของคุณ ทำให้ตัวเองต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัว คำพูดชะงักไปชั่วครู่ นี่อาจเป็นที่มาของชื่อคุณก็ได้...แต่ท่านก็ไม่เคยฝากอะไร ท่านว่า วิชาที่ท่านสอนคุณจะทำให้คุณเข้าใจที่มาทั้งหมดเอง

ดวงตาดำลึกของพันเกลียวฉายแววครุ่นคิด ตอนวิญญาณดวงนั้นทำให้มรรคาได้เห็น อดีต หล่อนและปีกแก้วพบเพียงไอหมอกขาว ร่างกายชาด้านไม่อาจขยับเขยื้อน พันเกลียวพยายามรวบรวมสมาธิ เพื่อควบคุมอำนาจของวิญญาณสาว แต่ก็ไร้ผล มีแค่เสียงกระซิบแว่วมาในโสตประสาท

ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามอำนาจข้าก่อนเถอะ เจ้าเองยังไม่รู้อะไร กระทั่ง สัญญา แห่งตนยังลืมเลือน เจ้าเคยบอกเองว่าจะยอมเข้าช่วยเหลือข้า...ไม่ใช่มีอำนาจเหนือ...

หญิงสาวขนลุกซู่ แสงวิบวับคล้ายประกายดาวฉายเรืองในความรู้สึก มันเป็นความยินดีกึ่งหดหู่ใจ หล่อนไม่รู้ว่าเคยสัญญากับใคร และเมื่อใด แต่เวลานี้หล่อนรู้แล้วว่าตนเอง...มรรคา และกะพ้อ มีสิ่งโยงใยต่อกันอย่างตัดไม่ขาด


รถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นท่ามกลางแดดแผดแรง ที่ดินรกร้างเริ่มถูกปรับไถ เนินสูงหญ้ารกทลายลงมาถมบริเวณแอ่งกระทะ แลไปลิบๆ จะเห็นบางส่วนของลวดหนามขึงไว้บอกอาณาเขต

ชายกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ข้างรถตู้ แผนผังที่ดินถูกกางไว้เบื้องหน้า หัวหน้าผู้รับเหมาอธิบายถึงผลการปฏิบัติงานให้กลุ่มผู้มาจากกรุงเทพฯ ฟังอย่างละเอียด ห่างออกไปหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนมองฝ่าเปลวแดดไปยังแนวดงไม้ที่เห็นอยู่ไม่ไกล คิ้วหล่อนขมวด ริมฝีปากเม้มสนิท

งานคืบหน้าดีนี่ มรรคาพูดเมื่อฟังคำอธิบาย มีปัญหาอะไรมั้ย

เล็กๆ น้อยๆ ครับ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีปัญหาอะไร

แล้วพวกชาวบ้านมาวุ่นวายอะไรบ้างหรือเปล่า ประสิทธิ์ถามอย่างสนใจ

แรกๆ ก็มีครับ ขู่จนพวกคนงานกลัวเหมือนกัน แต่พอทำๆ ไปถ้าไม่แตะต้อง ตรงนั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเลยค่อยกล้าทำงานกัน

ขณะที่จะพูดคุยกันต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของมรรคาก็ดังขึ้น

ขอโทษ ชายหนุ่มเลี่ยงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูด

มรรคาครับ เขากรอกเสียงลงไปสั้นๆ

แก้วนะคะ เสียงใสๆ ดังขึ้น ตอนนี้พี่มัคอยู่ไหนคะ

พี่กำลังคุยเรื่องงาน มีธุระอะไรมั้ยจ๊ะ เขารีบตัดบท

ตะกี้แก้วโทร.ไปหาพี่ที่ออฟฟิศ เลขาคนสวยเขาว่าพี่มัคออกต่างจังหวัดแล้ว

ใช่จ้ะ วันนี้แก้วสอบไม่ใช่หรือ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า

แก้วสอบเสร็จแล้วค่ะ วิชาเดียวเอง คืองี้ แก้วจะเตือนเรื่องซื้อของขวัญให้คุณลุงค่ะ

ฮื่อ...พี่จำได้

แล้วก็... เสียงจากปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ระวังตัวด้วยนะคะ

มรรคาชะงัก...เขารู้ว่าปีกแก้วห่วงเรื่องอะไร

แน่นอนจ้ะ

มรรคาเก็บโทรศัพท์แล้วเดินกลับสู่วงสนทนา เรื่องที่พูดคุยยังเกี่ยวกับงานปรับปรุงพื้นที่เตรียมการก่อสร้าง

ผมว่าอีกไม่ถึงเดือน เราคงปรับปรุงพื้นที่รอบนอกเสร็จ ส่วนบริเวณ ตรงนั้น คุณมัคจะว่ายังไงครับ หัวหน้าผู้รับเหมาเอ่ยถาม

รอไปก่อน มรรคาขบริมฝีปากตอบ...พันเกลียวจะจัดการ เจ้าพ่อ ได้หรือไม่ เขายังสงสัย

ผมคงให้คำตอบได้ก่อนงานด้านนอกจะเสร็จ ชายหนุ่มเสริม

ครับ หัวหน้าผู้รับเหมาตอบรับ

ประสิทธิ์มองนายช่างผู้คุมโครงการแล้วทำสีหน้าเป็นอันรู้กันว่า ปัญหาใหญ่ในงานครั้งนี้คืออะไร...

โอเค ตอนนี้มีปัญหาอื่นอีกมั้ย มรรคามองหน้าทุกคน ถ้าไม่มี ยังไงเดี๋ยวผมจะเข้าไปในดงไม้นั้น...ไปด้วยกันมั้ย ประสิทธิ์

คนถูกเรียกหน้าเฝื่อน

ผมว่าจะพานายช่างของเราไปดูพื้นที่ในโครงการก่อนครับ เผื่อมีปัญหาขัดกับแบบแปลนก่อสร้างยังไง เราจะได้มีเวลาแก้ไขแบบก่อนการก่อสร้างจริง พูดแล้วแทบกัดลิ้นตัวเอง

ถ้างั้นผมจะเข้าไปกับคุณพันเกลียว ชายหนุ่มพูดสั้นๆ หญิงสาวหันมาเมื่อได้ยินชื่อตนเอง

พร้อมมั้ย เขาถาม พันเกลียวพยักหน้า

สองหนุ่มสาวเดินลงจากถนน ตัดที่ดินรกร้างเข้าไปสู่แนวไม้เบื้องหน้า โดยมีเสียงกระซิบกระซาบตามหลัง

คุณมัคแกใจกล้าจังว่ะ ประสิทธิ์พูดกับนายช่าง

กลางวันแสกๆ อย่างนี้คงไม่มีอะไรหรอก

แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไหงมาร่วมคณะด้วย

ไม่รู้สิ คุณมัคแกแนะนำแค่ชื่อ นอกนั้นไม่ได้บอกอะไร

แฟนแกหรือเปล่า

บ้าน่ะสิ ใครจะกล้าพาแฟนตัวเองเข้าไปในที่แบบนั้น นอกจากจะหาเรื่องตัดสัมพันธ์เท่านั้นเอง


ซากของศาลเพียงตาหลงเหลือให้เห็นเพียงเศษไม้ไม่กี่ชิ้น พันเกลียวก้มลงมองก่อนเงยหน้าถาม

เป็นฝีมือของคุณใช่มั้ย

ชายหนุ่มผงกศีรษะรับ หญิงสาวเดินผ่านเศษไม้อย่างไม่สนใจ

คิดยังไงคุณถึงกล้ารื้อมัน หล่อนถามเรื่อยๆ

ไม่ได้คิด ชายหนุ่มตอบ อยากรื้อก็รื้อ

แต่มันเป็นการท้าทายอย่างร้ายแรงที่สุด พันเกลียวพูดพร้อมจ้องตาเขา ฉันยังแปลกใจว่าทำไมคุณได้รับการ ตอบโต้ แค่นั้น

มรรคามองดงไม้ ริมฝีปากกระตุกคล้ายจะยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มทอประกายจ้า

ถ้าจะมีใครให้คำตอบได้ ผมว่าเขาคงรอเราอยู่ในนั้น

พันเกลียวมองตามสายตาชายหนุ่ม จิตสัมผัสคลื่นพลังอันรุนแรงที่แผ่ออกมาจากด้านใน มือหล่อนกำแน่น กำหนดจิต พยายามรวบรวมสมาธิพูดสั้นๆ

เข้าไปกันเถอะ

เพียงก้าวแรกที่ย่างเข้าสู่อาณาเขตสีเขียว พันเกลียวสัมผัสถึงความผิดปกติทันที...แสงแดดที่แผดร้อนกลับคลายกำลังลงเหลือเพียงแดดอ่อนๆ ไม่ต่างจากตะวันใกล้ตกดิน ขนลุกกรูเกรียวทั้งๆ ที่พยายามตั้งสติมั่น

มรรคาพาหญิงสาวเดินไปตามทางเล็กๆ สู่ใจกลางของอาณาจักรสนธยา เขารู้สึกผิดปกติไม่ต่างจากหล่อน แต่ก็ไม่พูด ทั้งยังคิดว่า พันเกลียวอาจมีวิธีแก้อาถรรพณ์ได้

รอเดี๋ยว พันเกลียวเรียก มรรคาชะงัก ขอเวลาสักครู่

หญิงสาวหลับตา รวบรวมสมาธิ ใช้ปลายรองเท้าจิกพื้น ท่องคาถาสั้นๆ สองสามประโยค

พาฉันเข้าไปตรงกลางดงไม้ได้แล้ว พันเกลียวลืมตาบอก มรรคาทำตามโดยไม่ซักถาม


สองคนเดินกันไปเงียบๆ รอบข้างไร้สรรพเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหว สายลมยังหยุดพัก ยอดหญ้าแมกไม้นิ่งสนิทราวกับภาพวาด แสงสว่างลดน้อยลงไม่ต่างจากยามเย็น

มรรคาหยุดยืนหน้าต้นไทร เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดพาพันเกลียวมาที่นี่ แต่ตรงนี้ น่าจะ เป็นศูนย์กลางของดงไม้

หญิงสาวมองต้นไทรขนาดย่อมๆ ด้วยแววตาประหลาด กวาดสายตาผ่านกอหญ้าและต้นไม้รอบๆ แล้วรู้ทันทีว่าทุกสิ่งในบริเวณนี้ถูกควบคุมด้วยอำนาจที่มองไม่เห็น กฤตยามนต์ที่หล่อนกำกับไว้เมื่อแรกเข้ามาไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อ มันเลย

เรียก เขา มาคุยกันก่อนไหมคะ พันเกลียวถาม

คุณจะใช้วิธีเดิมหรือ ชายหนุ่มสงสัย

ไม่...ฉันคิดว่าสวดคาถาเรียกก็น่าจะได้ ดูท่าทางเขาก็อยากแสดงตัวเหมือนกัน

เอาสิ เขาตอบรับสั้นๆ

หญิงสาวประนมมือไปทางทิศตะวันออก เริ่มสวดคาถาภาษาแปลกๆ มรรคายืนกอดอก ตั้งสติ อะไร จะเกิดต่อจากนี้ เขาพร้อมจะรับมัน

เสียงสวดรัวเร็ว กระชั้น ประกอบด้วยคำสั้นๆ มาเรียงร้อยจนยืดยาว จังหวะขึ้นลงสูงๆ ต่ำๆ แต่ยังไม่ทันที่กระแสเสียงจะซาลงไป พายุใหญ่ก็กรรโชกเข้ามารุนแรงโดยไม่รู้ตัว

ซ่า...ครืน... แมกไม้เอนลู่เหมือนจะหลุดถอน หญ้าราบเป็นแนวกว้าง เม็ดฝนขนาดใหญ่ซัดเป็นแผงๆ หนักอึ้ง ไม่ต่างจากเม็ดกรวด

เส้นผมยาวสลวยของพันเกลียวปลิวสะบัด ราวกับเป็นคลื่นสีดำกลางทะเลบ้า หญิงสาวยืนนิ่งเหมือนขาถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นดิน ท่วงทำนองการสวดเปลี่ยนไป จากกระชั้นรัวเร็วเป็นทอดยาว นุ่มเนิบทว่าหนักแน่นเต็มไปด้วยพลังอำนาจ

มรรคายกมือป้องกันเม็ดฝน ย่อตัวเล็กน้อยเพื่อต้านต่อแรงพายุ ในครั้งแรกเขาคิดจะหมอบราบหลบแรงลม แต่เห็นพันเกลียวยังยืนนิ่งไม่รู้สึกรู้สมต่อความวิปริตของอากาศ เขาจึงเกิดแรงฮึด ต้องการเอาชนะ...ขนาดผู้หญิงยังไม่ยอมล้ม เขาจะยอมได้อย่างไร

สายลมยังไม่ขาดหาย เสียงหัวเราะกระหึ่มก็ดังแทรกขึ้นมาจากแผ่นดิน

ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า... มันเป็นเสียงหัวเราะที่มรรคาได้ยินคราวระลึกถึงอดีตครั้งล่าสุด

ชายหนุ่มหยีตาฝ่ากำแพงฝนเพื่อหาต้นเสียง แต่แล้วกลับพบร่างสูงใหญ่ดำมะเมื่อม ใบหน้าชาด้านผุดขึ้นมาโอบล้อมพวกเขาไว้ ชายหนุ่มหมุนคว้าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ต่างมีเจ้าตัวนี้เรียงรายเต็มไปหมด

ทุกร่างมีขนาดสัดส่วนร่างกายเท่ากัน ใบหน้าแห้งตายซากเหมือนๆ กัน พวกมันแค่ยืนนิ่งๆ ก็คุกคามและกดดันประสาทเขาให้เกิดความหวาดกลัวได้ไม่ยาก

เสียงสวดของพันเกลียวช้าลงๆๆ จนนิ่งเงียบในที่สุด สายฝนทิ้งตัวระลอกสุดท้าย พายุหยุดกระหน่ำ ใบไม้ไม่เคลื่อนไหว แต่เสียงหัวเราะเดิมยังกระหึ่มก้องจนแผ่นดินสะเทือน แทบจะปริแยก

พันเกลียวลืมตา มรรคาเหยียดกายยืนเต็มร่าง สติกลับคืน เขาสูดลมหายใจ นัยน์ตาพันเกลียวทอประกายเจิดจ้ามั่นใจ

เรียกนายของพวกเอ็งมา หญิงสาวตวาดก้อง เสียงหัวเราะพลันขาดหาย เหล่าอสุรกายค่อยๆ ขยับเข้ามาช้าๆ มรรคาถอยร่นจนไปยืนเคียงข้างหญิงสาว

หยุด พันเกลียวใช้ปลายเท้าจิกพื้นพร้อมตวาด ปิศาจเหล่านั้นหยุดชะงักไม่ผิดกับตุ๊กตาหมดลาน

เรามีเรื่องที่ต้องพูดกัน หญิงสาวร้องบอก คำตอบที่ได้คือความเงียบ

มรรคามองท้องฟ้า เห็นพยับเมฆสีเทาแก่กำลังเคลื่อนเข้ามาปกคลุม ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นสีเงินยวง แสดงความพร้อมรบ อากาศรอบตัวชื้นเหนียวและเย็นลงเรื่อยๆ แสงสว่างเหลือน้อยเต็มที โลกสนธยาถูกปกคลุมด้วยอำนาจที่มองไม่เห็น

คุณต้องการอะไร เขาถามเสียงไม่เบา ไม่ดัง

คราวนี้มีเสียงคำรามแปลกๆ คล้ายเสียงหัวเราะ คล้ายเสียงฟ้าร้องดังตอบออกมา

คึ่ก...คึ่ก...คึ่ก... ชายหนุ่มยืดกาย นัยน์ตาเจิดจ้า ความหวาดกลัวที่เหมือนตะกอนในใจคลายลง

บอกผมสิ คุณต้องการอะไร เขาถามอีกครั้ง

เจ้าถามหรือว่าข้าต้องการอะไร...ฮ่า...ฮ่า... เสียงตอบดังแหลม บาดหู ฤๅเจ้าลืมไปแล้วว่าเคยให้สัจจาใดไว้กับข้า

สัญญาอะไร มรรคาพยายามเค้นสมองคิด

ข้าส่งไอ้หมอผีกับอีกะพ้อไปเพื่อรื้อฟื้นสัญญาของเจ้า หรือว่ามันทั้งสองทำงานไม่ได้ผลเลย

กะพ้อ...ชื่อนี้จารึกในใจมรรคาตั้งแต่แรกที่ได้ยิน

แล้วแกเป็นใคร พันเกลียวส่งเสียงขึ้นบ้าง คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ดังไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตา

มรรคาพยายามทำใจให้สงบ เรียบเรียงทุกเรื่องทุกสิ่งที่ผ่านมาเข้าไว้ด้วยกัน ปัญหาบางข้อคลี่คลายลงในขณะที่บางข้อตีบตัน

หรือว่าแกเป็น เจ้าพ่อ อย่างที่ชาวบ้านเขานับถือกันจริงๆ หญิงสาวยังพูดต่อ

ฉับพลัน มรรคาเงยหน้าขึ้น ประกายตาวาววับ มองยังต้นไทรกลางป่าหญ้า

มันไม่ใช่เจ้าพ่อ เขาพูดเสียงเรียบ มันคือ จ้าว ที่ครั้งหนึ่ง เคยควบคุมบงการเป็นเจ้าชีวิตชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเอาไว้

เวลานี้ ไม่ใช่การตกลงใจเชื่อหรือไม่เชื่อความฝันของตน ทุกสิ่งกำลังเข้ารูปรอยของมัน...ขณะนี้ ภาระอันใหญ่หลวงกำลังรอคอยเขาอยู่

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP