สารส่องใจ Enlightenment
ไตรลักษณ์
พระธรรมเทศนา โดย หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
แสดงพระธรรมเทศนา เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙
บัดนี้จะได้แสดงสัญญา ๓ ประการ เพื่ออบรมกรรมฐาน
ให้นักปฏิบัติภาวนาทั้งหลายเกิดความสลดสังเวชในสังขาร
ควรเจริญสัญญา ๓ ประการ คือ
อนิจจสัญญา ปัญญากำหนดรู้สังขารแปรปรวนอยู่ ประการหนึ่ง
ทุกขสัญญา ปัญญากำหนดรู้สังขารอันเป็นทุกข์ประจำ ประการหนึ่ง
อนัตตสัญญา ปัญญากำหนดรู้ธรรมทั้งปวงอันเป็นอนัตตา
ไม่เป็นไปตามอำนาจปรารถนา ประการหนึ่ง
ควรเจริญสัญญา กำหนดรู้สังขารโดยลักษณะเครื่องหมาย ๓ ประการนี้
ควรที่สาธุชนพุทธบริษัทจะต้องบำเพ็ญให้เกิดมีในตน
ได้ชื่อว่าได้เจริญวิปัสสนาปัญญามัยกุศล
และควรคำนึงถึงตนอันตกอยู่ในอำนาจชรา พยาธิ มรณะ
ให้เป็นอารมณ์บ่มจิตใจให้ก่อเกิดความสลดสังเวช สลดจิต
พยายามละทุจริต บำเพ็ญส่วนกุศล
รีบแสวงหาผลประโยชน์อันจะเป็นที่พึ่งของตนโดยเร็ว
ก่อนชรา พยาธิ มรณะ ยังไม่มาครอบงำย่ำยี
เพราะเหตุว่าวันคืนทั้งหลายล่วงไป ไม่แต่วันคืนเท่านั้น
อายุของสัตว์ทั้งหลายทุกจำพวกก็ค่อยๆ หมดสิ้นไป
จวนใกล้ตายเข้ามาทุกวันเวลา ทุกนาฬิกา ทุกนาที
อายุของสัตว์ทั้งสิ้นที่ตั้งอยู่ในวิสัยของมรณะนี้ มีแต่จะหมดไปเปลืองไปถ่ายเดียว
ไม่กลับมาตั้งอยู่ในปฐมวัยเป็นทารกทาริกาได้อีกเลย
เหมือนห้วยหนองคลองบึงซึ่งมีน้ำแต่น้อย
เมื่อถึงฤดูแล้งต้องแสงอาทิตย์ก็มีแต่จะเหือดแห้งไปถ่ายเดียวฉะนั้น
อายุของมนุษย์นี้น้อยนักหนา ไม่พอเพียงแก่ความต้องการ
คิดประกอบการงานไม่ทันจะสำเร็จได้ทุกอย่าง
ก็จะถึงมรณะละวางอารมณ์เหล่านั้นไป
ผู้มีปัญญาควรจะต้องตัดความนิยมในชีวิตนั้นเสีย
อย่าสำคัญว่ามากแล้วมัวเมา เลินเล่อลุ่มหลงระเริงใจ
ควรแต่จะรีบเร่งขวนขวายบำเพ็ญสิ่งที่เป็นบุญกุศลสุจริตครบไตรทวารไว้เท่านั้นให้เร็ว
ทำให้รู้สึกประหนึ่งว่าบุคคลถูกเพลิงไหม้ศีรษะรีบร้อนดับเพลิงให้สงบฉะนั้น
เพราะมรณะ คือความแตกแยกแห่งชีวิตอินทรีย์ที่จะไม่ครอบงำย่ำยีผู้หนึ่งผู้ใดนั้นไม่มี
เหมือนภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ มีภาชนะดิน เป็นต้น
ซึ่งนายช่างประดิษฐ์สร้างขึ้นทำไว้แล้ว จะเล็กใหญ่ ดีชั่ว หนาบางประการใด
ไม่เลือกว่าชนิดใดขนาดใด ตามปกติต้องแตกสลายไปฉันใด
