สารส่องใจ Enlightenment

เมื่อนั่งสมาธิแล้วมีนิมิตปรากฏขึ้น ควรปฏิบัติอย่างไร



วิสัชนาธรรม โดย พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย



มีพระหนุ่มองค์หนึ่งเพิ่งบวชไม่ทันถึงพรรษา พอนั่งภาวนาทำสมาธิไม่ทันถึง ๑๕ นาที
จิตรวม ก็ปรากฏเห็นนางฟ้าเทวดาหรือภูตผีปีศาจต่างๆ
หรือพระพุทธเจ้าเสด็จมาปรากฏอยู่เฉพาะหน้าและเทศนาให้ฟัง
เทศน์เพราะมากแต่ไม่ทราบเทศน์อะไร
หรือเห็นพระพุทธรูปมาปรากฏอยู่ในท่ามกลางอก แล้วก็เพลินสนุกกับเรื่องนั้น



ปุจฉา – อันนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงจะควรแก้ไขอย่างไรและให้ปฏิบัติอย่างไรต่อไป


วิสัชนา - ปัญหานี้พูดยาก พูดเรื่องกันแต่เฉพาะนักปฏิบัติเท่านั้น
นักเดาอาจเดาผิดๆ ถูกๆ ก็ได้
ถึงนักปฏิบัติถ้าไม่พิจารณาเหตุผลมาตัดสิน ก็ยากที่จะลงความเห็นกันได้
เหตุนั้นมิจฉาทิฏฐิจึงมักมีในหมู่นักปฏิบัติ
คำถามว่าพอนั่งภาวนาราว ๑๕ นาที จิตรวมแล้ว ก็เห็นนางฟ้าเทวดาเป็นต้น
อันนั้นจะเป็นของจริงหรือไม่ จริงหรือไม่จริงตนเองก็ได้เห็นแล้ว
แต่ผู้เห็นจะต้องเอาเรื่องนั้นมาพิจารณาอีกทีหนึ่ง จะเชื่อทีเดียวไม่ได้
บางทีความจำในอดีตเราเคยเห็นรูปเทวดามีเครื่องประดับงามหรูอย่างนั้นอย่างนี้
และอารมณ์เราคิดนึกจดจ้องว่าเทวดาจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
พอรวมจิตนิดๆ หน่อยๆ ภาพอันนั้นก็จะมาปรากฏแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
ยิ่งมีผู้บอกเล่าว่าเทวดามีรูปพรรณสัณฐานอย่างนั้นอย่างนี้
พอนั่งภาวนาจะนึกถึงเรื่องนั้นหรือไม่ก็ตาม
สังขารมันปรุงขึ้นมาเอง เห็นอย่างที่เราได้ยินได้ฟังมานั้นแหละ


ถ้าเป็นอย่างที่ว่ามานั้นจงเชื่อเถิดว่า
ความเห็นอันนั้นกอปรด้วยสัญญาอดีต เป็นของไม่จริง
ไม่เหมือนพระอริยเจ้า เมื่อจิตของท่านเข้าสมาธิถึงอัปปนาฌาน
ปล่อยวางอารมณ์หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ว่างจากความถือตนถือตัวแล้ว
เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่าง ท่านอยากจะรู้เรื่องต่างๆ
ท่านก็ถอยจิตออกมาอยู่ในอุปจารสมาธิ แล้ววิตกเรื่องนั้นขึ้นมานิดหนึ่ง
แล้วก็เข้าอัปปนาอีกวางเฉย อยากรู้หรือไม่อยากรู้ก็ไม่ว่า
เฉยอยู่ มันจะรู้ก็รู้เอง มันจะไม่รู้ก็ไม่รู้ของมัน


ไม่เหมือนคนในสมัยนี้ พอลงมือปฏิบัติภาวนาก็อยากได้รางวัลแล้ว
งานไม่ทำหรือทำยังไม่ถึงขั้นพอจะได้ ก็อยากได้รางวัลแล้ว
เมื่อไม่ได้ก็เบื่อหน่ายขี้เกียจในการทำงานนั้น
อยากจะได้แต่ผลแต่เหตุไม่ทำ มันจะได้อย่างไร
ความรู้ชนิดนี้นับเนื่องเข้าในอภิญญา ๖
ถึงแม้พระอริยเจ้าบางองค์ จิตของท่านจะละเอียดสักปานใด
แต่ท่านก็ไม่มีความรู้ในด้านนี้
บางท่านได้เพียงโลกียฌานอย่างพระเทวทัตก็ได้แล้ว
เป็นไปตามวาสนาของแต่ละองค์
ความรู้อย่างนี้เป็นเพียงเครื่องประดับสติปัญญาเท่านั้น
จุดหมายปลายทางแท้อยู่ที่ความพ้นทุกข์นั้นต่างหาก


ถ้าเห็นโทษของความหลงมัวเมาในการเห็นนั้นแล้วว่า
เป็นเครื่องติดเครื่องลวงไม่ให้ลุล่วงพ้นจากทุกข์นั้นแล้ว
น้อมเอาจิต (คือผู้รู้นั้นๆ) เข้ามาไว้ตรงกลาง
ปล่อยวางซึ่งภาพนิมิตทั้งปวงเสีย แล้วจิตก็จะวางเฉยอยู่คนเดียว
แต่ถ้ายังรักและชอบใจในการเห็นภาพนิมิตนั้น
ก็ยากที่จะแก้ไขได้ ก็ปล่อยให้อยู่ไปตามเรื่องก่อน
จนกว่าจะเห็นโทษของมันแล้ว หากจะหาวิธีแก้ไขเอง


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก ปุจฉาวิสัชนาในประเทศ โดย พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)
จากอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายอุทัย ทิพยรักษ์ จ.ช.
ณ เมรุวัดโสมนัสวิหารวันพฤหัสบดีที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๒๘


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP