วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เร้น ๒๕



Ren



ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



บทที่ ๑๕



            “ไปถึงที่หมายแล้ว ไม่พบตัวเด็ก!”

            รายงานที่ได้รับสร้างความหงุดหงิดแก่ Killer อย่างยิ่ง พอลูกน้องส่งภาพจากกล้องวงจรปิดในคอนโดมาให้ดู พบว่าเด็กเพิ่งออกจากห้องไม่กี่นาทีก่อนพวกตนไปถึง ก็อยากอาละวาดด่าทอ

            “จัดคนคอยเฝ้าหน้าคอนโด และให้คอยสะกดรอย ‘มีนา’ ผู้หญิงเจ้าของห้องนั้น”

            สั่งงานเรื่องแรกเสร็จ ได้รับรายงานเรื่องที่สอง

            หาหลักฐานสำรองที่มาโนชซ่อนไว้ไม่พบครับ

            ชายชราขบริมฝีปากแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะ งานสำคัญในหน้าที่ตนสองอย่าง ไม่สามารถสำเร็จลุล่วงสักงาน มันน่าขายหน้า อับอายเด็กรุ่นลูกอย่าง Wolf คนใหม่นัก

            หากทีมลูกน้องมืออาชีพค้นหลักฐานที่มาโนชซ่อนไว้ไม่พบ แสดงว่าที่ซ่อนย่อมลึกลับยิ่ง แต่บางทีมาโนชอาจไม่มีหลักฐานสำรอง หรือไม่ก็ฝากไว้กับบุคคลที่ไม่มีใครคาดถึง

            Killer เรียกข้อมูลส่วนตัวมาโนชมาดูทั้งหมด ค้นหาว่าเขาติดต่อ มีความสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษ

            หลังจากตรวจสอบ ไตร่ตรองครู่หนึ่ง หัวคิ้วชายชราขมวดย่น ดวงตาทอประกายสงสัย ข้อมูลการพบปะติดต่อ รายงานการเดินทางของมาโนชไม่มีจุดใดน่าสงสัย...ยกเว้น...ช่วงสองสามเดือนก่อนหน้านี้ เขาไปบ้านดาวันบ่อยกว่าปกติ

            แม้จะเป็นการถูกเรียกพบจาก ‘คุณท่าน’ และต้องร่วมงานกับ Light แต่มีบางอย่างชวนสงสัย

            “เมวดีอยู่ไหน” ชายชรากดเครื่องติดต่อภายในถามลูกน้อง

            “เฝ้าเหยื่ออยู่หน้าคอนโดครับ”

            “บอกให้มาพบฉันก่อน”

            “ได้ครับ”

            ระหว่างรอลูกน้องสาว อดีตเด็กบ้านดาวัน Killer อ่านรายงานการเข้าบ้านดาวัน มูลนิธิดาวันของมาโนชอย่างละเอียด สังเกตว่ามีการติดต่อกับคนอื่นนอกจาก ‘คุณท่าน’ กับ Light หรือไม่

            เวลาผ่านไปสี่สิบห้านาที หญิงสาวใบหน้าเรียบ ไม่สะดุดตาปรากฏขึ้นตรงหน้าชายชรา

            “เธอเป็นคนรายงานความเคลื่อนไหวของมาโนชตอนไปบ้านดาวันทั้งหมดใช่มั้ย”

            “ค่ะ” เมวดีตอบ

            “ฉันสังเกตว่า นอกจากคุณท่าน กับ ‘คุณหมอ’ นายมาโนชยังมีเวลาส่วนตัวกับ ‘ดอกแก้ว’ ...ฉันอยากรู้ว่าดอกแก้วคนนี้เป็นใคร”

            “เป็นคนที่ถูกฝึกมาให้ทำงานแบบดิฉัน!” คำตอบตรงไปตรงมา

            ชายชรานิ่ง ถอนใจเบา ดวงตาฉายแววครุ่นคิดก่อนเงยหน้ามองหญิงสาว ‘มือสังหาร’

            “บอกเรื่องของดอกแก้วทั้งหมดที่เธอรู้มา”

            “ค่ะ” วาจาสั้น การเล่าเรื่องกระชับ ได้ใจความใช้เวลาไม่กี่นาที

            ‘ดอกแก้ว’ อดีตเด็กบ้านดาวัน มือสังหารฝึกหัด เบื้องหน้าทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กใจดี ภารกิจฝึกแรกคือทำหน้าที่ใกล้ชิด ตีสนิทกับมาโนชเพื่อเป็นสาย คอยสังเกตพฤติกรรมแล้วรายงานโดยตรงกับคุณท่าน แต่แล้วมือสังหารฝึกหัดกลับมีใจออกห่าง คิดหนีจากองค์กร เธอจึงเสียชีวิตด้วยอาการป่วยอย่างเป็นธรรมชาติ

            Killer นึกเยาะในใจ ‘คุณท่าน’ ไม่เคยไว้ใจใคร ขนาดเขาทำงานมาสี่สิบกว่าปี ก็ยังส่ง ‘เมวดี’ มาให้ มาโนชก็ไม่ต่างกัน

            เบื้องหน้า ‘เมวดี’ เป็นมือสังหาร ลูกน้องขึ้นตรงกับเขา เบื้องหลังคือสายสืบคอยรายงานพฤติกรรมเขาให้คุณท่านตลอดเวลา

            ชายชรารู้ดี แต่แกล้งทำเฉย ยอมรับมือสังหารรายนี้เป็นลูกน้องเพื่อแสดงความจริงใจ...

            เขายอมถอยให้ ‘ยายแก่’ คนนั้นมากแล้ว ก็ยังส่งหลานชายตัวเองมาเป็น Wolf ตำแหน่งเทียบเท่าเขา หนำซ้ำหลานชายคนนี้อาจฮุบตำแหน่ง Killer ควบอีกในอนาคตอีกด้วย

            “มาโนชกับดอกแก้วมีโอกาสเจอกันข้างนอกมั้ย” ชายชราถาม

            “ไม่ค่ะ ดอกแก้วมีหน้าที่ดูแลมาโนชเฉพาะตอนมาบ้านดาวัน และเป็นคนคอยประสานติดต่อแจ้งคำสั่งคุณท่านให้กับนายมาโนชเท่านั้น”

            “ทำไมรู้ว่าดอกแก้วมีใจออกห่าง”Killer ถามต่อ

            “เธอแอบไปทำพาสปอร์ต วีซ่าโดยไม่ให้ใครรู้”

            การกระทำแค่นี้ก็ถูกตั้งข้อสงสัย โดนสอบสวน...จนได้รับโทษ ‘ป่วย’ เสียชีวิตแล้ว

            “หลังจากดอกแก้วตาย ข้าวของส่วนตัวอยู่ไหน”

            “บ้านดาวัน” เมวดีตอบ

            ดวงตาชายชรากระจ่าง มองหญิงสาวด้วยประกายคมกล้า

            “ไปตรวจค้นข้าวของดอกแก้วทุกชิ้น...ผู้หญิงคนนี้อาจเก็บหลักฐานสำรองเอาไว้แทนมาโนช แล้วลองคิดดูว่า ดอกแก้วจะซ่อนหลักฐานไว้ที่ไหนได้บ้าง ไปค้นดูให้หมด”

            “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับและรายงานเพิ่ม “เมื่อสักครู่ดิฉันได้รับรายงานจากบ้านดาวันว่า... ‘มีนา’ ผู้หญิงที่คุณให้สะกดรอย ตอนนี้อยู่ที่บ้านดาวัน เธอมาพร้อมกับคณะเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก”

            Killer ชะงักประกายความคิดถูกจุดขึ้น

            “บอกคนที่บ้านดาวันให้จับตามองเธอเป็นพิเศษ ตรวจสอบสังเกตว่าเธอเอาอะไรออกไปหรือเปล่า...การมาบ้านดาวันของเธออาจเกี่ยวกับหลักฐานที่ดอกแก้วมีก็ได้”

            มีนาเป็นผู้ดูแลส้มน้อย...เด็กจากบ้านดาวันคนนั้นอาจพูดถึงเรื่องดอกแก้วให้หญิงสาวรู้ก็ได้

            “ค่ะ” คำตอบรับสั้น

            เมวดียอมรับในความรอบคอบของชายชรา เธอเป็นคนหยิบกระเป๋าจากมือมาโนชบนเครื่องบิน รู้ว่านักธุรกิจคนนี้มีหลักฐานเอาผิดองค์กรเธอ อีกทั้งมีโอกาสทำสำเนาเป็นหลักฐานสำรองซ่อนไว้ หรืออาจฝากกับคนไว้ใจได้ซึ่งพวกเธอคาดไม่ถึง

            ทีม Killer ค้นหาหลักฐานสำรองจากทุกแห่งที่คาดว่ามาโนชเก็บไว้ก็ยังไม่พบ จนกระทั่งชายชรานึกสงสัย ‘ดอกแก้ว’ มือสังหารฝึกหัดที่มีใจออกห่าง

            ถ้าดอกแก้วมีหลักฐานสำรองนั้น...เธอจะซ่อนมันไว้ที่ไหน?

            หลังจากเสียชีวิต...มีใครนำหลักฐานนั้นไปหรือยัง?



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            เวลาบ่ายคล้อย

            รถศิลปิน ทีมงาน แฟนคลับทยอยขับออกจากบ้านดาวันทีละคัน เด็ก ๆ โบกมือลาด้วยรอยยิ้ม ชาวคณะโบกมือตอบอย่างมีความสุข

            ประตูทางออกหลักมูลนิธิดาวันมีสามด้าน ติดกับถนนคนละสาย ศิลปิน ทีมงาน แฟนคลับต่างแยกย้ายออกตามประตูที่ตนสะดวก

            ธันวาขับรถตามแฟนคลับไปทางด้านประตูกลาง กล่องเหล็กที่มีนาได้มาถูกเก็บใส่กระเป๋าวางไว้เบาะหลังรถ ตั้งใจหยิบมาเปิดดูตอนออกจากมูลนิธิเรียบร้อย

            ตรงประตูกลางจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตรวจตรายกไม้กั้นเข้า-ออก รถแฟนคลับคันหน้าผ่านเรียบร้อยไม่มีปัญหา พอถึงรถธันวาไม้กั้นกลับไม่ถูกยกออกให้

            “มีอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มเปิดกระจกถาม

            เจ้าหน้าที่ยิ้มแฉ่ง พูดจาเป็นกันเอง

            “ขออภัยด้วยครับ พอดีทางบ้านดาวันวิทยุด่วนมาบอกว่า มีของฝากจะให้คุณเตวิชย์กับทีมงานเป็นพิเศษ ตามไปให้ไม่ทัน รบกวนรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่บ้านดาวันจะรีบเอาของมาให้เลย”

            ธันวาหันมองมีนา แววตาสงสัย...ถ้ามีของฝาก ทำไมไม่ให้ก่อนคณะออกมา หรือถ้าจะตามมาให้จริง ๆ ก็ควรดักรถศิลปิน ไม่ใช่รถพวกตน

            “ได้สิ” ธันวารับคำ

            มีนาถอนใจ ถึงอยากรีบออกจากที่นี่แค่ไหนก็ไม่อาจเผยพิรุธได้ สังหรณ์ใจว่าเจตนาจริงของคนเหล่านั้นไม่น่าใช่นำของฝากมาให้...

            กำลังจะรีบเก็บกระเป๋าที่อยู่เบาะหลัง ก็มีรถจากบ้านดาวันขับมาต่อท้าย เจ้าหน้าที่หอบของพะรุงพะรังลงจากรถอย่างทุลักทุเล ทำให้ธันวา มีนาอดไม่ได้ต้องลงจากรถไปช่วยรับของก่อน

            “เดี๋ยวผมเปิดท้ายรถให้ครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเปิดประตูท้ายรถขึ้นให้เจ้าหน้าที่นำของวางไว้ให้ในรถ

            ‘ของฝาก’ ที่รีบนำมาให้นักหนาเป็นพวกดอกไม้สวยจากสวน ผักปลอดสารพิษปลูกเอง ของกินพวกกล้วยตากซึ่งเป็นผลผลิตจากบ้านดาวัน ดูแล้วควรเป็นของเตรียมไว้ให้แต่แรก ไม่ใช่ตามมาให้ฉุกละหุกอย่างนี้

            ขณะที่ธันวาเปิดท้ายรถ ช่วยขนของ มีนาเป็นฝ่ายสังเกตเจ้าหน้าที่ เห็นว่านอกจากพวกเขาจะขนของขึ้นรถให้แล้ว สายตายังแอบสอดส่อง ตรวจตราภายในรถอย่างละเอียด กระทั่งเบาะหลังซึ่งไม่จำเป็นต้องนำของไปวาง ก็ยังขอให้เจ้าของรถเปิดประตู เพื่อนำของกระจุกกระจิกใส่ไว้ให้ สายตากวาดมองทั่วรถทั้งเบาะหน้าเบาะหลังไม่ต่างจากเครื่องสแกนตรวจหาวัตถุต้องสงสัย

            มีนาใจหาย นึกถึงกระเป๋าใส่กล่องหลักฐานตรงเบาะหลังรถซึ่งตนเก็บไม่ทัน หวั่นใจลึก ๆ ว่าคงสะดุดตาเจ้าหน้าที่พวกนั้น ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะทำอย่างไรกับมัน

            ทว่า...จู่ ๆ มีนาเกิดอาการขนลุกซู่ สายตาเห็นเงาราง ๆ นั่งทับกระเป๋าเธอ เป็นเงาที่ไม่เห็นรายละเอียดชัด ส่วนลึกในใจบอกว่า...นั่นคือ ‘เสี่ยหมง’

            ของฝากถูกนำขึ้นรถเรียบร้อย ธันวาขับออกจากมูลนิธิดาวันโดยสะดวก ไม่ติดขัด



            พอรถธันวาลับจากถนน เจ้าหน้าที่มาส่ง ‘ของฝาก’ ก็โทรศัพท์บอกผู้เป็นเจ้านายทันที

            “พวกเราตรวจตราในรถคันนั้นทั้งหมดเท่าที่ทำได้แล้วครับ ไม่พบสิ่งผิดปกติเลย...ท้ายรถว่างไม่มีของต้องสงสัย เบาะหลังก็ ‘ว่าง’ ไม่มีกระเป๋าอย่างที่ได้รับรายงาน ส่วนคอนโซลหน้า เราหาเหตุผลไปเปิดดูไม่ได้ แต่ถ้าสิ่งที่เราต้องการค้นหาเป็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของผู้หญิงจริง ๆ มันก็ไม่สามารถใส่ในคอนโซลหน้ารถได้อยู่แล้วครับ”

            คำรายงานพร้อมคำอธิบายจบลง สีหน้าผู้พูดเคร่งเครียด บอกให้ทราบว่ากังวล หนักใจกับการ ‘แอบ’ ตรวจค้นครั้งนี้อย่างยิ่ง

            พวกเขาไม่พบกระเป๋าต้องสงสัย ทั้งที่มีรายงานว่าหญิงสาววางมันไว้ที่เบาะหลังก่อนขึ้นรถ!



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            เงาดำเสี่ยหมงจางหาย เลือนจากไปตั้งแต่รถแล่นออกจากมูลนิธิดาวัน

            ธันวาเปรยขึ้นเบา ๆ

            “ตอนพวกนั้นค้นรถเรา ที่เบาะหลังมีใครนั่งอยู่หรือเปล่า”

            ชายหนุ่มไม่เห็นอย่างหญิงสาว แต่สัมผัสถึงกลุ่มพลังงานแปลกปลอมได้ หนำซ้ำยังอ่านเจตนาผู้นำของมาฝากอย่างกระจ่าง ไม่ต้องให้ใครอธิบาย

            “อือ...” มีนาตอบรับแค่นั้น แล้วรีบหันไปหยิบกระเป๋าจากเบาะหลังมาวางบนตัก

            กล่องเหล็กถูกนำมาเปิด ภายในมีเอกสารต่าง ๆ รวมถึงแฟลชไดร์ฟบันทึกข้อมูลสำคัญ

            มีนาอ่านเอกสารในนั้นคร่าว ๆ ก่อนถอนใจหนัก

            “หลักฐานพวกนี้น่าจะเอาผิดมูลนิธิดาวันได้จริง” หญิงสาวบอก

            “งั้นจะเอาหลักฐานไปให้พ่อ หรือแวะรับตี๋เล็กกับส้มน้อยก่อน” ธันวาถาม

            พ่อธันวากับพ่อมีนาอยู่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ อีกทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีเบื้องหลังการล้มมาโนช

            หลักฐานสำคัญขนาดนี้ควรรีบนำไปให้หนึ่งในสองคนก่อนเพื่อป้องกันการผิดพลาด แต่ตี๋เล็กก็ส่งไลน์มาบอก ทำให้ทราบว่าทางนั้นเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องรีบออกจากห้องมีนาเช่นกัน

            หลักฐานสำคัญ ส้มน้อยก็น่าเป็นห่วง

            “ตอนนี้ใกล้เวลาหนังเลิกแล้ว แวะไปรับส้มน้อยกับตี๋เล็กก่อนดีกว่า” มีนาบอก

            ธันวาไม่คัดค้าน การมาบ้านดาวันครั้งนี้ได้หลักฐานข้อมูลเกินคาด แลกกับการเปิดเผยร่องรอยตนเอง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไหวตัว กลายเป็นเป้าไล่ล่า

            การที่มีคนบุกถึงห้องมีนา และถูกเจ้าหน้าที่มูลนิธิดาวันตรวจสอบภายในรถเป็นการยืนยันอย่างดี

            ทั้งสองนั่งเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนมีนาเอ่ยปากตั้งข้อสงสัย

            “ถ้าหลักฐานซ่อนในโพรงไม้ใต้ต้นตะแบก แล้วที่ดอกแก้วส่งรูปเรือนเพาะชำกระจกไปให้มาโนชทำไม...มันหมายความว่ายังไง”

            “เรือนเพาะชำนั้นอาจเป็นที่เก็บอาวุธและยาเสพติด” ธันวาบอก

            “หา...” มีนาอุทาน

            จากการสังเกตโดยรอบเรือนเพาะชำ เทียบกับลักษณะที่ตั้งในแผนผัง การวางเวรยามเฝ้าระวัง ทั้งหมดนี้โยงไปสู่ข้อสรุปเดียว...ที่ตรงนั้นเป็น ‘คลัง’ สำคัญ

            เพราะดูจากแผนผังแล้ว มันเชื่อมโยงกับทางออกหลายสายทั้งทางบกทางน้ำ และจากการอ่านประวัติมูลนิธิดาวัน พบว่ามีการขุดคลองเชื่อมเพิ่มเติม จึงเชื่อว่าอาจมีการทำห้องใต้ดิน ทางลับใต้ดินสำหรับขนถ่ายสินค้าซึ่งซ่อนอยู่ใต้เรือนเพาะชำ และแมกไม้เขียวขจีอย่างแนบเนียน

            “ดอกแก้วเป็นอะไรกับมาโนช ทำไมเธอถึงยอมทำเรื่องเสี่ยงขนาดนั้น” หญิงสาวตั้งคำถาม

            “ข้อนั้นฉันไม่รู้...เท่าที่สังเกตในนิมิต ดอกแก้วต้องการหนีจากองค์กรนี้ และการร่วมมือกับมาโนช เป็นหนทางเดียวที่เธอจะรอดได้”

            มีนาถอนใจพูดอะไรไม่ออก

            รถแล่นเข้าเขตกลางเมือง อีกไม่ไกลจะถึงห้างสรรพสินค้า

            “เดี๋ยวฉันโทรบอกตี๋เล็กก่อนนะว่าใกล้ถึงห้างแล้ว จะได้นัดออกมาเจอเลย” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์เตรียมโทรออก

            “เอาไว้ไปถึงห้างฯ ก่อนค่อยโทรก็ได้” อะไรบางอย่างในใจธันวาสะกิดให้พูดอย่างนั้น

            มีนามองชายหนุ่มอย่างแปลกใจ ไม่คัดค้านยอมวางโทรศัพท์ลง กว่าจะขับรถถึงห้างฯ ต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่ง เอาไว้ไปถึงสถานที่นั้นแล้วค่อยโทรบอกเด็กหนุ่มก็ยังทัน

            ธันวาขับรถด้วยความรู้สึกแปลก เหมือนสัญชาตญาณระวังภัยจะทำงาน คอยควบคุมสั่งการให้เขากระทำตามความรู้สึกพิเศษ

            รถแล่นเกือบถึงหน้าห้างสรรพสินค้า กำลังจะผ่านป้ายรถเมล์ข้างหน้า มีนามองเห็นเด็กหนุ่มร่างสูง กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กยืนโบกมือเรียกก่อนถึงป้ายรถเมล์

            ธันวาชะลอรถเข้าไปรับ มีนาแปลกใจที่เห็นทั้งสองมารอป้ายรถเมล์แทนที่จะเดินเล่นในห้าง รอพวกเธอโทรติดต่อเข้าไป

            พอสบตาเด็กหนุ่มตอนขึ้นรถ หญิงสาวค่อยรู้สึก ฝ่ายนั้นน่าจะเกิดเรื่องผิดปกติ ทำให้เปลี่ยนแผนกะทันหัน จึงสงบปากไม่ถามอะไรโพล่ง ๆ

            “เรียบร้อยแล้ว ออกรถได้เลยครับพี่ธัน” ตี๋เล็กกับส้มน้อยนั่งเบาะหลังเสร็จจึงบอกคนขับด้านหน้า

            รถแล่นห่างจากห้างสรรพสินค้า มีนาปรับสีหน้าสดใสหันไปคุยกับเด็กหญิง

            “ดูหนังสนุกมั้ยจ๊ะส้มน้อย”

            “สนุ๊กสนุกค่ะ” สีหน้าเด็กหญิงบอกจริงตามนั้น “หนูดูจนลืมเวลาเลย แป๊บเดียวเอง”

            “แล้วพี่เพชรพาไปเลี้ยงขนม กินไอติมหรือเปล่า” หญิงสาวถามต่อ

            “พี่เพชรพาไปกินข้าวกินไอติมก่อนดูหนังแล้วค่ะ พอดูหนังจบก็บอกว่าไปกินขนมนอกห้างกันเถอะ...ถูกกว่าในนี้เยอะเลย” เด็กหญิงเล่าอย่างร่าเริง

            เด็กหนุ่มอมยิ้ม มีนาหันมาสบด้วยแววตารู้ทัน

            “พวกพี่จะไปไหนต่อครับ” เพชรถามขึ้น

            “จะไปหาคุณพ่อ” มีนาตอบ

            ตี๋เล็กรู้จักบิดาทั้งสองคน เพราะสองครอบครัวได้มาแนะนำ ทำความรู้จักกันในงานศพทวดตนเองแล้ว

            “โทรบอกท่านหรือยัง” เด็กหนุ่มถาม

            “ยัง...กำลังจะโทรนี่แหละ” มีนาหยิบโทรศัพท์ ขยับจะหันกลับไปคุยให้เรียบร้อย

            “พี่อย่าใช้โทรศัพท์ตัวเองเลย เอาเครื่องผมใช้แทนดีกว่า”

            มีนาขมวดคิ้ว กำลังจะย้อนถามเหตุผล ตี๋เล็กก็ยื่นโทรศัพท์ตนเองให้โดยไม่อธิบายอะไรเพิ่ม เธอจึงรับมากดหมายเลขบิดาตนก่อน

            ขณะหญิงสาวกำลังคุยโทรศัพท์ ธันวาขับรถอยู่บนถนนคลาคล่ำการจราจรติดขัด ตี๋เล็กหันมาถามเด็กหญิงเบา ๆ

            “ขนมอร่อยมั้ย” เขามองขนมในถุงที่ตนซื้อให้เด็กหญิง

            “อร่อยค่ะ” ส้มน้อยยื่นถุงขนมตนเองให้เด็กหนุ่มชิม

            “พี่ไม่กินหรอก ส้มน้อยกินคนเดียวเลย” พูดพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู

            “หนูอิ่มแล้ว” เด็กหญิงบอกตรง ๆ

            เด็กหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ชวนคุยต่อ

            “เที่ยววันนี้สนุกมั้ยเอ่ย”

            “สนุกม๊ากมากเลยค่ะ” ตอบแล้วเริ่มง่วงงุน

            “เหนื่อยหรือยัง” ตี๋เล็กถามเสียงอ่อน

            “เหนื่อย...นิดนึง” เด็กหญิงพยายามฝืนความง่วง

            “ถ้าส้มน้อยเหนื่อยก็นอนพักก่อนได้นะจ๊ะ...ตื่นมาจะได้สดชื่น” คนตัวโตกว่าบอก

            คราวนี้ความง่วงงุนจู่โจมจนส้มน้อยทานทนไม่ไหว ค่อย ๆ เลื่อนตัวลงนอนหนุนตักอีกฝ่ายอย่างอ่อนเพลีย และหลับสนิทในเวลาไม่นานนัก

            มีนาวางสาย คืนโทรศัพท์ให้ตี๋เล็ก มองส้มน้อยที่นอนหนุนตักอย่างเป็นสุข ก่อนเอ่ยปากถาม

            “ตอนนี้บอกพี่ได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น?” พูดด้วยแววตาเท่าทัน...เรื่องที่จะคุยกันนั้นไม่ควรให้เด็กหญิงรับรู้ ไม่งั้นคงขวัญเสียไปด้วย

            “ครับผม” เด็กหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มใส คล้ายเหตุการณ์ที่กำลังจะเล่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้ตื่นเต้นหวาดเสียวแต่อย่างใดเลย



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            หนังบนจอที่ทุกคนในโรงภาพยนตร์ชม แตกต่างกับที่เพชรเห็น...ชนิดเป็นคนละเรื่อง!

            หลังจากปกป้องมาเตือนให้หนีจากห้องมีนา วิญญาณดวงนั้นก็หายไป คล้ายมีอีกเรื่องสำคัญรออยู่

            เพชรพาส้มน้อยมารับประทานอาหารกลางวัน กินไอศกรีม ก่อนเข้าชมภาพยนตร์รอบบ่าย ซึ่งพอหนังฉายใกล้จบเรื่อง ปกป้องก็กลับมาพร้อมฉายหนัง ‘พิเศษ’ ให้ดูโดยเฉพาะ

            เด็กหนุ่มเห็นแล้วถอนใจเฮือกใหญ่...คนอื่นได้ดูตอนจบภาพยนตร์คอมเมดี้ สนุกสนาน เขากลับได้ชมตอนเริ่มต้นภาพยนตร์สืบสวน บู๊ แอคชั่น!

            ผู้ชายสี่คนมีรังสีนักฆ่าเข้มข้น ดูเป็นคนละชุดกับที่ตามไปคอนโดมีนา พวกเขากระจายกันตามหาส้มน้อยทั่วห้างสรรพสินค้า บางคนมายืนแถวหน้าโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำ

            ปกป้องฉายภาพให้ดูเหมือนกล้องวงจรปิด บอกให้รู้ว่าชายทั้งสี่อยู่จุดไหน กำลังทำอะไร

            พอหนังเลิกเด็กหนุ่มจึงต้องพาเด็กหญิงหลบหลีก ‘นักฆ่า’ ทั้งสี่อย่างเฉียดฉิว อาศัยจังหวะ ความรับรู้ ‘พิเศษ’ หลบซ่อน หลีกหนีอย่างน่าตื่นเต้น

            เขาไม่กล้าโทรศัพท์หรือไลน์บอกมีนา ธันวา ด้วยมั่นใจว่าไลน์ที่ตนส่งให้สองหนุ่มสาวถูก ‘แฮก’ มีคนภายนอกล่วงรู้ความเคลื่อนไหว จึงสามารถจัดคนมาตามล่าถึงห้างสรรพสินค้าได้

            เมื่อใช้เทคโนโลยีปัจจุบันติดต่อ นัดหมายเวลาสถานที่ให้สองหนุ่มสาวมารับไม่ได้ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือโบราณอย่างที่หลายคนลืมเลือน

            ‘พรายกระซิบ’

            เพชรไม่ได้บอกให้วิญญาณเด็กชายไป ‘กระซิบ’ บอกจุดนัดพบกับมีนา เพราะต่อให้หญิงสาวมีจิตสื่อวิญญาณแต่ช่วงเวลากลางวัน พลังงานวิญญาณถดถอย สมาธิมีนาถูกรบกวนจากสิ่งรอบข้าง อาจทำให้การสื่อสารคลาดเคลื่อน

            เขาจึงให้วิญญาณดวงนั้นทำหน้าที่สืบข่าว รายงานความเคลื่อนไหวสองหนุ่มสาวว่าออกจากบ้านดาวันหรือยัง ขับรถมาถึงไหนแล้ว อีกทั้งให้คอยรายงานการไล่ล่าของนักฆ่าทั้งสี่ทุกระยะ

            ‘พราย’ ตนนี้ทำหน้าที่ ‘กระซิบ’ บอกสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี ช่วยให้เด็กหนุ่มหลบหลีกสี่นักฆ่าอย่างหวุดหวิดหลายครั้ง รอเวลาจนกระทั่งธันวาขับรถใกล้มาถึงห้างสรรพสินค้า ค่อยออกไปยืนดักแถวป้ายรถเมล์ เพื่อโบกรถขึ้นได้ทันที



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            “โทรศัพท์ถูกแฮกหรือ?” หลังฟังจบเรื่อง นี่คือประโยคแรกที่หลุดจากปากธันวา

            มันคล้ายคำอุทาน เพราะหลังจากนั้นเขานิ่งเงียบ ในหัวกำลังครุ่นคิด ปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่าง

            “ผมไม่รู้ว่าเครื่องของพี่คนไหนโดนแฮก เพราะส่งไลน์ไปบอกทั้งสองคน” ตี๋เล็กเสริม

            “เครื่องใครโดนแฮกไม่สำคัญแล้ว ต้องรีบเอาหลักฐานไปให้พ่อพฤกษ์ก่อน” มีนาพูดขึ้น

            “พ่อวีอยู่ไหนล่ะ” ธันวาเอ่ยปากถามถึงพ่อมีนา แววตาไม่คลายอาการครุ่นคิดไตร่ตรอง

            “พ่อฉันออกไปทำงานต่างจังหวัด บอกให้เอาหลักฐานไปให้พ่อแกได้เลย ท่านสองคนติดต่อกันตลอดอยู่แล้ว”

            ได้ยินอย่างนี้ธันวาจึงนิ่งเงียบอีกครั้ง

            “โทรศัพท์โดนแฮกอย่างนี้ ถ้าพวกพี่ไปหาคุณลุง พวกนั้นต้องรู้แน่ว่าได้หลักฐานมาแล้ว” ตี๋เล็กเคยพบบิดาสองหนุ่มสาวมาก่อน

            “นั่นสิ เอาไงดี” มีนายอมรับ

            การถูกค้นรถที่หน้ามูลนิธิดาวันแล้วไม่พบสิ่งต้องสงสัย ทำให้ฝ่ายนั้นแค่สงสัยว่าพวกตนอาจมีหลักฐานสำคัญ แต่ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเมื่อไหร่พวกตนไปพบตำรวจคนใดคนหนึ่ง รับรองพวกมันต้องตามล่าหลักฐานคืนอย่างเอาเป็นเอาตายแน่

            “ผมเอาของไปให้ลุงพฤกษ์ก็ได้” ตี๋เล็กบอก

            มีนาค่อยนึกได้...บุคคลไม่น่าสงสัยที่สุด คือเด็กหนุ่มคนนี้ เพชรมีวิธีทำตัวไม่ให้เป็นที่สังเกตได้อย่างแนบเนียน และความสามารถระดับนี้ การทำหน้าที่ ‘เด็กส่งของ’ นับว่าง่ายดาย

            “โอเค...อย่างนั้นเยี่ยมเลย” หญิงสาวโล่งใจ

            “เดี๋ยวก่อน” คนที่นั่งเงียบเอ่ยขัดขึ้น “ถ้าโทรศัพท์พวกเราโดนแฮก...แล้วคนที่ส่งไลน์มาบอกจะไม่โดนตรวจสอบ ตามรอยเลยหรือไง”

            ความเห็นธันวาทำให้มีนานิ่งอึ้ง หวาดเสียวในใจ

            คนไม่เดือดร้อนคือเด็กหนุ่มผู้อาสา ‘ส่งของ’

            “อ้อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะอารมณ์ดี “ผมลงอาคมไว้ที่โทรศัพท์ตัวเอง ใครก็แฮกไม่ได้ เทคโนโลยีไหนก็ตามรอยไม่เจอ”

            “ฮ้า...จริงน่ะ...ไม่น่าเชื่อ” ถึงฟังดูประหลาดขนาดนั้น แต่คนพูดเป็นศิษย์สุดท้ายของจอมเวทแห่งยุค มีนาจึงอดเชื่อถือไม่ได้

            เด็กหนุ่มหัวเราะพรืด

            “พี่นี่หลอกง่ายจัง...ผมพูดเล่นน่ะ...โทรศัพท์ผมลงโปรแกรมพิเศษเอาไว้ เพื่อนที่มันจีเนียสด้านนี้ทำไว้ให้ ‘แฮกเกอร์’ ที่ไหนก็แฮกไม่ได้ ตามรอยไม่เจอ”

            มีนานึกถึงภาพตี๋เล็กตอนอยู่มหาวิทยาลัย...เด็กหนุ่มสวมแว่นหนา ทำผมทรงมารูโกะ ดูเนิร์ดขนาดนั้น คงคบได้แต่เพื่อนที่เนิร์ด อัจฉริยะพิเศษพอกัน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP