เล่าเรื่องเมืองพุทธ Lite Story
เราภาวนาเพื่อ...
โดย พายธาริน
วันก่อน มีโอกาสไปฟังเทศน์ที่ศาลาลุงชิน ซึ่งพระอาจารย์ที่รับนิมนต์มาคือ หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม
อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ท่านเล่าเกร็ดสนุก ๆ สมัยพุทธกาลให้ฟังค่ะ เกี่ยวกับเรื่องจุดมุ่งหมายของการภาวนา คุณผู้อ่านเคย
คิดไหมคะ ที่เราพยายามปฏิบัติภาวนา รู้กาย รู้ใจ สวดมนต์ ทำสมาธิต่าง ๆ นั้นเพื่ออะไร และจุดหมายที่เราตั้งไว้ ถูกหรือ
เปล่า ถ้ายังไม่แน่ใจ ลองฟังเรื่องที่ท่านเทศนาเรื่องนี้ดูนะคะ ^_^
ในสมัยพุทธกาล เคยมีพระองค์หนึ่งชื่อพระปุณณมันตานีบุตร พระองค์นี้เป็นพระองค์ที่เทศน์ให้พระอานนท์ฟัง
แล้วพระอานนท์ได้พระโสดาบัน องค์นี้ไม่ธรรมดาเลยนะ สอนจนพระอานนท์เป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าก็ยกย่องพระ-
ปุณณมันตานีบุตรบ่อย ๆ แต่ท่านไม่ค่อยได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระปุณณมันตานีบุตร เป็นคนกบิลพัสดุ์ เรียกว่าเป็นคนในชาติภูมิ หมายถึงที่เกิดของพระพุทธเจ้า นาน ๆ จึงลงมา
เฝ้าที่สาวัตถี ที่อะไรอย่างนี้สักครั้งหนึ่ง เดินทางกันไกล
แต่กิตติศัพท์ของท่านนี้ร่ำลือ ท่านสอนให้พระมักน้อย สันโดษ ให้ฝึกปฏิบัติ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มีวิมุตติ เวลา
พูด เวลาสอน จะสอนวนเวียนอยู่แต่เรื่องเท่านี้เอง กลับได้รับการยกย่อง
พอพระพุทธเจ้ายกย่องมาก ๆ พระสารีบุตรได้ยิน ท่านก็เลยสั่งลูกศิษย์ของท่านไว้ว่า ถ้าหากพระปุณณมันตานี-
บุตรมาเมื่อไหร่ ให้ไปบอกนะ พระสารีบุตรจะรีบมาทักทาย ทำความรู้จักกันไว้
ทีนี้วันหนึ่ง พระปุณณมันตานีบุตรมาจริง ๆ มาเฝ้าพระพุทธเจ้า มาสนทนาธรรมกันพอสมควรแล้ว ท่านก็ออกไปอยู่ที่ป่าไปพักผ่อน
ลูกศิษย์พระสารีบุตรเห็นพระปุณณมันตานีบุตรมา ก็รีบไปบอกพระสารีบุตร พระสารีบุตรรีบคว้าอาสนะตามไปในป่า ไปถึงก็เห็นพระปุณณมันตานีบุตรท่านพักอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
เห็นมั้ย ท่านไม่ทะเล่อทะล่าเข้า ไปนะ มีมารยาท เวลาที่ท่านจะพักผ่อน ไม่ใช่ฉันจะคุยธรรมะ เพราะฉะนั้นเวลาหลวงพ่อพักผ่อน อย่ามายุ่งกับหลวงพ่อนะ (ช่วงนี้ โยมหัวเราะกันใหญ่ *^_^*)
บางคนนะ มันจะไม่ให้เราพักเลย เรียกว่าไม่ถูกธรรมเนียม ขนาดพระสารีบุตรท่านเป็นอัครสาวก ศักดิ์ของท่านสูงกว่าพระปุณณมันตานีบุตร ท่านก็รอ
พอตกเย็น ๆ พระปุณณมันตานีบุตร ท่านก็ออกจากสมาธิมา พระสารีบุตรก็เข้าไปทักทาย ไม่บอกชื่อกัน ทักทายแค่ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าหรือ
“ใช่ เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า”
ถามกันไปถามกันมา เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าด้วยกัน
พระสารีบุตรถามอีกว่า “ท่านปฏิบัติภาวนามา เพื่อความบริสุทธิ์ของศีลเหรอ”
พระปุณณมันตานีบุตร บอก “ไม่ใช่”
พระสารีบุตรถามต่อว่า “เพื่อความบริสุทธิ์ของจิตเหรอ”
ท่านก็บอก “ไม่ใช่”
“เพื่อความบริสุทธิ์ของทิฐิ คือ ความรู้ความเห็นหรือเปล่า”
ก็ไม่ใช่
“เพื่อให้หมดความสงสัยในรูปธรรมนามธรรมหรือเปล่า”
ก็ไม่ใช่
“เพื่อให้รู้วิธีปฏิบัติหรือเปล่า”
ก็ไม่ใช่
เนี้ยถามอะไร ๆ ก็ไม่ใช่นะ
สุดท้ายท่านถามว่า เพื่อให้บรรลุมรรคผลรึเปล่า หมายถึง เพื่อให้เกิดญาณทัศนะ รู้อริยสัจ รู้แจ้งอริยสัจหรือเปล่า พระปุณณมันตานีบุตรก็ยืนยันว่าไม่ใช่
พระสารีบุตรก็ทำเป็นงง ต้องแกล้งทำเป็นงง เพราะระดับท่านไม่งงหรอก ท่านบอก “อ้าว อันนี้ก็ไม่ใช่ อันนี้ก็ไม่ใช่นะ ถามมาเจ็ดข้อแล้วไม่ใช่สักข้อ แล้วท่านปฏิบัติเพื่ออะไร”
พระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า “กระผมปฏิบัติภาวนามานี้นะ เพื่ออนุปาทาปรินิพพาน” นั้น เพื่อนิพพานนะ ไม่ใช่เพื่ออื่นใดเลย...
หากเรารู้ว่าเป้าหมายในการปฏิบัติของตัวเองคืออะไร และมีกำลังใจในการปฏิบัติแล้วละก็ เราก็จะไม่เดินออกนอกเส้นทางไปโดยง่าย แม้จะเดินไปผิดทิศบ้างก็จะกลับมายังเส้นทางที่ถูกต้องได้ไม่ยากนัก
ถึงแม้นักเดินทางบางคนจะกล่าวไว้ว่า "จุดหมายปลายทางไม่สำคัญเท่ากับความสุขระหว่างการเดินทาง" แต่นั่นอาจไม่เหมาะสำหรับการเดินทางเวียนว่ายตายเกิดที่ไม่รู้จบในสังสารวัฏนี้ค่ะ ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านที่มีเป้าหมายคือนิพพาน ได้เดินไปบนทางเอกอย่างมีความสุขและมีสตินะคะ
< Prev |
---|