กระปุกออมสิน Money Literacy

กลยุทธ์หลุดหนี้ (ตอนที่ ๒)

โดย North Star

“การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก” ประโยคนี้เป็นพุทธพจน์นะคะ (-/\-)
และนี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันว่า ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นจริงเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลค่ะ
คนเป็นหนี้คงเข้าใจพุทธพจน์นี้ดี ว่าการเป็นหนี้นั้นเป็นทุกข์อย่างไร

กลยุทธ์หลุดหนี้ตอนที่แล้ว เป็นขั้นของการวางแผนจัดการหนี้
สำหรับฉบับนี้ จะขอลงลึกถึงขั้นของการปฏิบัตินะคะ
พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ ฉบับนี้เราจะมาคุยกันว่า
จะทำอย่างไรให้หนี้ที่มีอยู่ สร้างปัญหาให้เราน้อยที่สุดค่ะ ^_^

๑. เริ่มที่ตัวเองก่อน

สำรวจตัวเองก่อนว่า เรามีรายจ่ายส่วนตัวอะไรบ้างที่ถือเป็นรายจ่ายฟุ่มเฟือย
เมื่อลดละเลิกแล้ว สามารถนำเงินตรงนี้มาจ่ายหนี้บางส่วนได้
จากคำสารภาพของนักดื่มและเที่ยว(กลางคืน) มีคนยอมรับว่า เมื่อเลิกเที่ยวอย่างเด็ดขาด
เขาประหยัดเงินได้ปีละหลายหมื่นบาท และสามารถนำมันมาปลดหนี้ได้จริงค่ะ ^_^

๒. หาทื่ปรึกษา

อย่าแบกปัญหาไว้เพียงลำพัง การวางแผนจัดการหนี้ จำเป็นต้องมีที่ปรึกษา
อาจเป็นเพื่อน ญาติ นักการเงิน นักกฎหมาย องค์กรหรือชมรมต่างๆที่มีบริการให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้
นอกจากนี้ การได้เล่าปัญหาให้ผู้อื่นฟัง ยังเป็นการช่วยด้านจิตใจอีกด้วย
การได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ แม้ปัญหาจะยังไม่ได้ถูกแก้ให้ลุล่วงไป แต่ก็ทำให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น
และเมื่อความว้าวุ่นใจลดลง การแก้ปัญหาก็จะทำได้อย่างมีสติมากขึ้นค่ะ ^_^

๓. โอนหนี้

มองหาแหล่งสินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าเพื่อลดภาระหนี้สินลง เช่น สหกรณ์ หรือกองทุนสวัสดิการต่างๆ ขององค์กรที่สังกัดอยู่
นอกจากนี้ หากใครที่มีหนี้หลายก้อน สามารถทำการรวมหนี้จากหลายบัญชีเข้ามาอยู่ในบัญชีเดียว
แล้วผ่อนชำระใหม่ด้วยยอดชำระต่องวดที่น้อยกว่าเดิม และระยะเวลาที่ขยายกว่าเดิม
นับว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้ลูกหนี้หายใจได้สะดวกขึ้นค่ะ ^_^
วิธีการและรายละเอียด สามารถสอบถามจากเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินต่างๆ ได้ค่ะ
เจ้าหน้าที่จะยินดีให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี เพราะการโอนหนี้ถือเป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่สถาบันการเงินต้องการโปรโมตอยู่แล้วค่ะ

๔. เจรจาประนอมหนี้

สำหรับผู้ที่พยายามหาทางออกอื่นๆ แล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่าเพิ่งท้อแท้และคิดว่าหมดหนทางนะคะ
ให้ทำใจแข็งๆ คุยกับเจ้าหนี้ตรงๆ เพื่อขอประนอมหนี้เลยค่ะ
การเจรจาประนอมหนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องต่อไปนี้ค่ะ
- ขอลดยอดหนี้ลงบางส่วน
- ขอขยายเวลาชำระหนี้
- ขอลดจำนวนเงินที่ผ่อนชำระในแต่ละงวด
- ขอลดหย่อนค่าปรับกรณีผิดนัด
- ขอยกเว้นดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือทั้งหมด
- ฯลฯ

ทั้งนี้ เจ้าหนี้จะยินยอมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการแสดงความจริงใจของลูกหนี้นะคะ
โดยทั่วไป หากลูกหนี้แสดงความตั้งใจที่จะรับผิดชอบหนี้อย่างจริงจัง ไม่คิดหนี
เพียงแต่มีเหตุจำเป็นให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขเดิม เจ้าหนี้มักยินยอมค่ะ
เพราะถือว่าต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ เจ้าหนี้ก็ได้เงินคืน
ส่วนลูกหนี้ก็ได้เงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมมากค่ะ

ข้อควรรู้เมื่อเป็นลูกหนี้

• ข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ จะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลของเครดิตบูโร (Credit Bureau)
ไม่เกิน ๓๖ เดือนสำหรับบุคคลธรรมดา และไม่เกิน ๖๐ เดือนสำหรับนิติบุคคลค่ะ
ดังนั้น หากใครที่เคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ดูไม่ค่อยสวยงามนัก ก็ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลนี้จะกลายเป็นมลทินไปตลอด
จนทำให้ขอสินเชื่อใดๆไม่ได้อีกนะคะ
เมื่อไหร่ที่คุณกลับมาเป็นลูกหนี้ที่ดี ทำประวัติการชำระหนี้ให้เป็นปรกติ ชำระหนี้ตามกำหนด
ประวัติที่ไม่ดีก็จะไม่ปรากฏอีกเมื่อพ้น ๓๖ เดือน หรือ ๖๐ เดือนไปแล้วค่ะ ^_^

• คดีเกี่ยวกับหนี้สิน เป็นคดีแพ่ง ที่ไม่มีการจับกุมหรือมีโทษให้ต้องจำคุก
ดังนั้น หากคุณเป็นลูกหนี้ที่ถูกฟ้องร้อง ก็อย่าเพิ่งตกอกตกใจจนเกินไปนะคะ
ถ้ามองกันจริงๆ แล้ว การที่เรื่องถึงศาล อาจเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำไป เพราะทั้งสองฝ่ายจะได้รับความยุติธรรมจากศาล
โดยเฉพาะตัวลูกหนี้เอง ก็จะได้รับการพิจารณาให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราที่เป็นธรรม
ตลอดจนได้รับการขยายเวลาของการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น ลูกหนี้มักจะสบายใจขึ้นเพราะได้เงื่อนไขการชำระหนี้ที่ยืดหยุ่นขึ้นค่ะ ^_^

• การคิดพึ่งพาหนี้นอกระบบ โดยหวังว่าจะนำมาแก้ปัญหาหนี้ในระบบนั้น
นอกจากจะไม่ใช่ทางออกที่ดีแล้ว สุดท้ายอาจจะกลายเป็นทางตันได้นะคะ
เพราะโดยทั่วไป หนี้นอกระบบมักจะมีดอกเบี้ยสูง และเจ้าหนี้นอกระบบก็มักจะเล่นนอกกติกา
ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากนอกเหนือจากปัญหาเรื่องหนี้สิน
ซึ่งก็คงได้เห็นตัวอย่างจากข่าวคราวตามหน้าหนังสือพิมพ์กันบ่อยๆ แล้วนะคะ ดังนั้นขอให้เลี่ยงวิธีนี้ค่ะ

การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องน่าละอาย การหลบเลี่ยง ไม่จ่ายหนี้ต่างหากล่ะคะที่น่าละอาย
ชาวพุทธนิยมการเผชิญกับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นเมื่อมีหนี้เกิดขึ้นแล้ว วิธีจัดการก็คือ
ยอมรับว่าปัญหานั้นมีอยู่จริง มันเกิดขึ้นแล้ว และเราจะแก้ไขมันอย่างมีสติค่ะ

และโปรดจำไว้ว่า ไม่ว่าปัญหาหนี้หรือปัญหาไหนๆ ก็ไม่มีค่าพอแก่การยอมเสียกำลังใจนะคะ
ใจของเราคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรักษาให้แข็งแกร่งอยู่เสมอค่ะ

ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง มีสติรักษาใจ ฝ่าฟันทุกปัญหาไปได้ด้วยใจที่มั่นคงค่ะ ^_^

---

แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