โหรา (ไม่) คาใจ Astro FAQ

หนี้สินท่วมหัวเอาตัวรอดได้


Aims Astro



ถาม – ตอนนี้ดิฉันเป็นหนี้บ้านและหนี้ที่ยืมมาจากคนรอบตัว เป็นที่ภาะหนักและคงอีกหลายปีที่จะหมดหนี้ ทำให้รู้สึกเครียดและไม่มีความสุขเลย ดวงบอกได้ไหมว่าจะพ้นจากทุกข์ครั้งนี้ไปเมื่อไหร่


“หนี้สิน” คือหนึ่งในทุกข์ใหญ่ของผู้คน ใครที่เคยมีหนี้ก้อนใหญ่แล้วปลดหนี้ได้สำเร็จ คงรู้สึกถึงความโล่งใจอันใหญ่หลวง จนบางคนถึงกับออกปากว่า “เหมือนยกภูเขาออกจากอก” เลยทีเดียว หลายคนที่หนักใจเพราะมีหนี้ แล้วก็สงสัยว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะหมดหนี้สักที เรื่องนี้โหราศาสตร์ก็สามารถบอกได้ว่าภาระบีบคั้นทางการเงินจะหมดลงเมื่อไหร่ค่ะ


ดังเรื่องราวของลูกค้าหญิง วัยประมาณ ๕๐ ปี (นามสมมติว่าคุณเทรซี่) ตามดวงแล้วเธอเป็นคนตั้งใจทำงาน ละเอียดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ หลายปีที่ผ่านมาเธอมีภาระทางการเงินเพิ่มขึ้น เหตุผลหลักคือเพราะต้องดูแลคนในครอบครัวคือลูกๆ ของเธอ รวมทั้งบุพการีด้วย เรียกว่าเธอเป็นเสาหลักของที่บ้านค่ะ คุณเทรซี่เล่าว่ามีเรื่องกลุ้มใจเพราะการเงินที่บีบคั้น มีหนี้บ้านที่ยังต้องผ่อนชำระทุกเดือน ประกาศขายบ้านแล้วก็ยังไร้รี่แววว่าจะขายได้ และมีหนี้ที่ยืมคนรู้จักมาใช้จ่าย ประกอบกับงานประจำที่ทำอยู่ก็หนักมาก เจ้านายก็พูดจากดดันเธอเสมอๆ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือที่ทำงานไกลจากบ้านมาก ใช้เวลาเดินทางไปและกลับไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งทำให้ลูกค้าหญิงเหนื่อยล้า แต่จะให้ลาออกตอนนี้ก็ทำไม่ได้เพราะจำเป็นต้องใช้เงินทุกเดือน เงินเก็บก็ไม่มี ซึ่งรายรับที่มีก็แทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถหางานพิเศษมาทำเพิ่มได้ เพราะไม่มีเวลาเหลือแล้ว จึงนัดตรวจดวงเพราะอยากรู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไปค่ะ


รับฟังลูกค้าหญิงด้วยความเข้าใจเลยค่ะ ทราบจากดวงว่าระยะนี้เธอจะคิดมาก วิตกกังวล คิดเรื่องอนาคตอันยังไม่มาถึง จากประสบการณ์ตรงก็ต้องบอกคุณเทรซี่ว่าในส่วนของอนาคตนั้น ยังไม่ต้องกังวลไปล่วงหน้า เพราะปัจจุบันนี้เธอยังมีงานทำ ยังมีหนี้ที่จัดการได้เพราะเป็นหนี้บ้านและหนี้จากคนรู้จัก ไม่ใช่หนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยหฤโหด ได้ถามเธอว่าติดต่อธนาคารเพื่อขอจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยไปก่อนแล้วหรือยัง เพราะตามดวงแล้วบ้านเธอน่าจะยังขายไม่ออกเร็วๆ นี้ คุณเทรซี่บอกว่าติดต่อแล้วและในขณะนี้ก็ผ่อนแค่ดอกเบี้ยอยู่ แล้วก็ต้องทยอยจ่ายเจ้าหนี้บุคคลรายอื่นอีก เรียกว่าในแต่ละเดือนก็อยู่แบบหมุนเงินพอสมควรค่ะ


อ่านดวงเรื่องเจ้านายของลูกค้าหญิง ก็เห็นว่าความสัมพันธ์ไม่ได้เลวร้ายถึงที่สุด ยังทำงานร่วมกันได้อยู่ค่ะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีนิสัยแบบเด็กๆ อยู่พอสมควร แล้วก็คงถูกผู้บริหารกดดันมาอีกทอดหนึ่งให้ได้งานเท่าที่บริษัทต้องการ ถ้าคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา เจ้านายก็คงเครียดไม่น้อยเหมือนกัน คุณเทรซี่บอกว่าเจ้านายอายุน้อยกว่าเธอหลายปี เธอเองรู้ว่าเขาโดนบริษัทกดดันมาอีกที ลูกค้าหญิงบอกว่าเขาคงรู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดแรงๆ กับเธอไป แล้วก็เล่าว่าตอนนี้เจ้านายมาคุยด้วยแล้วและบอกว่าจะช่วยค่าเช่าหอพักให้เธอประมาณ ๒ ใน ๓ ของทั้งหมด เมื่อค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลง ก็เอามาชดเชยในส่วนที่ต้องจ่ายค่าหอพัก ค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยรวมก็คงไม่ต่างกันมาก ให้กำลังใจลูกค้าหญิงว่าเดี๋ยวพอย้ายเข้าที่พักใหม่ใกล้ที่ทำงาน เธอก็จะมีเวลานอนมากขึ้น มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น แถมโชคดีที่สามีวัยเกษียณและลูกที่ใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้วเข้าใจ ไม่มีปัญหาที่เธอจะย้ายที่อยู่ชั่วคราวในช่วงที่ปัญหาการเงินยังบีบคั้นอยู่ค่ะ


คุณเทรซี่ถามมาว่าเมื่อไหร่จะหมดทุกข์เรื่องหนี้สินไปสักที ได้บอกเธอตรงๆ ว่าอีกประมาณ ๑ ปีข้างหน้าก็ยังต้องใช้จ่ายแบบประหยัดอยู่ เงินยังตึงมืออยู่ หลังจากนั้นไปสถานการณ์ต่างๆ จึงจะดีขึ้น แต่ก็คงต้องอดทนในช่วงนี้ หากรู้สึกว่าเครียดมากหรืออาจจะมีภาวะซึมเศร้าก็ควรไปปรึกษานักจิตวิทยาหรือพบแพทย์เฉพาะทาง อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน ใช้ธรรมโอสถเยียวยาใจตัวเองเพื่อเอาชนะความทุกข์ที่ต้องรับมืออยู่ทุกวันให้ผ่านไปให้ได้ คุณเทรซี่ซึ่งเดิมทีเป็นผู้สนใจพระพุทธศาสนาและเคยฝึกปฏิบัติธรรมมาก่อน แต่เธอก็บอกตรงๆ ว่าห่างจากการปฏิบัติไปนาน ให้กำลังใจเธอว่าถ้าปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน ก็จะช่วยปล่อยวางง่ายกว่าเดิม ต่อให้เรื่องราวต่างๆในชีวิตจะยังไม่เปลี่ยนไปก็ตามแต่เธอจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นแน่นอนค่ะ




"...ทีนี้ถ้าเราเหมือนกับจะเอาประโยชน์อะไรจากการเจริญสติ
แล้วเราเข้าใจคอนเซ็ปต์ (
concept) ของการเจริญสติจริงๆ
ว่ามันคือการตั้งต้นจากการยอมรับความจริง ยอมรับสภาพความเป็นจริง
มันจะไม่ใช่หยุดแค่นั้นนะ มันจะไม่ใช่หยุดแค่ตรงที่ว่ายอมรับมันไปเถอะ
ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้แหละ มันไม่ใช่แค่นั้น
การมีสติที่แท้จริงคือการรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
และรู้ด้วยว่าจะผ่านมันไปได้อย่างไรเมื่อมันเป็นปัญหา..."


...

"...แล้วการมีสติแบบโลกๆ คืออะไร
คือยอมรับความจริงว่ามันกำลังเกิดขึ้น มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้น
แล้วก็คิดแบบมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง คิดเป็นวันๆ ว่าจะผ่านวันนี้ไปได้อย่างไร
และจะวางแผนให้กับวันพรุ่งนี้ต่อไปได้อย่างไร
การที่เรามีสติแบบพุทธ ไม่ใช่การที่เราจมอยู่กับความรู้สึกว่าจะทำอย่างไรดีๆ
แล้วก็มันไม่มีทางออกนะ
มันมีทางออก มีทางออกอยู่ที่วิธีที่เราคิดนั่นแหละ
การตั้งสติในแต่ละวันของเรานะ



ง่ายๆ เลยถามตัวเองขึ้นมาคำแรกตอนตื่นนอนขึ้นมาว่าวันนี้เราทำอะไรได้บ้าง
อย่าให้ความคิดวนประเภทที่ว่าจะทำอย่างไรดี
จะเอาอย่างไรดี มันไม่มีทางออกแน่ๆ เกาะกุมอยู่ในหัวของคุณ
แต่ตื่นเช้าขึ้นมาตอนหัวโล่งๆ ตอนใจสบายๆ อยู่
ถามตัวเองว่าเรามีความรู้ มีความสามารถที่จะทำอะไรกับวันนี้ได้บ้าง
ถามเป็นวันๆ แล้วถ้าแต่ละวันนี่ทำได้จนกระทั่งเกิดความรู้สึก
ว่ามีความชิน มีความสามารถที่จะจัดการปัญหาในวันนั้นได้จริงๆ
ค่อยถามต่อว่าเราจะวางแผนไปในอนาคต ทำให้อนาคตมันดีขึ้นกว่าปัจจุบันนี้ได้อย่างไร..."



จาก "ดังตฤณวิสัชนา" ตอน "ถ้าเป็นทุกข์หนักเพราะปัญหาหนี้สิน ควรหาทางออกอย่างไร"
อ่านทั้งบทความ (คลิก)



เมื่อมีชีวิตต้องพบทั้งสุขและทุกข์ แม้ไม่มีใครอยากมีทุกข์ แต่ความทุกข์ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญให้คนเราอยากหาทางออก และทางออกนั้นก็คือการศึกษาธรรมะอันประเสริฐที่พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ทางไว้ แล้วพากเพียร ทำทาน รักษาศีลและเจริญสติ เพื่อพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด พ้นไปจากทุกข์ทั้งปวงในสังสารวัฏอันยาวไกลตราบชั่วนิรันดร์ค่ะ


(^/\^)



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สำหรับท่านที่สนใจดูดวงกับคุณ Aims Astro สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ตามลิงค์ด้านล่างค่ะ
http://sites.google.com/site/aimsastro/



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP