ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

สร้างกรรมอย่างไรให้มีลูกน้องที่ดี



ถาม – ผมมักมีปัญหากับลูกน้องในที่ทำงาน คือลูกน้องไม่ค่อยทำตามคำสั่ง
แล้วก็มีที่ลาออกแบบทิ้งงานกลางคันบ่อยๆ
แบบนี้เกิดจากกรรมเก่าหรือเปล่าครับ แล้วจะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไร



ในเรื่องเกี่ยวกับการมีลูกน้องไม่ดีหรือว่าบริวารไม่ดีนะ
ทางพุทธศาสนาก็ให้ความสำคัญไว้ว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการที่เราไม่เคยเฉลี่ยบุญให้ผู้อื่น
เรื่องเกี่ยวกับบริวารนะ อันนี้พูดคลุมก่อนนะเดี๋ยวค่อยวกกลับเข้ามาที่ตัวโจทย์นะครับ
คำว่า
‘บริวารดี’ หมายความว่าเป็นผู้ที่มีความเมตตา มีความกรุณา
มีความต้องการ มีความปรารถนาที่จะเฉลี่ยบุญให้ผู้อื่น
หรือว่ามีความยินดีในบุญ ในความเจริญ ในความเป็นกุศลของผู้อื่น
คือคำว่า ‘ยินดีในบุญของผู้อื่น’ มันเหมารวมหมดเลย กินความได้ครอบคลุม
ทั้งในเรื่องของการเห็นคนอื่นได้ดีแล้วส่งเสริม
กับการที่เห็นคนอื่นยังไม่ได้ดีแล้วเราก็ไปช่วยช้อนขึ้นมา
หรือไม่ก็เรามีดีอยู่ เราไปเฉลี่ยให้คนอื่น


ยกตัวอย่างเช่น ที่คนไทยมักเข้าใจผิดกันก็คือว่ามาบอกบุญ
ด้วยการที่ว่าเราไปทำบุญอะไรมา เสร็จแล้วบอกว่า เอ้า ช่วยกันอนุโมทนาก็แล้วกันนะ
เสร็จแล้วไม่เล่าอะไรเลย ไม่พูดถึง ไม่จาระไน ไม่บรรยายบรรยากาศการบุญอะไรทั้งสิ้น
คนฟังเขาก็ฟังแล้วแห้งแล้ง อย่างนั้นไม่ใช่เรียกว่าเป็นการเฉลี่ยบุญ
แต่ถ้าหากว่าเรามาพูดให้ฟัง เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เราไปทำดีอะไรมา
แล้วทำให้เขามีจิตใจที่แช่มชื่น มีจิตใจที่ยินดีตามเราไปด้วยนะ
ไม่ใช่อวดบุญ ไม่ใช่การมารีดไถเพื่อนพ้องน้องพี่
แต่ว่าเป็นการมาทำให้เขาเกิดความชื่นชม
เกิดความยินดีในบุญที่เราได้ทำ
พลอยทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะเอาเป็นแรงบันดาลใจแบบนั้นบ้าง
อย่างนี้เรียกว่าเฉลี่ยบุญ



ถ้าหากว่าเขามีกำลังใจขนาดที่ว่าอยากทำแบบเราเลย
ร่วมกับเราแล้วเอ่ยปากทำเองนะ ขอทำเอง
อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการปลุกกำลังใจของเขาได้เต็มที่แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

ให้ได้บุญเท่ากับเรา หรือถ้าจะเอาแบบที่เต็มที่ที่สุดนะ
ก็คือว่ามีการสร้างโบสถ์ สร้างศาลา แล้วเรามาเปรยให้ฟัง
แต่ไม่ใช่มาบอกนะว่า เอาซองมายัดใส่มือแล้วก็บอกให้ทำเท่านั้นเท่านี้อะไรต่างๆ
อย่างนี้มันไม่ใช่การเฉลี่ยบุญ
มันเป็นการมาโปรยบาป มาโปรยยาพิษให้เขาเกิดอกุศลจิต
มาเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันนะว่าถ้าวัดมีการก่อสร้างอะไรต้องเป็นภาระของเขาเหรอ
ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมทำจะเรียกว่าเป็นคนบาปอะไรแบบนั้น
นี่มันกลายเป็นเรื่องของการยัดเยียดบาปให้ผู้อื่นไป
แต่ความหมายของการเฉลี่ยบุญ
คือทำอย่างไรให้เขามีใจยินดีที่จะสร้างบุญเป็นที่พึ่งของตัวเอง
หรือไม่ก็เขากำลังเดือดร้อน แล้วเราไปช่วยให้เขาหายจากความเดือดร้อน
อย่างนี้เรียกว่าเป็นการเอาบุญเอาความสุขไปให้เขา


ผู้ที่มีบารมีในเรื่องของการเฉลี่ยบุญมากๆ ก็จะมีลูกน้องที่ดีนะ
ส่วนผู้ที่อาจจะไม่ได้สั่งสมบารมีในทางทำให้ผู้อื่นเป็นสุข ไปเบียดเบียนผู้อื่นเขาเป็นประจำ
หรือว่าไปทำให้ใครต่อใคร เขาไม่ได้เจริญในเส้นทางความสุข เส้นทางของบุญ เส้นทางของกุศล
มันก็จะมีผลให้บริวารนี่อาจจะมีปัญหาหรือว่าบริวารเป็นพิษ
หรือว่าทำให้ลักษณะของผู้นำมันไม่เกิดไม่เปล่งประกายอะไรแบบนี้


ผู้ที่จะมีลักษณะของผู้นำเปล่งประกายออกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเลย
อันนี้คือของคุณผู้ถามอาจจะมีประกายของผู้นำอยู่นะ
แต่ผมพูดโดยรวมนะว่าลักษณะที่จะทำให้เกิดคาริสม่า (
Charisma) ของผู้นำ
คือต้องเคยเป็นผู้มีน้ำใจเสียสละมาก่อน
แล้วก็มีความริเริ่ม เป็นผู้ริเริ่มในการบุญการกุศล

สามารถที่จะพาให้ใครต่อใครเกิดกำลังใจไปในเรื่องของคุณงามความดีได้
อันนี้แหละที่จะก่อให้เกิดคาริสม่าของผู้นำ



ทีนี้เราก็ลองมาพิจารณาคำตอบดู ที่มันเกี่ยวข้องกับโจทย์
ถ้าหากว่าเราต้องการให้ใครเขาทำตามคำสั่ง หรือว่ามีความรับผิดชอบกับงาน
อย่างหนึ่งที่มันอาจจะต้องมาสร้างกันใหม่ คงไม่พูดถึงเรื่องของของเก่านะ
ก็คือว่าทำอย่างไรเราจะทำให้ลูกน้องหรือว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดจิตสำนึก
ซึ่งต้องยอมรับตามจริงนะว่าคนในยุคนี้
เรื่องของจิตสำนึกหรือว่าสามัญสำนึกมันค่อนข้างจะน้อย ลดน้อยถอยห่างไป
มีแต่เจ้านายมีแต่หัวหน้ามาบ่นเล่าสู่กันฟังนะ
ว่าทำไมเด็กจบใหม่สมัยนี้หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานมาเก่าๆ
มันมีความรับผิดชอบน้อยลงกันทุกที จะเอาตัวรอดกันอย่างเดียว จะโยนโทษให้คนอื่นท่าเดียว
แล้วก็มีแต่ว่าภาระมานี่ พยายามปัดให้คนอื่น พยายามที่จะส่งต่อให้คนอื่น
ไม่ขวนขวาย ไม่เอาใจใส่ ขาดความรู้สึกว่าตัวเองจะต้องไปรับผิดชอบกับสิ่งที่ต้องทำ
มันมีแต่คนบอกว่าขอรับประโยชน์ แต่ไม่มีคนที่จะยกมือขึ้นมาส่งเสียงบอกว่า
ผมขอทำประโยชน์ ดิฉันขอเป็นประโยชน์กับองค์กร มันไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้


ทำอย่างไรถึงจะสร้างจิตสำนึกขึ้นมาได้นะ
ตรงนี้ก็ต้องในเรื่องของการคัดคนเข้างาน มันต้องเริ่มตั้งแต่ตรงนั้นเลย
เพราะว่าพูดกันตรงๆ คือจิตสำนึกนี่สร้างไม่ได้นะ
มันเป็นอะไรที่เราไปบังคับไปเค้นคอคนอื่นเขาไม่ได้
ถ้าหากว่าเราไม่ใช่ฝ่ายที่คัดคน
ที่จะดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะก็คือเป็นตัวอย่าง เป็นผู้นำในทางดี
ในทางที่มีความรับผิดชอบ ในทางที่เข้มแข็ง ขวนขวาย กระตือรือร้น
จนกระทั่งคนอื่นเห็น ลูกน้องเห็นแล้วเกิดแรงบันดาลใจ
มีพลังบันดาลใจที่จะเอาดีตาม
อันนี้เป็นที่สุดที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด ครอบคลุมที่สุด



ถ้าหากว่าเราเป็นแรงบันดาลใจก็แล้ว เราขยันให้เขาดูก็แล้ว รับผิดชอบให้เขาดูก็แล้ว
แล้วเขาไม่สามารถที่จะรับอะไรอย่างนั้นได้
อันนี้ก็ต้องยอมรับตามจริงไปว่ามันเป็นกรรมของแต่ละคน มันช่วยไม่ได้จริงๆ นะ
แล้วก็ในส่วนของเราเองเพื่อที่จะให้ต่อไปในกาลต่อไปมีลูกน้องที่ดีกว่านี้นะ
ก็คงต้องทำอย่างที่ว่ากันไว้ที่คุยกันไว้ตั้งแต่เริ่ม นั่นก็คือหมั่นเฉลี่ยบุญ
แล้วก็มีความเป็นผู้ริเริ่ม แล้วก็สามารถจะเป็นแรงบันดาลใจ
กระตุ้นให้คนอื่นอยากเอาดีบนเส้นทางสว่าง บนเส้นทางที่เป็นกุศลตามเรานะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP