ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ตั้งใจรักษาศีลแต่มักถูกชวนให้ร่วมวงนินทา จะวางตัวอย่างไรดี



ถาม - พอมาเริ่มดูกายดูใจและตั้งใจจะรักษาศีล ๕ ไม่ให้ด่างพร้อยโดยเฉพาะทางด้านวาจา
เวลาใครพูดอะไร เราจึงพยายามจะไม่ร่วมวงอภิปรายด้วยเพราะกลัวผิดศีล
แบบนี้จะทำให้คนอื่นมองเราว่าแปลกหรือไม่และควรวางตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุดคะ


แน่นอนครับ มองเราว่าเป็นคนที่พยายามจะแปลกแยกแน่นอนนะ
คือคนทางโลก อย่างไรก็ไม่สามารถจะเข้าใจ
แล้วคนคนหนึ่ง ไม่สามารถที่จะเอาความในใจ หรือว่ารายละเอียดในชีวิตของตัวเอง
ไปบอกไปกล่าวให้ใครต่อใครทั้งโลก เขามีความเข้าใจในตัวเราได้
ก็ไม่ต้องไปพยายามทำให้เกิดความเข้าใจ
แต่ว่าในขณะเดียวกันถนอมน้ำใจนิดหนึ่ง รักษาความรู้สึกของคนรอบข้างไว้ก็แล้วกันนะ
คือถ้าเขาชวนพูดด้วยนะ เราก็พูดด้วย
แต่ถ้าเขาชวนพูดเรื่องคนอื่น เราก็อาจจะชวนพูดเรื่องที่มันมีสาระมากกว่านั้นนะครับ
อันนี้ก็ง่ายๆ เลย หลักการนะเพื่อที่จะให้รู้สึกว่าเราไม่เป็นที่แปลกแยกมากเกินไปในสังคม


หลักการง่ายๆ ก็คือเวลาที่ใครเขาทักทายมา เรามีไมตรีจิต
ตั้งต้นก่อนเลยนะด้วยไมตรีจิตนี้ เราจะตอบคำไหนไปก็แล้วแต่
จะเลี่ยงไม่ให้เป็นไปตามประเด็นที่เขาตั้งป้อมมาจะนินทาใครนะ

หรือว่าจะเป็นการเหมือนกับพูดแบบถามคำตอบคำ ในเรื่องที่เขามาเปิดประเด็นไว้อะไรแบบนี้นะ
ถ้าหากว่าจิตของเราตั้งไว้ว่า เออ นี่เป็นไปเพื่อการปฏิสันถาร เป็นไปเพื่อความมีไมตรีจิต
เขาก็จะรู้สึกว่า เออ เรายังมีไมตรีกับเขาอยู่ ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเขาอยู่
ถึงแม้ว่าจะไม่เข้ามาคลุกคลีสนิทด้วย อันนั้นก็เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติ
ถ้าหากว่าเขาอยากพูดเรื่องไหน แล้วเราไม่ต้องการพูดเรื่องนั้น
ส่วนใหญ่ก็จะเข้ากันไม่ได้ ไม่สามารถคุยกันได้



ซึ่งถ้ามองตามหลักที่พระพุทธเจ้าท่านให้ไว้ตัดสินนะ
การไม่เสวนากับคนมีศีลต่ำกว่า
หรือว่าไม่เสวนากับคนที่มีธาตุนิสัยในทางที่จะดึงเราลงต่ำ ถือว่าเป็นมงคล
คือเราไม่ได้ไปเหยียดเขาว่า เขาเป็นคนไม่ดีเป็นคนเลว
หรือว่าเป็นอะไรชั้นต่ำกว่าเรา อยู่ในวรรณะที่ไม่สมควร ไม่คู่ควรที่จะไปเจรจาด้วย
แต่เราระลึกตามหลักของพระพุทธเจ้าว่าคุยกับใครนะ ใจก็เป็นแบบนั้น


แล้วมันจริงๆ นะสังเกตคือต่อให้เรามีจุดยืนอย่างไรก็แล้วแต่
แต่ถ้าเผลอเข้าไปเต็มใจคุยกับคนประเภทไหนนะ
คลื่นความคิดของเราจะค่อยๆ ปรับ จะค่อยๆ จูนให้ตรงเข้ากับคนประเภทนั้น
และถ้าหากว่าคิดตรงกับเขา พูดตรงกับเขาไปนานๆ
ในที่สุดก็เท่ากับว่าเรารับความเป็นตัวเขาเข้ามาเป็นตัวเรามากขึ้นทุกที
จนกระทั่งหลายครั้งเลยนะที่ผมเห็น
พอใครอยู่บ้านหนึ่งมีนิสัยแบบหนึ่ง พอไปอยู่อีกบ้านหนึ่งนะเปลี่ยนนิสัยเลย
คือลักษณะวิธีที่มองโลก ลักษณะการใช้อารมณ์นะ ปฏิกิริยาทางใจที่ออกไปต่างๆ
มันผิดเป็นคนละคนได้ทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังไม่มีจุดยืนที่แข็งพอนะจะเซนซิทีฟ
อยู่ใกล้ใครก็กลายเป็นคนแบบนั้น
ซึ่งอันนี้เสี่ยง ถือว่าเสี่ยงมากๆ ในทางกรรมวิบากนะ
เท่ากับว่าเรายินยอมที่จะเป็นคนบาปได้ง่ายๆ
อาจจะเป็นคนบุญก็ได้ เป็นนักบุญก็ได้ ถ้าหากว่าอยู่ใกล้นักบุญ
แต่มันเสี่ยงมากๆ เลยถ้ายังเซนซิทีฟอยู่
เข้าใกล้หรือเฉียดใกล้คนธรรมดา
นี่บางทีเราอาจจะกลายเป็นไม่ใช่แค่คนธรรมดา มันเลวกว่าคนธรรมดาก็ได้
หลายคนเป็นอย่างนั้นนะคือพออยู่ใกล้คนดีก็จะดีตาม
แต่พอไปอยู่กับคนธรรมดา มันไม่รู้เป็นยังไงกลายเป็นเหมือนกับอยากจะทำชั่วทำเลวอะไรขึ้นมา
แบบจิตยังไม่เป็นตัวของตัวเองก็คือค่อนข้างจะเป็นความเสี่ยง



แต่ถ้าเรามีจุดยืนที่มั่นคงแล้ว เรายืนอยู่ในจุดที่สว่างนะ มันก็จะอาจกลับขั้วกันได้นะ
คือความแข็งแรงของเรา หรือว่าจุดยืนที่มั่นคงของเรา
อาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นเขาเกิดความรู้สึกว่า
เออ มีความนิ่งมีความมั่นคงในแบบสว่างอย่างเรานี่ให้ความรู้สึกดีนะ
พอให้ความรู้สึกดีมากๆ เข้า เขารู้สึกเหมือนกับติดใจความสว่าง ความดีตรงนั้นน่ะ
ถ้าเราเข้าไปพูดกับเขา มันกลายเป็นว่าดึงเขาเข้ามาหาเรา หรือว่าอยู่ในเส้นทางแบบเรา




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP