ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta
อวกุชชิตสูตร ว่าด้วยผู้มีปัญญา ๓ จำพวก
กลุ่มไตรปิฎกสิกขา
[๔๖๙] ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๓ เป็นไฉน คือ
บุคคลมีปัญญาดังหม้อคว่ำ บุคคลมีปัญญาดังหน้าตัก บุคคลมีปัญญามาก
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลมีปัญญาดังหม้อคว่ำเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนแก่บุคคลนั้น
เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้น ไม่ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ไม่ใส่ใจทั้งท่ามกลาง
ไม่ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น แม้ลุกไปจากที่นั่งนั้นแล้ว
ก็ไม่ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ไม่ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ไม่ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
เปรียบเหมือนหม้อคว่ำ น้ำที่บุคคลราดลงไปบนหม้อนั้น ย่อมไหลไป ไม่ขังอยู่ฉันใด
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนแก่บุคคลนั้น
เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้น ไม่ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ไม่ใส่ใจทั้งท่ามกลาง
ไม่ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น แม้ลุกไปจากที่นั่งนั้นแล้ว
ก็ไม่ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ไม่ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ไม่ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น ฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า บุคคลมีปัญญาดังหม้อคว่ำ
ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลมีปัญญาดังหน้าตักเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนแก่บุคคลนั้น
เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้น ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
ลุกจากที่นั่งนั้นแล้ว ไม่ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ไม่ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ไม่ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
เปรียบเหมือนของเคี้ยวต่าง ๆ วางรายอยู่บนหน้าตักของคน
เช่น งา ข้าวสาร แป้ง พุทรา คนนั้นเผลอตัวลุกขึ้นจากที่นั่งนั้น
(ของเคี้ยวนั้น) ก็ตกเกลื่อนไป ฉันใด
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนแก่บุคคลนั้น
เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้น ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
ลุกจากที่นั่งนั้นแล้ว ไม่ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ไม่ใส่ใจทั้งท่ามกลาง
ไม่ใส่ใจทั้งที่สุด ฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า บุคคลมีปัญญาดังหน้าตัก
ภิกษุทั้งหลาย ก็แล บุคคลมีปัญญามากเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วน
เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้น ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
แม้ลุกไปจากที่นั่งนั้นแล้ว ก็ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
เปรียบเหมือนหม้อหงาย น้ำที่บุคคลเทลงไปในหม้อนั้น ย่อมขังอยู่ ไม่ไหลไป ฉันใด
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนแก่บุคคลนั้น
เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้น ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ใส่ใจทั้งท่ามกลาง ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น
แม้ลุกไปจากที่นั่งนั้นแล้ว ก็ใส่ใจทั้งเบื้องต้น ใส่ใจทั้งท่ามกลาง
ใส่ใจทั้งที่สุด แห่งกถานั้น ฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า บุคคลมีปัญญามาก
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ นี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
นิคมคาถา
คนมีปัญญาดังหม้อคว่ำ โง่เขลา ไร้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณา
แม้หากไป (ฟังธรรม) ในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
คนเช่นนั้นก็ไม่อาจเรียนเอาเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดแห่ง (ธรรม) กถาได้
เพราะปัญญาของเขาไม่มี.
คนมีปัญญาดังหน้าตัก เรากล่าวว่าดีกว่าคนมีปัญญาดังหม้อคว่ำนั่น
ถ้าแม้ไป (ฟังธรรม) ในสำนักภิกษุทั้งหลายเนืองๆ
คนเช่นนั้นนั่ง ณ ที่นั่งนั้น เรียนพยัญชนะ ทั้งเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง ทั้งที่สุด
แห่ง (ธรรม) กถานั้น ลุกไปแล้วไม่รู้ เพราะความจำของเขาฟั่นเฟือน.
ส่วนคนมีปัญญามาก เรากล่าวว่าดีกว่าคนมีปัญญาดังหน้าตักนั่น
ถ้าแม้ไป (ฟังธรรม) ในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
คนเช่นนั้นนั่ง ณ ที่นั่งนั้น เรียนพยัญชนะได้ทั้งเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง ทั้งที่สุด
แห่ง (ธรรม) กถา แล้วทรงจำไว้ได้ เป็นคนมีความดำริประเสริฐ
มีใจไม่เคลือบแคลง ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม พึงกระทำที่สุดทุกข์ได้.
อวกุชชิตสูตร จบ
(อวกุชชิตสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๔)
< Prev | Next > |
---|