วรรณกรรมนำใจ Lite Literature
เร้น ๑๓
ชลนิล
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
บทที่ ๘
ส้มน้อยขดตัวอยู่ในสถานที่มืด แคบ อับชื้น น่ากลัว เธอหลับ ๆ ตื่น ๆ หลายครั้ง ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เสียงฝีเท้าที่เคยสับสนวนเวียนอยู่ใกล้เงียบหายตั้งแต่เมื่อไหร่ หนูน้อยไม่กล้าขยับตัวออกไป ด้วยใจยังหวาดกลัวต่อภาพที่เห็น และด้วยคำสั่งสุดท้ายของ ‘พี่ป้อง’
“อย่าออกไปไหนนะ...ซ่อนในนี้...เดี๋ยวพี่จะพาคนมาช่วย”
พี่ป้องหายไปนานแล้ว...นานแค่ไหนส้มน้อยตอบไม่ได้ ถึงอย่างไรหนูน้อยก็ไม่กล้าออกไปอยู่ดี ร่างกายเธออ่อนเพลีย ขอบตาร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เธอต้องรอคอยพี่ป้องอยู่ที่นี่ เขาคือคนคนเดียวที่คอยปกป้อง คุ้มครองเธอได้
กึก...กึก...กึก เสียงฝีเท้าดังอีกแล้ว ส้มน้อยขนลุกชัน ตื่นตัว คอยระวัง แทบไม่กล้าระบายลมหายใจ เธอไม่ยอมให้ ‘คนพวกนั้น’ จับได้เด็ดขาด
หนูน้อยกลัว...กลัวอย่างยิ่ง
เพราะหากถูกจับได้ เธอจะอยู่ในสภาพเดียวกับ ‘คุณลุง’ ที่เธอไม่รู้จัก สภาพของคุณลุงคนนั้นน่าสยดสยอง ชวนหวาดกลัว เกินกว่าเด็กวัยแปดขวบอย่างเธอจะรับได้
กึก...กึก...เสียงเดินช้าลง เหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง มีอาการลังเล ไม่แน่ใจอยู่ในฝีเท้า
ส้มน้อยหลับตานิ่ง ภาวนาให้เสียงฝีเท้านั้นผ่านเลยไป แต่แล้วมันกลับตรงมายังที่ซ่อนของเธอแบบไม่ลังเล
กึก...กึก...จังหวะเดินหนักแน่น ตรงเข้ามา ตรงเข้ามา
เด็กหญิงหลับตาปี๋ ใจเต้นตึกตัก หวั่นไหว หวาดกลัว ภาวนาให้คนคนนั้นผ่านเลยไปไกล ๆ
คำภาวนาไม่เป็นผล ประตูที่ปกปิดช่องเล็ก ๆ ถูกเปิดออก แสงสว่างภายนอกส่องเข้ามา
“อยู่นี่เอง...” เสียงพูดพร้อมอาการถอนใจอย่างโล่งอก
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
คลินิกงามพิศกำลังต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ เป็นหญิงสาวผอมเพรียว ผิวขาวเนียน ใบหน้าสวย ดวงตาเรียวรี แต่งตัวเสื้อผ้าแบรนด์เนม บอกให้ทราบว่า ถ้าไม่กระเป๋าหนัก ก็คงเป็นผู้หญิงที่ห่วงหน้าตา รูปลักษณ์ตนเอง ลักษณะเช่นนี้เข้าข่ายกลุ่มเป้าหมายคลินิกแห่งนี้อย่างยิ่ง
มีนาเข้ามาเป็นลูกค้าในคลินิกได้อย่างแนบเนียน กลมกลืนกับลูกค้าอื่น ถามไถ่ พูดคุยเกี่ยวกับโปรแกรมเสริมความงามต่าง ๆ คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ ทำให้ทราบว่าที่นี่มีบริการตั้งแต่ให้ยารักษาสิว ฉีดโบท็อก ไปจนถึงผ่าตัดศัลยกรรมทุกส่วน ทุกความต้องการ ด้วยมาตรฐานไม่แพ้ต่างประเทศ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ใหญ่โต กว้างขวาง พอกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เสี่ยหมงมาเข้าฝันให้เธอตามรอยกัญญา ตามรอยลูกจ้างสาวคนวางยา โดยให้มาคลินิกชวนพิศ
มีนาไม่รู้ว่าการมาคลินิกนี้จะเจอร่องรอยใดบ้าง ต่อให้มันเป็นคลินิกแม่ของคลินิกกัญญาก็ตาม
จากภาพนิมิตที่เห็น รวมกับข้อมูลของตี๋เล็กเกี่ยวกับชาสั่งจิต ทำให้มีนาสามารถคาดการณ์ สรุปคดีการตายของกัญญาได้ไม่ยาก
เศรษฐีนีสาวน่าจะเสียชีวิตด้วย ‘ชาสั่งจิต’ ไม่ต่างจากเสี่ยหมง อาจไม่โดนล่อหลอกให้ดื่มชา เพราะเพียงแค่ควันกำยานของมันก็มีฤทธิ์ ‘สั่งจิต’ ได้ไม่ต่างจากดื่มชาอยู่แล้ว
เมื่อกัญญาถูกสั่งให้ฆ่าตัวตายในแบบที่เธอสะดวกอย่างนั้น จะเหลือร่องรอยใดให้สืบสาวอีก
ส่วนมือสังหารลูกจ้างสาว คาดเดาว่าหลังจากได้รับคำสั่งให้วางยาเสี่ยหมงเสร็จ ก็คงถูกสั่งให้คอยตามดูกัญญา จนกระทั่งเห็นกัญญาถูกตำรวจสอบสวนเกี่ยวกับคดีเสี่ยหมง...เธอจึงได้รับคำสั่งจากนายใหญ่ให้จัดการ ‘เก็บกวาด’ ตัดตอนไม่ให้เหลือร่องรอยสืบสาวต่อไป
เมื่อภารกิจสังหารเสร็จสิ้น มือสังหารย่อมเร้นกาย ไม่มีทางปรากฏตัวในที่สาธารณะแน่นอน
โปรดิวเซอร์สาวคาดการณ์คดีนี้ถูกต้องถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกห้าเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ...ผิดพลาด เพราะมือสังหารไม่ได้เร้นกาย เธอทำงานในคลินิกชวนพิศในตำแหน่งแม่บ้าน ดูแลความสะอาด
มีนาสะดุดตาทันทีที่มองเห็น หญิงสาวแม่บ้านเข็นรถทำความสะอาดผ่านหน้า ความทรงจำเสี่ยหมงยังแจ่มชัด ถึงภาพใบหน้าผู้สะกด ‘สั่งจิต’ ตนเอง
ใบหน้าของหญิงสาวดูเรียบ ๆ ไม่มีส่วนใดสะดุดตา ไม่ใช่ผู้หญิงสวยจนผู้ชายเหลียวหลัง แต่ไม่ใช่คนขี้เหร่ที่ใครเห็นต้องเบือนหน้า เธอดูเหมือนผู้หญิงทั่วไป จนยากจดจำแม้จะมองซ้ำสองสามครั้ง
มีนาเกือบลุกพรวด ติดตามแม่บ้านคนนั้นไปแล้ว ถ้าสติไม่ฉุดรั้งไว้ก่อน
ภาพภายนอกมีนาเหมือนผู้หญิงสวยแค่เปลือก สมองกลวง พูดจาเจื้อยแจ้วไร้สาระไปวัน ๆ คนรู้จักสนิทชิดเชื้อจึงจะรู้ว่า ตำแหน่ง ‘โปรดิวเซอร์’ ของเธอไม่ใช่ได้มาด้วยการจับฉลาก หรือเอาความงามเข้าแข่งขัน มันได้มาจากมันสมอง หัวครีเอทีฟ สร้างสรรค์ อีกทั้งยังฉลาดคม ฉับไวต่อสถานการณ์เฉพาะหน้า
เมื่อเธอรู้ว่าคนที่ตามหากำลังใช้ตำแหน่ง ‘แม่บ้าน’ มาอำพราง เป็นเครื่องมือซ่อนตัวตน ฉะนั้นเจ้าตัวย่อมไม่สลัดเปลือกนี้ออกง่าย ๆ ไม่มีทางหนีไปไหนในเวลาอันสั้น หากเธอลุกพรวดติดตามทันที อาจสร้างพิรุธให้ตนเองได้
อีกอย่าง มือสังหารรายนี้ไม่รู้จักมีนา...ไม่รู้ว่าหญิงสาวจดจำใบหน้าเธอได้จากความทรงจำเสี่ยหมง จึงไม่ควรผลีผลามแหวกหญ้าให้งูตื่น
มีนาวางโปรแกรมเสริมความงามที่ทางคลินิกนำเสนอลงบนโต๊ะ ยิ้มหวานให้หญิงสาวผู้ทำหน้าที่แนะนำ ชักชวน
“พี่ยังตัดสินใจไม่ถูกเลยค่ะ ว่าจะใช้คอร์สตัวไหนดี น้องแนะนำหน่อยสิคะว่าตัวไหนคุ้มค่าที่สุด”
พนักงานสาวยิ้มอย่างยินดี ตามด้วยคำอธิบายแยกแยะรายละเอียดข้อดีในคอร์สต่าง ๆ พร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษจากทางคลินิก
สุดท้ายมีนาเลือกซื้อคอร์สเสริมความงามราคาถูกสุด แบบผ่อนชำระศูนย์เปอร์เซ็นต์ เพื่อเธอจะมาคลินิกได้บ่อยโดยไม่เป็นที่สังเกต
หลายคนเห็นมีนาใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม หมั่นดูแลรูปร่าง ผิวพรรณจนกลายเป็นติดสวย แต่มีไม่กี่คนรู้ว่า เธอจะซื้อแค่ของ ‘Sale’ ลดราคาเท่านั้น ยิ่งพวกกระเป๋าหรูทั้งหลาย ก็นิยมใช้ของมือสองที่เจ้าของปล่อยแบบขาดทุนยับ
มีนา ลูกสาว ‘คุณนายเภา’ เศรษฐีนีเจ้าของห้างใหญ่ ร้านทองห้าสาขา ยึดหลักตามมารดาอย่างเหนียวแน่น
...สวยได้แต่อย่าสิ้นเปลือง...
หลังจากรูดบัตรจ่ายค่าคอร์ส นัดวันเข้ามาใช้บริการเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ตามทิศทางที่เห็นแม่บ้านเป้าหมายเข็นรถไปทำความสะอาด
พบบุคคลต้องการเจอกำลังวางป้าย ‘เขตทำความสะอาด’ อยู่ตรงหน้าห้องน้ำหญิง
“อุ๊ย...ห้องน้ำนี้ยังใช้ไม่ได้หรือคะ” มีนาแทรกน้ำเสียงผิดหวังในวาจาอย่างเป็นธรรมชาติ
“อ๋อ...เชิญค่ะ ไม่เป็นไร” แม่บ้านตอบสุภาพ
“ขอบคุณนะคะ”
มีนายิ้มหวานพร้อมเหลือบมองป้ายชื่อตรงหน้าอกเธอ...
‘เมวดี’ น่าจะไม่ใช่ชื่อปลอม เพราะลูกจ้างบ้านกัญญาก็เคยเอ่ยชื่อ ‘พี่เม’ ออกมาเหมือนกัน
หญิงสาวจดจำชื่อ นามสกุลแม่บ้านคนนี้อย่างแม่นยำ ขึ้นใจ
หลังทำธุระเสร็จ ยืนล้างมือ เติมเครื่องสำอางอยู่ตรงหน้ากระจก พอเก็บแป้งพัฟเงยหน้าขึ้นพบว่าเงาที่สะท้อนกระจกออกมานั้น ไม่ได้มีแค่เธอ...แต่มีเด็กผู้ชายตัวโต ผิวกร้านคล้ำยืนอยู่ด้านหลัง คล้ายกำลังรอคอยให้มองเห็น
มีนาเกือบหวีดเสียงร้องกรี๊ดออกมาแล้ว ถ้าไม่ทันสังเกตเห็นแม่บ้านเมวดียังทำความสะอาดอยู่ใกล้ ๆ พยายามตั้งสติฝืนกลืนความหวาดกลัวตกใจลงไป สูดลมหายใจลึก ๆ เรียกความกล้าออกมา
ที่จริงหล่อนแอบคิดแต่แรกแล้วว่าอาจเจอเด็กผู้ชายในฝัน เพราะรายละเอียดทุกอย่างในคลินิกชวนพิศไม่แตกต่างจากความฝันเลย
พอมาตามคำบอกของผีเสี่ยหมง แล้วพบมือสังหารในคราบแม่บ้าน ทำให้เชื่อลึก ๆ ว่าเด็กผู้ชายในฝันย่อมปรากฏตัวในวาระต่อมา
เพียงไม่ทันคาดว่า เขาจะปรากฏตัวในสภาพวิญญาณเช่นนี้
“ช่วยส้มน้อยด้วย!” เสียงนี้กังวานในใจอีกครั้ง
หญิงสาวระบายลมหายใจแผ่ว ไม่แสดงท่าผิดปกติให้แม่บ้านมือสังหารเห็น เบือนสายตาจากกระจก พบวิญญาณเด็กชายยืนรอหน้าประตู สีหน้าวิตกกังวล ต้องการเร่งให้หล่อนรีบติดตามไป
ก้าวเดินออกจากห้องน้ำ รักษากิริยาไม่ให้ขาสั่น ยิ้มให้แม่บ้านเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนออกมาด้วยใจต๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่รู้ผีเด็กชายจะพาไปถึงไหน
ที่จริง...หากเธอเพิกเฉย ไม่สนใจ วิญญาณดวงนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มั่นใจว่าเครื่องรางของปู่กับตี๋เล็กจะคุ้มครองตนเอง หากส่วนลึกในใจบังเกิดสายใยบางอย่าง บอกว่าวิญญาณเด็กชายจะพาเธอไปช่วยใครบางคนที่กำลังลำบาก รอคอย น่าสงสารอย่างยิ่ง
ออกจากคลินิกทางประตูด้านข้างเหมือนในความฝัน มาโผล่ตรงซอยระหว่างตึกต่อตึก เดินกึ่งวิ่งพลางมองบริเวณรอบ ๆ ทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยนจากความฝันเมื่อคืน
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายเกือบเย็น มองเห็นบรรยากาศชัดตา ด้านหลังตึกแถว ร้านรวงดูไม่สกปรก เฉอะแฉะเท่าในฝัน ผู้คนสวนไปมา เด็กวิ่งเล่นเป็นปกติ
เงาร่างเด็กชายปรากฏเป็นระยะ ด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทำให้เจ้าตัวไม่อาจแสดงร่างชัดเจน ต่อเนื่องได้เท่ายามค่ำคืน
มีนาสะกดใจติดตามอย่างใจเย็น ยิ่งล่วงลึกเข้าใกล้จุดหมายเท่าไหร่ สัญญาณอันตรายในใจยิ่งสั่นระรัวเร็วขึ้นเท่านั้น
จุดหมายเป็นตึกร้างสูงสี่ชั้น ประตูทางเข้าด้านหนึ่งถูกปิดตาย อีกด้านผุพังถูกรื้อออกโดยไม่สนใจจะมีผู้บุกรุกหรือไม่
วิญญาณเด็กชายพามีนาเข้าทางประตูที่ถูกรื้อ สังเกตเห็นรอยเท้าเก่าย่ำเดินเข้าไปเป็นเทือก นึกหวั่นลึก บอกไม่ถูกตนเองจะต้องเจออะไรข้างหน้า
บนพื้นในตัวตึกร้างมีฝุ่นหนา เศษขยะเกลื่อน เห็นรอยเท้าสับสนหลายรอย ข้าวของถูกทิ้งระเกะระกะ อากาศอับชื้น ละอองฝุ่นลอยคลุ้ง วิญญาณเด็กชายดูชัดเจนกว่าข้างนอก
ร่างนั้นยืนกวักมือเรียกหญิงสาวจากหน้าห้อง ๆ หนึ่งในจำนวนหลายห้อง หล่อนเดินช้า ๆ เข้าไปหา แสงสว่างด้านนอกยังไม่สามารถขับไล่ความชื้นอับ ชวนหนาวยะเยือกในใจออกไปได้
แง้มประตูเข้าไปในห้อง เห็นข้าวของเหลือใช้เกลื่อนเรี่ยราด วิญญาณเด็กชายหายไปแล้ว หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบ อยากเอ่ยปากส่งเสียงเรียก...ส้มน้อย...แต่อะไรบางอย่างเตือนให้หล่อนสงบปากคำเอาไว้
‘ส้มน้อย’ คือใคร ซ่อนตัวอยู่ไหน กำลังลำบากอย่างไร ผีเด็กตนนั้นถึงเร่งเร้า พาหล่อนมาช่วยเหลือ?
ขณะครุ่นคิด มีนาก็เดินไปรอบห้องพร้อมมองหา พบชั้นวางของว่างเปล่าตั้งเรียงชิดผนัง ลองเดินดูช้า ๆ อาศัยแสงสว่างจากช่องกระจกด้านบนทำให้มันไม่มืดเกินไป
เดินวนเวียนอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นวิญญาณเด็กชายปรากฏตัวตรงมุมผนังด้านหนึ่ง ซึ่งเกลื่อนไปด้วยกล่องเปล่า ลังใส่ของเหลือใช้ มือเด็กชายชี้ไปยังช่อง ๆ หนึ่ง มีประตูบานเล็กซ่อนอยู่ ไม่อาจสังเกตเห็นง่าย ๆ
มีนาเดินตรงไปยังช่องนั้น ภาพเด็กชายชัดเจนขึ้น บอกถึงเจตจำนงแน่วแน่ในการรวบรวมพลังปรากฏตัว เพื่อชี้ที่ซ่อนบุคคลต้องการความช่วยเหลือ
หญิงสาวลากกล่องลังที่ขวางประตูเล็กออก แล้วคุกเข่าลง ประตูบานนี้สูงแค่เอวเธอ หากมีใครซ่อนในนั้นน่าจะเป็นเด็ก ไม่ก็สัตว์เลี้ยงตัวไม่ใหญ่นัก
“ส้มน้อย...ส้มน้อยอยู่ในนั้น” เสียงเด็กชายกังวานแว่ว
มีนาดึงประตูบานเล็กเปิดออก ก่อนถอนใจอย่างโล่งอก
“อยู่นี่เอง...”
ภายในนั้นเป็นช่องเก็บลังวัสดุ ขนาดไม่ลึกมาก เด็กผู้หญิงผมสั้น ผอมบาง เนื้อตัวมอมแมม ซุกร่างหลับตาตัวสั่นอยู่ในนั้น
หญิงสาวหันมองวิญญาณเด็กชาย เห็นใบหน้าเขาผ่อนคลายลง
“ส้มน้อย...พี่มาช่วยแล้ว ออกมาเถอะ” มีนาจงใจเรียกชื่อที่ดังในหัว มั่นใจว่าไม่ผิดพลาด
ได้ผล...เด็กหญิงลืมตาอย่างตื่นกลัว ก่อนหยีตาเมื่อกระทบแสงสว่างจากภายนอก พอปรับสายตาได้ เธอค่อยมองเห็นหญิงสาวท่าทางใจดี นั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตู
...พี่ป้องพูดไม่ผิด...เขาพาคนมาช่วยแล้ว...แต่...พี่ป้องอยู่ไหน?
มีนาสังเกตเห็นแววกึ่งกล้า กึ่งกลัวอย่างประหลาดในดวงตาเด็กหญิง กำลังจะยื่นมือเข้าไปให้เธอจับเพื่อเกิดความไว้วางใจ...แต่แล้ว
...แกร๊ก...ตึง...ตึง...กึก...กึก...
เสียงงัดประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงเลื่อนข้าวของเกะกะขวางทาง เสียงฝีเท้าดังสับสนฟังได้ว่า ผู้บุกรุกไม่ได้มาคนเดียว แต่ยกกันมาเป็นทีม
เด็กหญิงรีบกระถดตัวเข้าไปข้างในลึกกว่าเดิม มีนาเหลียวไปมองด้านนอก แวบแรกที่ได้ยินเสียงผู้คนดังสับสนก็ยินดี กำลังจะลุกขึ้นไปตามคนมาช่วย คิดว่าอาจเป็นเจ้าหน้าที่ คนดูแลตึกที่มาเคลียร์เก็บข้าวของทำความสะอาด
ทว่า...สังหรณ์ร้ายกระตุกวูบ สัญชาตญาณเตือนภัยในใจสั่นรัว เพียงแค่ลุกยืน เธอก็มองเห็นวิญญาณเด็กชายมายืนขวางหน้า กางแขนกั้นไม่ให้ออกไปนอกห้อง
“อย่าออกไป!” เสียงก้องในหัว
มีนาใจหล่นวูบ เกิดความกลัวฉับพลัน ก้มลงเหลือบเห็นเด็กหญิงเบียดตัวจนชิดฝาด้านใน ตัวสั่นระริก แสดงท่าทางหวาดกลัวบุคคลภายนอกอย่างยิ่ง
ความคิด ความสงสัยแล่นปลาบ...อะไรทำให้เด็กผู้หญิงตัวเท่านี้ต้องหนีมาซ่อนตัวอย่างลนลาน...อะไรทำให้เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ตายแล้วยังกังวลเป็นห่วงจนต้องพาคนมาช่วยเหลือ...
เด็กคนนี้กำลังหนีใคร...บุคคลเหล่านั้นตามจับ ไล่ล่าหนูน้อยด้วยเหตุผลใด
สมองครุ่นคิด ไตร่ตรอง เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ มีเสียงห้าว ๆ พูดคุยของกลุ่มผู้ชาย จับใจความไม่ชัดเจน ในน้ำเสียงนั้น แฝงถึงความเคร่งเครียด หงุดหงิดจนรู้สึกได้
พวกนั้นกระจายกำลังไปทั่วตึก ขึ้นบนชั้นสอง สาม สี่ ส่วนชั้นล่างก็แบ่งกันตรวจตรา สำรวจห้องทุกห้อง เปิดประตูค้นหา ลากตู้ ล้มชั้นวางอย่างไม่ปราณีปราศรัย
ใกล้มาถึงห้องนี้แล้ว มีนาใจเต้นแรง หวาดกลัวทำอะไรไม่ถูก จะลองเสี่ยงออกไปคนเดียวก็กลัวถูกจับ ยิ่งพาเด็กหนีออกไปด้วยก็ยากกว่า ไม่มีทางรอดสายตาคนกลุ่มนี้ได้เลย
“หลบข้างในนั้น” เด็กชายบอก
ช่องเก็บของไม่กว้างนัก แต่เพียงพอให้มีนากับเด็กหญิงหลบซ่อนตัว
เมื่อไม่มีทางเลือก หญิงสาวจึงเลื่อนกล่อง ลังกลับมาปกปิด ขวางประตูดังเดิม ก่อนเข้าไปข้างใน พร้อมดึงประตูบานเล็กปิดอย่างทันท่วงที
...ปัง...ประตูถูกถีบให้เปิดออกด้วยอารมณ์หงุดหงิดของผู้ค้นหา
มีนากระถดตัวชิดฝา สัมผัสร่างน้อยกำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว อดไม่ได้ต้องเอื้อมมือโอบร่างเจ้าตัวเล็กมากอดในอ้อมแขน รู้สึกถึงกระไอร้อนวูบจากร่างมาให้สัมผัส จึงถ่ายทอดความอบอุ่นแทนคำปลอบประโลม
ส้มน้อยซุกตัวในอ้อมกอด เหมือนนกน้อยหลบใต้ปีกมารดา หญิงสาวตื้นในอก ความกล้าหาญถูกปลุกขึ้นมา บอกกับตัวเองว่าจะหวาดกลัว ลนลานไม่ได้ เธอมีหนึ่งชีวิตหวังพึ่งพา ให้ช่วยเหลือ
วงแขนกระชับแน่นกว่าเคย พร้อมปกป้องเด็กหญิง หากเกิดเหตุจวนตัวขึ้นมา
เสียงผู้ชายสองคนดังขึ้น พร้อมกับการเข้ามาสำรวจ รื้อข้าวของ หาร่องรอยหลบซ่อนในห้อง
“มันหายไปไหนวะ หายังไงก็ไม่เจอ” เสียงแรกฟังหงุดหงิด เหน็ดเหนื่อย
“ลองดูดี ๆ มีประตูลับ ช่องเก็บของอะไรในห้องนี้หรือเปล่า” อีกเสียงใจเย็นกว่า
ฟังอย่างนี้มีนาหนาววูบ เสียงฝีเท้าเดินวนเวียนรอบห้อง รื้อข้าวของ เลื่อนชั้นวาง เคาะตามผนัง ข้างฝาหาช่องเก็บของ ที่ซ่อนตัว
“แม่ง...หลบไปอยู่ไหนวะ เจ้านายบอกว่า ถ้าไม่เจอตัวเด็กล่ะก็...คอขาดเรียงตัวแน่”
“เออ...กูรู้แล้ว บ่นทำไมวะ รีบ ๆ หาเข้า”
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา กล่องลังที่ปกปิดประตูบานเล็กถูกลากออก มีนาเกร็งตัว เตรียมพร้อมหากพวกมันเปิดประตู ก็ตั้งใจเสี่ยงพุ่งชนไม่ทันให้ตั้งตัว
ทว่า...ไม่เกิดเหตุการณ์นั้น ทั้งสองหยุดยืนหน้าประตูบานเล็ก เสียงพูดคุยลอดเข้ามาชัดเจนเหมือนห่างกันไม่เกินสองฟุต
“อะไรวะมึง...แม่งมีแต่ผนังโล่ง ๆ ไม่เห็นมีประตูช่องเก็บของเหี้ยอะไรเลย”
“เออว่ะ...กูก็สงสัยเหมือนกัน เมื่อคืนกูเห็นเด็กผู้ชายนั่นมันหนีออกมาจากห้องแถวนี้จริง ๆ นะ”
“ฉิบหาย แถบนี้มีตั้งห้าหกห้อง มันออกจากห้องไหนกันแน่วะ”
“นั่นสิ...ตอนจับตัวมันได้ ก็เค้นถามถึงเด็กผู้หญิงที่เจ้านายต้องการตัว แต่ทำยังไงมันก็ไม่ตอบ”
“หึ...แล้วมึงทำยังไง...เก็บมันตามคำสั่งเจ้านายหรือเปล่า”
“เออ...” คำตอบแบบส่ง ๆ ซ่อนนัยบางอย่างในนั้น “เสร็จแล้วกูก็กลับมาค้นหาเด็กผู้หญิงที่ตึกนี้อีกที แต่ก็ไม่เจอร่องรอยอะไรเลย”
“ตอนนั้นมันมืดจะตายห่า มึงจะไปเห็นร่องรอย เจอที่ซ่อนเด็กได้ไงวะ” เพื่อนพูดอย่างเข้าใจ
“เจ้านายเข้าใจอย่างมึงก็ดีสิ...ไม่งั้นวันนี้คงไม่สั่งพวกเราให้ตระเวนหาทุกตึกที่อยู่รอบคลินิกนั่นหรอก”
“เออ...แม่งตามหากันตั้งแต่สายจนเย็นแล้วเนี่ย ไม่เจอแม้แต่รอยตีน...ป่านนี้นังเด็กนั่นมันหนีไปไหนต่อไหนแล้ว”
“เฮ้ย เด็กตัวกระเปี๊ยกท่าทางขี้ขลาดอย่างนั้น มันหนีไปไม่ไกลหรอก” ผู้พูดรู้จักเหยื่อดีกว่าคนเป็นเพื่อน
“อ้าว แล้วถ้ามันวิ่งแร่ไปบอกตำรวจ พวกเรามิต้องเข้าซังเตกันหมดเรอะ”
หึหึ...เสียงหัวเราะแปลก
“ถ้านังเด็กนั่นไปหาตำรวจจริงก็ดีสิ พวกเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้...มึงไม่รู้หรือไง เจ้านายมีสายอยู่ในพวกตำรวจเป็นโขยง ต่อให้เด็กนั่นไปโผล่ที่สถานีไหน รับรองเจ้านายต้องรู้...จากนั้นก็ไม่ต้องถึงมือพวกเราแล้ว เจ้านายจะส่งคนไปรับตัวอย่างสะดวกแน่”
“เด็กผู้หญิงนั่นสำคัญอะไรขนาดนั้นวะ...เจ้านายถึงสั่งนักสั่งหนาให้จับเป็น ห้ามมีรอยขีดข่วนเด็ดขาด”
“มึงก็รู้พอกับกูนี่แหละ ใครจะไปตอบได้...รู้แค่ถ้าไม่ได้ตัวเด็กไปในสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเราฉิบหายกราวรูดอย่างมึงพูดแน่”
เสียงดังตรงหน้า ชัดเจนทุกถ้อยคำ มีนาแปลกใจทำไมพวกมันถึงมองไม่เห็นประตูบานเล็ก ทั้งที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ใกล้แค่คืบ...
แวบหนึ่งฉุกคิดถึงคำเตือนปู่สมัยยังเด็ก
“หมวยมีน ตอนโพล้เพล้ ใกล้ค่ำ อย่าออกไปเล่นซ่อนแอบไกลบ้านนะ...เดี๋ยวผีมันบังตา จะหากันไม่เจอ!”
ขนลุกซู่ ใจหายวูบ ก่อนรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่ปกคลุม ปิดบังประตูบานนั้นไว้ กระแสของมันโอบล้อมเข้ามาถึงภายในด้วย ต่อให้พวกมันพังประตูเข้ามาก็อาจมองไม่เห็นเธอกับเด็กน้อย
...อย่างนี้ใช่ไหม...ที่เรียกว่า... ‘ผีบังตา’
สะกดใจ อดทนรอครู่หนึ่ง จนเสียงสองหนุ่มไกลออกไป ฝีเท้าเบาลงจนเงียบหาย...ระบายลมหายใจแผ่ว โล่งอก เอื้อมมือผลักประตูตรงหน้าออก เพื่อพาเด็กหญิงหนีจากที่นี่
ทว่า...ประตูไม่ขยับ มันผนึกแน่นเหมือนเป็นเนื้อเดียวกับผนังไปแล้ว
มีนากำลังจะออกแรงผลักอีกครั้ง ใจก็สัมผัสพลังงานชนิดเดิมที่ปกคลุมโดยรอบ มันแสดงอาการพยายามปิดบังเพื่อช่วยเหลือพวกเธออย่างเต็มกำลัง
หญิงสาวฉุกใจคิดได้ ดึงมือกลับ นั่งนิ่งดังเดิม...เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงฝีเท้าผู้ค้นหาดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้พวกที่ขึ้นไปสำรวจชั้นอื่น ๆ ต่างลงมารวมทีม ตรวจตราค้นหาชั้นล่างอย่างละเอียดเป็นครั้งสุดท้าย
“เด็กนั่นน่าจะอยู่ชั้นล่างนี่แหละ พวกมึงมาดูให้ละเอียดอีกที”
เวลาผ่านไปช้า ๆ มีนาสงบใจรอ มือโอบกอด ลูบหลังเด็กหญิงเบา ๆ อย่างปลอบประโลม รู้สึกร่างกายเด็กหญิงมีความร้อนเพิ่มขึ้น ใจเป็นห่วง พยายามถ่ายทอดความอบอุ่น อ่อนโยนสู่ใจของเธอทีละน้อย
เสียงค้นหาอย่างบ้าระห่ำดำเนินอยู่พักใหญ่ ก่อนถอยห่างเงียบหายไป ฟังจากเสียงแว่ว ๆ ได้ยินคนพวกนั้นกำลังทยอยออกจากตึกอย่างผิดหวัง
มีนาไม่กล้าผลีผลาม ออกจากที่ซ่อน ทุกวาจาที่ได้ยินชวนขวัญหาย ตัดสินใจไม่ถูก เธอควรหาวิธีช่วยเหลือเด็กหญิงอย่างไร
ถ้าแจ้งตำรวจไม่ได้ การพาไปศูนย์พิทักษ์เด็กก็อาจเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นกัน
นี่คงเป็นเหตุผลให้วิญญาณเด็กชายพาเธอมาที่นี่...เด็กชายคนนั้นอาจเป็นญาติคนเดียวของแม่หนูน้อย เขาน่าจะโดน ‘เก็บ’ ขณะจิตใจยังเป็นห่วง กังวล จึงพยายามหาใครสักคนเพื่อมาช่วยเหลือ และอาจเป็นด้วยจิตสื่อวิญญาณของเธอ หรืออะไรก็แล้วแต่ ชักจูงให้วิญญาณดวงนั้นมาพบกันได้
ขณะหญิงสาวครุ่นคิด ควรทำอย่างไรต่อไป เสียงแกร๊ก...ดังขึ้น บานประตูเปิดแง้มเอง คล้ายใครบางคนร้องเรียกให้ออกมา แล้วบอกว่า...ด้านนอกปลอดภัยแล้ว...
มีนาขยับตัวพาเด็กหญิงออกจากช่องเก็บของ พบแสงสว่างด้านนอกอ่อนโรยลงจนเกือบมืด...ตอบไม่ถูกตนเองอยู่ในนั้นนานเพียงใด
“เราปลอดภัยแล้วจ้ะส้มน้อย” หญิงสาวก้มบอกหนูน้อยในอ้อมแขน
เด็กหญิงไม่อาจตอบวาจาใด ตัวของเธอร้อนจัดจนน่ากลัว นัยน์ตาหลับลง ริมฝีปากซีด ความตื่นเต้น กังวลใจเมื่อครู่ทำให้มีนามองข้ามอาการผิดปกติเหล่านี้
ส้มน้อยไข้ขึ้นสูง อยู่ในสภาพหมดสติ
เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งต้องหลบซ่อนอยู่ในสถานที่เช่นนี้คนเดียวทั้งคืนกับอีกวันนึง อดทนจนพบมีนาได้ก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว
ที่ฝืนอยู่ขนาดนี้ก็หวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ พอคนนั้นมาถึง เธอก็หมดสภาพ ไม่อาจฝืนสังขารต่อไปได้
มีนาต้องรีบช่วยเหลือเธอโดยด่วน!
(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)
< Prev | Next > |
---|