เล่าสู่กันฟัง Lite Sharing
Edge of Tomorrow
งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
รูปภาพประกอบจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Edge_of_Tomorrow_(film)
ภาพยนตร์เรื่อง Edge of Tomorrow เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อปี ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา
ภาพยนตร์นี้แสดงเรื่องราวที่แต่งขึ้นว่าโลกถูกบุกรุกโดยเอเลี่ยนจากต่างดาว
ซึ่งชาวโลกตั้งชื่อให้ว่า Mimics และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ร่วมกันจัดตั้งกองทัพทหาร
และสร้างชุดเกราะพิเศษสำหรับกองทัพทหาร เพื่อไปต่อสู้กับเหล่าบรรดา Mimics นี้
เรื่องราวเล่าถึง วิลเลียม เคจ ซึ่งเป็นนายพันทหารที่ทำหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์
เคจพยายามหลีกหนีไม่เข้าร่วมในการรบมาตลอด และไม่เคยเข้าร่วมในสมรภูมิรบใด ๆ
แต่ต่อมา เคจถูกบังคับให้เข้าร่วมสมรภูมิรบกับกองทัพ Mimics
และถูกเหล่า Mimics ฆ่าตาย แต่ในระหว่างการรบกับ Mimics และก่อนถูกฆ่าตายนั้น
เคจได้รับพลังพิเศษจาก Mimics พิเศษตนหนึ่งทำให้เคจสามารถย้อนเวลาได้
โดยทุกครั้งที่เคจถูกฆ่าตาย เคจจะย้อนเวลากลับมาสู่วันก่อนหน้าวันที่เขาออกรบ
ต่อมา เคจได้พบกับ ริต้า วาทาสกี ซึ่งได้เคยมีพลังพิเศษเช่นเดียวกันกับเคจ
แต่ปัจจุบันริต้าสูญเสียพลังพิเศษดังกล่าวไปแล้ว
ริต้าอยู่ในหน่วยรบพิเศษและได้สอนให้เคจฝึกฝนในการรบให้เก่งขึ้น ๆ
โดยเคจได้ฝึกฝนการรบ ได้ออกรบ และได้ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนเวียนจนนับครั้งไม่ถ้วน
จนทำให้เคจเป็นนักรบที่เก่งกาจและแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ริต้าคาดหวังว่าเคจเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยให้มนุษย์เอาชนะสงครามกับ Mimics ได้
โดยริต้าและเคจจะต้องค้นหาและกำจัด Mimics หัวหน้าหรือส่วนสมอง
ซึ่งเป็นตัวสั่งการ Mimics อื่น ๆ ทั้งหมดให้ได้ เพื่อเอาชนะสงครามในครั้งนี้
ในขณะที่เคจได้ฝึกฝนการรบ ได้ออกรบ และได้ตายนับครั้งไม่ถ้วนนั้น
เคจเองก็ได้เห็นริต้าออกรบ และได้เห็นริต้าตายนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
จนเคจเกิดความรู้สึกผูกพันและหลงรักริต้า แต่ริต้าเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับเคจ
เพราะในเวลาที่เคจย้อนเวลากลับไปเจอริต้าใหม่อีกครั้งในอดีต
ริต้าจะไม่ทราบว่าริต้าได้เคยผ่านประสบการณ์อะไรกับเคจมาบ้าง
แต่จะมีเพียงเคจเท่านั้นที่จำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้
โดยภาพยนตร์ก็แสดงเรื่องราวให้เห็นว่าเคจได้ฝึกฝนการต่อสู้ ออกรบ และก็ตาย
แล้วก็ย้อนกลับมาอยู่ที่วันเดิมแล้วก็ไปพบกับริต้าวนเวียนไปเรื่อย ๆ นับไม่ถ้วน
จนมีอยู่คราวหนึ่ง ที่ริต้าและเคจได้บุกผ่านสนามรบไปได้ไกลมาก
และได้แวะพักที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง โดยเคจได้ชงกาแฟให้ริต้า
เคจได้เติมน้ำตาลก้อนใส่กาแฟให้ริต้า โดยทราบจำนวนก้อนน้ำตาลที่จะเติมให้
ริต้าเห็นดังนั้นจึงถามเคจว่า เคจและริต้าเคยพบกันมากี่ครั้งแล้ว
เคจตอบว่า สำหรับเขาแล้วคือ Eternity กล่าวคือนับไม่ถ้วนนั่นเอง
ในลักษณะเช่นนี้แล้ว เราควรจะมองว่าการมีพลังพิเศษดังกล่าวนั้น
เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษกันแน่? เพราะเคจก็ต้องตายนับครั้งไม่ถ้วน
และเคจก็ต้องเห็นริต้าที่ตนเองรักตายนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
ซึ่งชีวิตเรานอกภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นทำนองเดียวกันนะครับ
ที่พวกเราได้ตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
และได้เห็นคนที่เรารักตายนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
(อนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีฉากที่รบกัน ยิงกัน และฆ่ากันอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นแล้ว หากท่านไหนจะชมก็ควรจะมีสติรักษาใจให้ดี
และไม่ให้ใจไหลไปยินดีหรือพอใจในการที่เขาฆ่ากันนะครับ)
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เคจและริต้าเข้าใจว่า หากสามารถฝึกฝนเคจไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งสามารถรบชนะ Mimics ได้เมื่อไร ก็คือมนุษย์โลกรบชนะ Mimics
ซึ่งการมองเช่นนั้น เป็นการมองเสมือนว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและทุกสิ่ง
โดยหากเราลองพิจารณาว่าเคจออกรบกับริต้าและได้ตายไปคราวหนึ่ง
ถามว่าคนอื่น ๆ ในโลกได้ตายหมดโลกไปด้วยไหม ตอบว่าเปล่า
เพราะคนอื่นในโลกในเวลานั้นก็จะดำเนินชีวิตของเขาต่อไปตามเส้นทางชีวิตเขา
เพียงแต่เคจเองที่ย้อนเวลาและกลับไปอยู่ในอีกเวลาหนึ่ง
และเคจก็จะไม่สนใจคนอื่น ๆ ในโลกในเวลาเดิมที่ตนเองได้ตายผ่านมาแล้ว
แต่ให้ความสำคัญเฉพาะโลกที่ตนเองมีชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น
ซึ่งในเมื่อเคจได้ออกรบและตายวนเวียนไม่รู้จบ
ย่อมเท่ากับว่าเขาได้ผ่านโลกที่มีสงครามกับ Mimics มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
และเท่ากับว่ามนุษย์ได้แพ้สงครามกับ Mimics มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
แต่เคจและริต้าไม่ได้นับจำนวนครั้งในเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้นรวมในสถิติ
โดยเคจและริต้าจะนับเพียงว่าถ้าตนเองสามารถรบชนะ Mimics ได้คราวใด
ก็คือว่ามนุษย์โลกได้รบชนะสงครามกับ Mimics แล้ว
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เคจมองว่าตนเองได้ออกรบและตาย
แล้วก็ย้อนเวลากลับมามีชีวิตอยู่ในวันก่อนหน้าวันออกรบอย่างนี้วนเวียนไปเรื่อย
หากเคจออกรบ แล้วก็ตาย แล้วก็ย้อนเวลากลับไปในอดีตวนเวียนไปเรื่อยแล้ว
เราลองพิจารณาว่าเคจที่ย้อนเวลากลับไปในแต่ละคราวกับเคจในอดีตที่ไม่เคยย้อนเวลา
เป็นเคจคนเดียวกันจริง ๆ หรือเปล่า? ก็ตอบว่าไม่ใช่
เพราะว่าเคจที่ย้อนเวลากลับไปในแต่ละคราวมีประสบการณ์มากขึ้น
มีความสามารถและเก่งกาจมากขึ้น มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกัน
มีความรู้สึกผูกพันกับริต้าแตกต่างไป ซึ่งแตกต่างจากเคจในอดีตที่ไม่เคยย้อนเวลา
ดังนี้แล้ว เคจที่ไม่เคยย้อนเวลากับเคจที่ย้อนเวลากลับมา ไม่ใช่เคจคนเดียวกัน
นอกจากนี้ ถ้าหากจะบอกว่าเคจที่ออกรบคือเคจ และเคจนั้นได้ตายไปในการออกรบแล้ว
และเคจที่ย้อนเวลากลับมาก็ไม่ใช่เคจคนเดียวกัน
ก็มีข้อที่น่าพิจารณาว่า ตัวตนที่เป็นเคจจริง ๆ อยู่ที่ไหนกันแน่
ในเมื่อเคจตายแล้วตายอีกไปเรื่อย ๆ จนนับไม่ถ้วน
แล้วเคจควรจะยึดถือชีวิตไหนได้ว่าเป็นตัวตนของเคจ
เพราะเดี๋ยวก็ตายอีกแล้วอย่างรวดเร็ว
หากเราชมภาพยนตร์แบบเหมารวมโดยมองเคจทุกเคจต่อเนื่องเป็นเส้นเดียวกัน
เราก็อาจจะรู้สึกว่ามีเคจอยู่คนเดียวและเคจคนเดิมนี้ย้อนเวลาซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อย
แต่หากเราไม่ชมภาพยนตร์แบบเหมารวม แต่เรามองเคจทุกเคจแต่ละตอนแยกจากกัน
เราจะเห็นได้ว่ามีเคจจำนวนมากมายมหาศาลที่มีชีวิตแล้วก็ตายหายไปแล้ว
แล้วเราก็จะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้ว เคจไม่ได้มีตัวตนที่แท้จริงอยู่ตรงไหน
เพราะว่าเกิดดับต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
เช่นนี้แล้วเราจะยึดตรงไหนได้ว่าเป็นตัวตนเคจจริง ๆ
ในชีวิตมนุษย์เราก็เป็นทำนองเดียวกันนะครับ
แท้จริงแล้ว ชีวิตของเราประกอบด้วยขันธ์ ๕ ได้แก่
รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ซึ่งขันธ์ ๕ เหล่านี้เกิดดับต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
ซึ่งในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะสามารถยึดตรงไหนได้ว่าเป็นตัวตนหรือตัวเรา
สมมุติว่าหากเราลองยึดว่าขันธ์ ๕ ในขณะเวลานี้เป็นตัวเราก็ตาม
ขันธ์ ๕ ที่เรายึดว่าเป็นตัวเราในเวลานี้ก็จะดับลงไปแล้ว และเกิดดับใหม่ต่อเนื่องต่อไป
โดยความที่สิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยงและเกิดดับต่อเนื่องไปเช่นนี้
ทำให้เราไม่สมควรยึดถือใด ๆ ได้เลยว่าเป็นตัวเรา
แต่การที่ผมกล่าวลักษณะอย่างนี้ ก็เป็นเพียงแค่การพูดและคิดเอาจากการได้ฟังมานะครับ
การที่จิตจะเห็นได้อย่างแจ่มแจ้งและยอมรับว่าขันธ์ ๕ นี้ไม่ใช่ตัวเรา
และตัวเรานี้ไม่มีในที่ไหน ทั้งในอดีต ในปัจจุบัน และในอนาคต
ก็จะต้องอาศัยความเพียรในการฝึกฝนและพัฒนาไตรสิกขาตามสมควรแก่ธรรมครับ
< Prev | Next > |
---|