ถึงชีวิตร่างกายของมนุษย์ทั้งหลายนี้ ก็มีความแตกทำลายตามไปเป็นที่สุดฉันนั้น
เมื่อใดนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายมาใช้ปัญญาให้รู้ว่า
ร่างกายของมนุษย์ทั้งหลายมีเราเป็นต้น
ล้วนต้องถึงความพินาศแตกดับเป็นธรรมดาอยู่อย่างนี้
ควรทำความเพียรปราบปรามกำจัดกิเลสให้เหือดหาย
ให้บุญกุศลเจริญขึ้นในตนภายในวันนี้แหละให้จงได้
เพราะใครๆ คนไหนเล่าจะอาจรู้ว่าความตายจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า
เพราะมฤตยูคือความตายที่มีเสนาใหญ่
คือ ขุนชรา ขุนพยาธิ พระยามรณะ และปกิณกทุกข์ทั้งหลาย
ภัยอันเป็นที่ขยาดหวาดกลัวของหมู่มนุษย์นี้
เหลือวิสัยและความสามารถที่ใครๆ แม้มีอำนาจยิ่งใหญ่
จะต้านทานสู้รบผลักไสด้วยอุบายอันหนึ่งอันใดได้เลย
ท่านเปรียบไว้ว่าเหมือนภูเขาใหญ่สูงจรดขอบฟ้ากลิ้งมาจากทิศทั้งสี่
แล้วบดขยี้สัตว์ทั้งหลายให้เป็นจุลวิจุล มิว่างเว้นพวกไหนไว้ให้เหลือหลอเลย
เมื่อมรณะซึ่งเป็นมหาทุกข์อันใหญ่มาถึงแล้ว
ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งแม้เคยเป็นที่รักที่พึ่งจะสามารถสกัดกั้นแก้ไข
หรือช่วยบำบัดปัดเป่าให้มรณทุกข์ถอยลดน้อยเบาบางลงไปได้เลย
ยกเว้นแต่บุญกุศลที่ตนได้อบรมสั่งสมไว้ด้วยกายวาจาใจ จนคุ้นแก่จิตเท่านั้นแหละ
จะทำความสุขความสงบระงับให้ในเวลาจวนสิ้นชีวิตทำลายขันธ์
ดังภาษิตประพันธ์ว่า “ปุญญัง สุขัง ชีวิสังขยัมหิ”
บุญกุศลที่สาธุชนพุทธบริษัททั้งหลายได้สร้างสมให้บริบูรณ์แล้ว
ย่อมนำความสุขมาให้เมื่อสิ้นชีวิต ดังนี้
ด้วยเหตุนี้เมื่อสาธุชนนักปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั้งหลาย
มาพิจารณาในไตรลักษณ์จนแจ้งประจักษ์แล้ว ควรที่จะเกิดความสังเวชสลดจิต
คิดเห็นว่าชรา พยาธิ มรณะ ครอบงำเข้ามาอยู่ฉะนี้แล้ว
กิจอื่นๆ นอกจากการประพฤติปฏิบัติธรรม อย่าได้ทำเลย
ควรที่แต่จะกระทำการบำเพ็ญ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เต็มรอบ
ก็จะอุดมสมบูรณ์ด้วยความสุข ความเจริญ
(หลวงปู่ขาวชอบแสดงโอวาทธรรมบทนี้เสมอๆ สมัยท่านยังแสดงธรรมได้
ท่านว่าทำให้เกิดปัญญา หูตาสว่างดี)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
คัดจาก โอวาทธรรม “กัณฑ์ที่ ๒๐ ไตรลักษณ์”
ใน ๒๖ โอวาทธรรม ๒๖ ปี วันละสังขาร หลวงปู่ขาว อนาลโย.
จัดพิมพ์โดยชมรมกัลยาณธรรม. เมื่อพฤษภาคม ๒๕๕๒.
< Prev | Next > |
---|