ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer
มักรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า จะแก้ไขอย่างไร
ถาม – ในช่วงที่จิตตก มักรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า รู้สึกว่าด้อยค่ากว่าคนอื่น จะแก้ไขอย่างไรคะ
การที่เรามองเห็นตัวเองไม่มีค่า
ขณะนั้นจิตปรุงแต่งไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวของเราตนของเรา
มันด้อยกว่าคนอื่น ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความหมาย
ก็ขอให้มองเป็นอาการทางใจอย่างหนึ่งก็แล้วกัน
ที่จะง่ายที่สุดที่จะจำได้แล้วใช้ตลอดชีวิตนะ
มันอาจจะฟังดูไม่ค่อยโก้เก๋ ไม่ค่อยมีอะไรที่ดูหวือหวาเท่ากับอุบายชนิดอื่น
แต่มันใช้ได้จริงตลอดชีวิตที่เหลือ ถ้าหากว่าเรามีหลักเกณฑ์ที่จะดูมันได้เป็น
อาการจิตตก จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่อะไรหรอก
มันเป็นอาการที่คิดไปเองเป็นส่วนใหญ่ บางทีมีเหตุปรุงแต่งขึ้นมานิดเดียว
ลองนึกดูนะ อย่างที่ผมมักจะเปรียบเทียบง่ายๆ
สมมติว่าเราไปเจอคนคนหนึ่ง เขายิ้มให้เราทุกวัน
เสร็จแล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาไม่ยิ้ม
เราจะรู้สึกทันที คิดมากขึ้นมาทันที ถ้าหากเราเป็นคนยึดมั่นถือมั่นมาก
เราจะรู้สึกทันทีว่าตัวเรามีคุณค่าน้อยลง
เพราะว่าเขาไม่ให้ค่าไม่ให้ความสำคัญ ไม่มอบรางวัลเป็นรอยยิ้มให้
คนบางคนนะ คือมีความหมายกับเราขนาดที่ว่าแค่เขาไม่ยิ้มให้
มันทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของเราไม่มีความหมายไปเลยทีเดียว
นี่เป็นตัวอย่างของสิ่งกระทบตา ที่มันสามารถปรุงแต่งคนคิดมาก
ให้เกิดความรู้สึกที่โอเวอร์ ที่มันเกินความจริงไป
ลืมไปหมดว่าเราเคยทำอะไรที่มีค่ามาบ้าง
ลืมไปหมดว่าเราเคยทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์กับโลกไว้บ้าง
ลืมไปหมดว่าเรา ตัวเรา จริงๆ แล้วสามารถสร้างรอยยิ้มให้คนอื่นได้แค่ไหนบ้าง
เพียงเพราะเขาไม่ยิ้มให้เราแค่คนเดียว
อาการคิดมาก อาการยึดมั่นถือมั่นเกินไปของจิต สามารถปรุงแต่งไปได้ต่างๆ นานา
นี่ ตรงนี้ก็ขอให้พิจารณาก็แล้วกันว่า อาการทางใจที่มันกำลังยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นนิมิตอยู่
สมมติว่า ในกรณีนี้คือคุณเจ้าของคำถามไม่ได้ระบุมาว่า
ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ทำไมถึงตัวเองจิตตก
ผมก็เลยยกตัวอย่างมานะ สมมติว่ามีคนไม่ยิ้มให้กับเราทั้งๆ ที่เขายิ้มมาตลอด
แล้วเกิดอาการรู้สึกน้อยใจ เกิดอาการรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเท่าเก่า อย่างนี้
ณ ขณะนั้นใจของเรายึดเอานิมิตไม่ยิ้มของเขามาเป็นตัวตั้ง แล้วก็มาบดขยี้ใจตัวเอง
ให้เกิดความรู้สึกมันเล็กลง สาละวันเตี้ยลง เกิดความรู้สึกถูกบีบเหมือนลูกหนู
เกิดความรู้สึกว่า เออ เราช่างไม่มีคะแนน ไม่มีราคาเอาเสียเลย
ก็ดูตัวนั้นแหละ ดูตัวตั้ง ถามตัวเอง สำรวจเข้าไปให้เจอว่า
ในขณะนั้นที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า จิตกำลังยึดนิมิตใดไว้เป็นตัวตั้ง
ถ้าหากว่าบอก ไม่มี ไม่ได้ยึดอะไรไว้
ก็ขอให้ทราบเถอะว่า มีครับ แต่คุณอาจจะมองไม่เห็นหรือว่าไม่รู้ตัว
ถ้าสมมตินะ ต่อไปคุณมีความรู้สึกเหมือนกับตัวเล็กตัวลีบ
ไม่มีค่าขึ้นมาเสียเฉยๆ แล้วไม่ได้นึกถึงเรื่องอะไรเลย
ขอให้ทราบเถอะครับว่า ณ ขณะนั้นใจคุณยึดถือเอานิมิตของตัวเองเป็นตัวตั้ง
นิมิตที่มันอาจจะนั่งก้มหน้าก้มตาหรืออาจจะนั่งหลังงอ
หรืออาจจะเป็นสภาพภายในที่มันถูกบีบคั้น ที่มันมีความหม่นหมอง
อะไรก็แล้วแต่ที่มันกำลังปรากฏอยู่ในใจ ณ ขณะนั้น
นั่นแหละคือนิมิตที่ใจกำลังยึดอยู่
ถ้าหากว่าเรากำลังยึดนิมิตว่านั่งก้มหน้าก้มตาหลังงอ
ก็ลองยืดตัวขึ้นมาให้หลังตรงซิ ลองเชิดหน้าขึ้นมาให้มันไม่ก้ม
เปลี่ยนท่าเปลี่ยนทางจากหายใจสั้นมาเป็นหายใจยาว
จากที่มันเหมือนกับนั่งทื่อนั่งจ๋อง ก็ลุกขึ้นเดินไปกินน้ำกินท่า
สังเกตให้ออกว่าลักษณะอาการของนิมิตที่ต่างไป
มันปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างไปอย่างไร
จากเดิมที่นั่งจ๋องๆ แล้วเกิดความรู้สึกไม่มีค่า
พอยืดเส้นยืดสายนะ ยืดตัวขึ้นมา หลังตรง คอตั้ง
มันเกิดความรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาทันทีได้ไหม
นี่ ถ้าหากว่าเห็นอย่างนี้นะ มันเห็นเข้าไปในต้นเหตุของอาการทางใจที่มันแตกต่างกัน
แต่คนมักจะไม่ค่อยให้ค่า ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอิริยาบถที่เปลี่ยนไป
เพราะเห็นว่ามันไม่ได้มีราคาสักเท่าไร ไม่เทียบเท่ากับการที่ได้ยินได้ฟังคนอื่นเขาชื่นชม
หรือว่าไม่เทียบเท่ากับการที่เราได้ของขวัญอะไรสมใจมา
แต่แท้ที่จริงแล้วการเคลื่อนไหวหรืออิริยาบถที่มันเกิดขึ้นได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนี่แหละ
เพียงแต่เราใส่ใจ เพียงแต่เรารับรู้นะ นั่นแหละของที่มีค่าที่สุดในชีวิตแล้ว
เพราะว่าอิริยาบถที่เปลี่ยนไป แม้แต่ลมหายใจที่ต่างกัน
เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออก เดี๋ยวยาวเดี๋ยวสั้น
ถ้าหากว่าเราเฝ้าสังเกตอยู่ เรารับรู้อยู่
เห็นความจริงเกี่ยวกับความไม่เที่ยงและความไม่ใช่ตัวตนของพวกมันอยู่
เราจะได้พบบรมสุขที่แท้จริง
ที่เหนือกว่ารางวัลทั้งปวงที่โลกประเคนให้เรามาทั้งชีวิต
นิพพานไม่ได้ได้กันด้วยการได้รับคำชมจากคนอื่น ไม่ได้ได้มาจากคะแนนที่บริษัทไหนให้เรา
ไม่ได้ได้มาจากครูบาอาจารย์ ไม่ได้ได้มาจากการที่โลกจะยกย่องเราแค่ไหน
แต่ได้มาจากการที่เราเห็นความไม่เที่ยงในอิริยาบถของตัวเอง
เห็นความต่างไปของเหตุของผล ที่ว่าอิริยาบถหนึ่งๆ ให้ความรู้สึกอย่างไร
เป็นสุขหรือเป็นทุกข์แค่ไหน คิดมากหรือคิดน้อยลง เฝ้าสังเกตอยู่อย่างนี้
ถ้าหากว่าทำเป็น ทำจริง ต่อเนื่อง มันได้ถึงนิพพานเลย
มันยิ่งกว่าไปสวรรค์ มันยิ่งกว่าไปพรหมโลก
เอาละ ตัวเรานะมีค่าถ้าหากว่ามีสตินะครับ สรุปเป็นคำให้จำง่ายๆ อย่างนี้
< Prev | Next > |
---|