ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer
ทำผิดศีลไปแล้วจะทำอย่างไรให้บาปเบาบางลง
ถาม - ถ้าเราทำผิดศีลโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่รู้ตัวหรือมารู้ตัวทีหลัง เราจะบาปมากไหม
แล้วจะสามารถแก้บาปหรือทำให้บาปนั้นเบาบางลงได้อย่างไรบ้างคะ
ถ้าหากว่าไม่ได้ตั้งใจ ใจไม่ได้มีกำลังที่จะพยายามทำผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง
แล้วพลาดทำลงไป พลั้งทำลงไปโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
แบบนี้เขาเรียกว่า กตัตตากรรม
ตอนที่เรารู้ตัวว่า เอ๊ย! นั่นมันพลาดไปแล้ว เผลอไปแล้ว
แล้วเรากลับใจได้ทันที ถือว่ายังไม่ผิดอะไรเลย
แต่ถ้าหากว่าพลั้งไปแล้วพลาดไปแล้ว เกิดความรู้สึกยินดี เออ เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน
อย่างเช่น สมมติเราคันแขนอย่างนี้ แล้วเราเอื้อมมือไปขยี้ๆ ด้วยความตั้งใจว่าจะให้หายคัน
แต่พอก้มลงมองดู อ้าว! มันกลายเป็นยุงนี่ ยุงตายคานิ้วของเราที่กำลังขยี้ๆ นั่นอยู่
แล้วเราเกิดความยินดี เออ! ตายไปเสียก็ดี อยากมากัดเรา
นี่แหละถือว่าโดนลงโทษโดยที่เราไม่ต้องก่อกรรม
ตัวยินดีที่ยุงมันตายเพราะมือเรานั่นแหละ
ตัวนี้มันกลายเป็นกตัตตากรรมที่มีกำลังขึ้นมาแล้ว
เป็นกตัตตากรรมที่เรามารู้ทีหลังแล้วเรานึกชอบใจ
ราวกับว่าถ้าได้ลงมือด้วยตัวเอง ก็จะมีความรู้สึกปลื้มได้อะไรแบบนั้น
นี่ก็เลยมีส่วนของกรรมไปแล้ว ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่ได้มีกำลังใจในการฆ่ายุงเลย
เราแค่จะมาเกาในจุดที่คัน แต่ยุงมันปรากฏว่าตายคามือเรา
มันก็เลยเหมือนไม่ได้ฆ่า ไม่ได้ตั้งใจฆ่า แต่ก็คล้ายๆ ฆ่าไปแล้วด้วยความยินดีนั่นแหละ
ส่วนการแก้บาปแก้กรรมที่ทำลงไป
ดีที่สุดก็คือสังวรระวัง ตั้งใจว่าจะไม่พลาดไม่เผลอไม่พลั้งที่จะทำอีก
แม้กระทั่งความยินดีหลังจากที่ได้รู้ว่าทำพลาดไปแล้ว
ก็จะไม่เอาใจเข้าไปใส่กับความยินดีนั้น
พอรู้ตัวว่ายินดีปุ๊บ ต้องบอกตัวเองทันทีว่านี่เรายินดีในเรื่องผิดแล้ว
นี่เรากำลังปลาบปลื้มในสิ่งที่จะดึงให้เราเข้าไปมีความเลื่อมใสในในการทำบาปแล้วนะครับ
แค่นี้แหละ มันก็ถือว่าเป็นการแก้อนาคต มันไม่ใช่แก้อดีตนะ
แก้อดีตมันแก้ไม่ได้ กรรมถ้าหากว่าทำลงไปแล้วจริงๆ
มันไม่สามารถที่จะรื้อฟื้นรื้อฝอยหาตะเข็บขึ้นมา
แต่เราสามารถป้องกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งการป้องกันไว้ล่วงหน้ามีความหมายว่า
ต่อให้เราจะต้องได้รับผล เกี่ยวกับศีลที่เคยผิดพลาดนั้นไป
ในอนาคตนะ ถ้าบาปมันเผล็ดผลแล้ว ก็จะไม่ได้รับผลเต็มที่
เนื่องจากใจของเราไม่ได้ยินดียึดเหนี่ยวอยู่ในโลกของความเป็นบาป
ไม่ได้ยินดียึดเหนี่ยวอยู่ในโลกของอกุศลธรรม
ก็ความเป็นกุศลธรรมของจิต ความสว่างของจิต
ก็จะเหมือนเป็นสุญญากาศกั้นให้เราห่างออกมาจากความทุกข์
ไม่ได้ทำให้วิบากอันเกิดจากบาป มันเข้ามาปะทะเต็มแรงนักเต็มเหนี่ยวนัก
เพราะมีกำแพงของความสว่าง มีกำแพงของกุศลคอยกั้นอยู่
เราอยู่ในโลกของกุศล ขอให้ทราบไว้เลย
โลกนั้นมันคล้ายๆ มีเกราะแก้วกำบัง ไม่ให้บาปเข้ามาปะทะเต็มแรงมากนัก
แต่ถ้าหากว่าใจของเรายินดีอยู่ในบาป ใจของเราไม่เคยคิดที่จะรักษาศีลเลย
ใจของเรามีแต่ความรู้สึกว่า เออ ทำบาปไปก็ช่างมัน ไม่ได้คิดแก้ ไม่ต้องไปสังวรระวังอะไรทั้งสิ้น
อย่างนี้เท่ากับเราอยู่ในเขตที่มืด เขตที่มันมีหมอกควันพิษพร้อมจะเล่นงานให้เราย่ำแย่อยู่แล้ว
ถ้าหากว่ามีบาปอกุศลเก่าพุ่งเข้ามาเล่นงาน
มันก็เข้ามาเล่นงานได้เต็มที่โดยไม่มีอะไรป้องกันตัวเลยนะครับ
< Prev | Next > |
---|