ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer
ทำอย่างไรลูกจึงจะเข้าใจว่าพ่อแม่ลงโทษเพราะความรัก
ถาม - ถ้าพ่อแม่ด่าว่าลูกด้วยความโกรธแต่ในใจนั้นรักลูก จะถือว่าเป็นผรุสวาทหรือไม่
จริงๆ เราต้องมองว่าการกระทำมันก็ตรงตามบัญญัตินั่นแหละ
อย่างด่าทอด้วยจิตที่มีความคาดหมายว่าฝ่ายฟังฝ่ายได้ยินจะรู้สึกเจ็บใจ
มันก็เป็นผรุสวาทหมดนั่นแหละ
คือตั้งเอาที่จิต ถ้าจิตรู้อยู่ว่าพูดคำนี้ไปแล้ว มันจะทำให้เกิดความเจ็บ
มันจะทำให้เกิดความปวด มันจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี
อันนี้เรียกว่าทำด้วยอาการประทุษร้าย
ถ้าภาษาชาวบ้านก็เรียกด่าทอ หรือว่าคำผรุสวาทก็เหมือนกับกล่าวคำเผ็ดร้อน
ให้เกิดความเจ็บแสบอะไรแบบนี้นะครับ
ตั้งต้นกันที่จิต คือไม่ต้องไปทำความเข้าใจแบบเป๊ะๆ ตายตัวตามอักษร
แต่ถ้าหากว่าเราเล็งเห็นว่าจิตของเราตั้งใจจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างไร
อันนั้นเป็นเจตนาเป็นกรรม
ส่วนที่ว่าเราทำไปด้วยความหวังดี มันก็ซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง เป็นคนละเลเยอร์ (layer) กัน
เปรียบเหมือนกับที่ชอบคิดสงสัยกันว่า
ฆ่าด้วยความปรารถนาดี อยากจะส่งให้ไปสู่สุคติ มันคือการฆ่าหรือเปล่า
มันก็คือการฆ่านั่นแหละ ปลิดชีวิตนะ
แต่ด้วยเจตนาอะไร ด้วยเจตนาอนุเคราะห์
หรือว่าด้วยเจตนากลั่นแกล้งจะตัดชีวิตเขาไม่ให้ได้อยู่ต่อในโลกนี้
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่รู้เฉพาะตน มันแยกส่วนกัน
ผลมันก็ต้องรับทั้งสองส่วน ไม่ใช่รับแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่นที่เป็นคำถาม บอกว่าใจนี่รัก ปรารถนาดี
คุณก็มีกรรมคือใจเล็งอยู่ด้วยความรักความปรารถนาดี อยากให้ได้ดี
ก็จะได้รับผลเป็นการที่มีใครบางคนที่มีความสลักสำคัญในชีวิตคุณ
ได้ตั้งความปรารถนาดีเช่นเดียวกันนั้นกับคุณในอนาคตเช่นกัน
แต่ด้วยอาการเราเลือกวิธีที่จะใช้คำด่าทอ
ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกเจ็บแสบเจ็บปวด โดยความคาดหมายไว้ว่าจะให้มันคิดได้
จะให้มันมีความสำนึกตัวฉุกคิดได้ อะไรต่างๆ อย่างนี้นะ
มันก็ได้รับผลแบบเดียวกันคือจะมีใครสักคนที่หวังดีกับคุณ
หวังดีด้วยวิธีที่มันร้ายๆหน่อย
เอากันจริงๆ เลยนะ
เลี้ยงลูก คุณเลี้ยงแบบพ่อพระแม่พระใจดีอย่างเดียวบางทีมันยากนะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสมัยนี้ คือมันฟังอะไรได้ยาก
เพราะฉะนั้นมันอาจจะต้องมีบ้างที่คุณใช้อุบาย
ซึ่งทำให้ไปกระตุกความคิด ไปกระตุกความรู้สึกอะไร
มันขึ้นอยู่กับว่าคุณไปเรียนรู้หรือว่าไปได้แนวคิดในการทำการกระตุกใจลูกมาจากไหน
คนส่วนใหญ่มาจากสัญชาตญาณ
คือนึกว่าใช้คำนี้ ใช้วิธีหวดแส้เข้าไปขวับให้ม้ามันได้หายพยศ
ก็เป็นการเลือกแบบที่ออกมาจากสัญชาตญาณ
แต่ถ้ามีแนวคิดที่ตกผลึกนิดหนึ่งว่าสังเกตดูลูกหยุดไหม
แล้วคุณมีคำอธิบายต่อมา ที่ทำให้ลูกมีความเข้าใจจริงๆ ไหม
ว่าทำไมคุณต้องทำแบบนั้น ทำไมคุณต้องลงโทษแบบนั้น
ตรงนี้สำคัญกว่า สำคัญกว่าคุณเลือกวิธีไหนในการลงโทษลูก
นี่ใช้คำว่าลงโทษลูก เพราะว่าด้วยเจตนารู้อยู่ใช่ไหมว่าลูกจะต้องเกิดความเจ็บ
คืออาจจะไม่ได้เจ็บกาย แต่เจ็บเข้าไปที่จิต เจ็บเข้าไปที่หัวใจ
มันก็คือการลงโทษชนิดหนึ่งนั่นแหละ
มันเลี่ยงไปไม่ได้หรอก มันก็คือการที่เราทำร้ายจิตใจ
ทีนี้ถ้าเราเลือกวิธีไหนไปแล้ว มันมีคำอธิบาย
แล้วมีจุดลงเอยตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ ตั้งแต่ลูกจิตยังอ่อนๆ อยู่
ทำให้ลูกเห็นตัวเราได้ไหม เห็นหัวใจที่แท้จริงของเราได้ไหม
ถ้าหากทำให้เห็นได้ คุณจะใช้วิธีไหนนะไม่มีปัญหาเลย
ต่อให้ใช้วิธีลงโทษลูกด้วยการตีก็เถอะ
อย่างบางคนตีลูก ตามหลักจิตวิทยาเลยนะ ตีด้วยมือ
สมมติตีก้นลูกตั้งแต่ตัวยังน้อยๆ แล้วทำให้ลูกเห็นว่าที่ลูกก้นแดง มือเราก็แดง
แล้วก็คือที่ลูกเจ็บ เราเจ็บยิ่งกว่า เจ็บทั้งมือเท่ากับเนื้อตัวของเขา
แล้วก็เจ็บที่หัวใจเราด้วยที่ต้องทำร้ายลูก
อันนี้ยกตัวอย่างนะ แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ ไม่ได้แนะนำให้ตีนะ
คือยกตัวอย่างว่าคนที่ตี ถ้าหากว่าให้คำอธิบายลูกได้ กอดลูก ปลอบประโลมลูก
แล้วให้เห็นจริงๆ ว่าทำไมถึงลงโทษด้วยวิธีนี้ สำคัญอย่างไร
มันใช้วิธีอื่นมาหมดแล้ว เหลือวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย
แล้วก็ทำให้เขาเข้าใจจริงๆ ว่าที่ทำไป เพราะมันไม่มีวิธีอื่นที่จะหยุดเขา
ถ้าลูกเข้าใจได้ตั้งเขายังตัวเล็กๆ
ตั้งแต่เขายังเหมือนกับรับรู้อะไรด้วยความรู้สึกดิบๆ ด้วยสัญชาตญาณ
ถ้าเขารู้สึกได้ว่านั่นเป็นการกระทำด้วยความรักได้ เขาจะไม่เกลียดคุณ
แล้วก็จะไม่เอานิสัยก้าวร้าวติดจิตติดใจเขาไปด้วย
เพราะว่าสามารถมอง สามารถอ่านออกว่าตัวเขามันเหมือนม้าพยศที่ต้องลงแส้แล้ว
ถ้าไม่ลงแส้มันเตลิดเข้าป่า หรือไปเข้าเมืองทำลายข้าวของอะไรแบบนี้นะ
เพราะฉะนั้นจุดสรุปก็คือว่าคุณทำกรรมอันเปื้อนด้วยมลทินกับลูกไป
ด้วยวิธีไหนมันไม่สำคัญเท่ากับที่ว่า
คุณมีน้ำสะอาดน้ำดีไว้ชะล้างสิ่งสกปรกออกจากใจลูกไหม
อันนี้สำคัญสูงสุดนะครับ มันไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าคุณทำบาปอะไรไป
แต่ลงท้าย คุณทำให้ลูกมีใจเป็นบุญขึ้นมาได้ท่าไหนอย่างไร
อันนี้สำคัญที่สุดนะครับ
< Prev | Next > |
---|