กระปุกออมสิน Money Literacy
อย่านอนใจ ภัยบัตรเครดิต
โดย North Star
ตั้งใจไว้นานแล้วค่ะ ว่าจะเขียนเรื่องภัยบัตรเครดิต
พอดีเพื่อนสนิทเล่าให้ฟังว่าเพิ่งโดนกับตัวเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ก็เลยมีข้อมูลจริงจากเหยื่อซึ่งเป็นคนใกล้ตัวมากๆ มาแบ่งปันคุณผู้อ่านกันค่ะ ^_^
คุณณัฐ(นามไม่สมมุติ) เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า
ขณะที่กำลังนอนเล่นอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ที่บ้าน
ก็มีโทรศัพท์จากผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารบัตรเครดิตที่ถืออยู่
ติดต่อเข้ามา อ้างว่าต้องการอัพเดทฐานข้อมูลผู้ใช้บัตร
และพยายามสอบถามเลขที่บัตรประชาชน
คุณณัฐเอะใจจึงสอบถามชื่อและนามสกุลของผู้ที่โทรมา
ปรากฏว่าปลายสายอึกอัก และแจ้งเฉพาะชื่อ ไม่บอกนามสกุล
คุณณัฐจึงตัดบท บอกว่าไม่สะดวกคุยตอนนี้
เมื่อวางสาย ก็รีบโทรกลับไปเช็คที่ธนาคาร
ผลเป็นไปตามคาดค่ะ คือธนาคารไม่ได้ติดต่อมาเลย
เกือบไปแล้ว +_+
เป็นอันว่า ครั้งนี้คุณณัฐรอดมาได้ด้วยไหวพริบส่วนตัว
และความผิดพลาดของมิจฉาชีพเองที่ไม่แนบเนียนพอ
แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เราจะทราบได้อย่างไรว่าเหยื่อรายต่อไปจะไม่ใช่เรา
ดังนั้น ฉบับนี้จึงขอรวบรวมกลโกงและวิธีป้องกันมาบอกกล่าวเล่าขานกันสักหน่อยค่ะ ^_^
ก่อนอื่น เรามาดูกันก่อนนะคะ ว่ากลโกงที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง
• ขโมยข้อมูลเจ้าของบัตร โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ติดต่อหาลูกค้า
แล้วเอาข้อมูลไปทำการปลอมแปลงบัตรขึ้นมาใหม่
(ที่คุณณัฐโดน คาดว่าจะเป็นกรณีนี้ค่ะ)
• ร้านค้าเจตนาทุจริต โดยการรูดบัตรเกินราคา หรือทำรายการซ้ำหลายครั้ง
• ปลอมบัตรด้วยเครื่อง skimmer ซึ่งเป็นอุปกรณ์อ่านข้อมูลบนแถบแม่เหล็ก
และคัดลอกข้อมูลส่วนตัวที่บันทึกในแถบแม่เหล็กบนบัตร
แล้วนำข้อมูลไปทำบัตรปลอม
ข้อแนะนำในการป้องกันกลโกง
๑) ระวังการทิ้งสลิปบัตรเครดิตในที่สาธารณะ
หากต้องการทิ้งจริงๆ ให้ฉีกละเอียดจนไม่สามารถทราบเลขที่บัตรได้
เพราะข้อมูลเหล่านี้ มิจฉาชีพสามารถนำมาใช้ได้ค่ะ
๒) ข้อมูลสำคัญส่วนตัว เช่น เลขที่บัตรประชาชน เลขที่ใบขับขี่ และเอกสารสำคัญอื่นๆ
ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัย และไม่มอบให้กับผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจนะคะ
๓) หลีกเลี่ยงการใช้บัตรกับร้านค้าที่มีความเสี่ยงกับการถูกกลโกงแบบ skimming
หากจำเป็นต้องใช้ ให้อยู่กับพนักงาน ณ จุดที่ทำรายการด้วยทุกครั้งค่ะ
๔) ตรวจสอบความถูกต้องของรายการใช้จ่ายในสลิปบัตรเครดิตทุกครั้ง
และเก็บสำเนาสลิปไว้เพื่อตรวจสอบกับใบแจ้งยอดบัญชี ว่าถูกต้องและตรงกันหรือไม่
หากพบรายการผิดพลาดให้แจ้งผู้ออกบัตรทันทีค่ะ
๕) การเลือกซื้อสินค้าและบริการทางอินเตอร์เน็ต ควรเลือกเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น
และไม่ควรใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตสาธารณะ เช่น อินเตอร์เน็ตคาเฟ่
เพราะข้อมูลอาจถูกโจรกรรมได้ค่ะ
๖) จดหมายเลขบัตรเครดิตและเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์บริการบัตรติดตัวไว้เสมอ
หากบัตรหายให้แจ้งระงับทันที
จากประกาศของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่า
• ผู้ใช้งานบัตรเครดิตสามารถระงับการใช้บัตรชั่วคราวทางโทรศัพท์
โดยแจ้งมายังศูนย์บริการลูกค้า สถาบันการเงินจะต้องระงับการให้บริการทันที
หรือไม่เกิน ๕ นาทีหลังจากที่ได้รับแจ้ง
จากนั้น ผู้บริโภคไม่ต้องรับผิดชอบภาระหนี้ใดๆ หลังการแจ้ง หรือภายใน ๕ นาที
เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของผู้บริโภคจริง
• หากผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือบริการตามที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้
สามารถทักท้วงขอระงับการเรียกเก็บเงินได้ทันที
เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของผู้บริโภคจริง
จึงสามารถเรียกเก็บเงินย้อนหลังได้
หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามร้องเรียน
สามารถติดต่อได้ที่ กองคุ้มครองผู้บริโภค ๐๒ – ๖๒๙๗๐๖๑ – ๓
หรือสายด่วนผู้บริโภค ๑๑๖๖ ค่ะ ^_^
แรกเริ่มเดิมที บัตรเครดิตถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
และผู้ที่ต้องเดินทางไกล เพื่อไม่ต้องพกพาเงินสดเป็นจำนวนมากๆ ติดตัวให้เป็นอันตราย
ต่อมา บัตรเครดิต กลายเป็นบัตรเงินกู้ ที่ผู้ถือบัตรมีสิทธิ์กู้มาใช้ก่อน แล้วค่อยๆ ผ่อนคืนทีหลัง
ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ใช้จะต้องมีวินัยอย่างมากในการใช้งาน
บัตรเครดิตจึงจะเป็นบัตรเพื่ออำนวยความสะดวกอย่างแท้จริง
แต่หากผู้ใช้ขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ และไม่รู้จักควบคุมกิเลสแล้วล่ะก็
ความสะดวกสบายดังกล่าว จะนำมาซึ่งความสะบักสะบอมในที่สุดนะคะ ^^”
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใช้บัตรเครดิต โปรดถามตัวเองทุกครั้งว่า
เรามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ตรงเวลาหรือไม่
และสามารถควบคุมและจัดการกับกิเลสของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน
หาคำตอบดีๆ ให้ตัวเองได้แล้ว จึงค่อยตัดสินใจค่ะ
สุขสันต์วันปลอดดอกเบี้ยนะคะ (^^,)
< Prev | Next > |
---|