ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer
เราสามารถเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ โดยไม่ตกนรกได้หรือไม่
ถาม - ผมเคยได้ยินมาว่าถ้าเรายังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ
ถึงอย่างไรเราก็ไม่มีทางหนีนรกพ้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นครับ
แล้วถ้าเราตั้งใจว่าจะเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ
แต่ในทุกชาติจะตั้งใจทำบุญเยอะๆ ไม่ทำความชั่วร้ายแรงถึงขนาดตกนรก
ถ้าจะต้องลงอบายภูมิจริงๆ เต็มที่ขอแค่เกิดเป็นเดรัจฉาน แบบนี้จะได้ไหมครับ
จริงๆ แล้วอันนี้เป็นพุทธพจน์นะครับ
เดี๋ยวถ้าผมหาได้ เดี๋ยวผมจะเอามาให้ดู จะได้บอกได้นะว่า
จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมก็ชอบที่จะงัดมาพูดบ่อยๆ นะ
เพราะว่าทำให้ได้เห็นโทษของสังสารวัฏนะครับ
ว่าถ้าเดินทางไปเรื่อยๆ แล้ว นี่นะ มันไม่มีทางหรอกที่จะหนีจากนรกพ้น
พระพุทธเจ้าถึงตรัสนะครับว่าถ้าปฏิบัติธรรมให้ได้ถึงอย่างน้อยเป็นพระโสดาบัน
มันวิเศษกว่าการได้เป็นจักรพรรดิก็เพราะว่าได้ปิดอบายแน่ๆ นะ
แต่ยืนยันนะว่าอันนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นะครับ
คือเหตุผล พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ค่อนข้างชัดเจน
บอกว่าธรรมชาติของจิตเหมือนน้ำ มันไหลลงต่ำ คอยจะไหลลงต่ำ
คุณลองคิดนะ ทำไมน้ำถึงตกลงที่ต่ำ เพราะว่ามีแรงดึงดูด
แรงดึงดูดอันเป็นแก่น อันเป็นใจกลางของสังสารวัฏ คืออกุศลนะ
ส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด มันคือส่วนที่ร้อนที่สุด แล้วก็มีความอึดอัดที่สุด หนาแน่นที่สุดนะ
ส่วนที่ถ้าเราพยายามทวนกระแส ขึ้นสูงมาได้เรื่อยๆ นะ
อันนั้นน่ะจะยิ่งมีความสบาย ยิ่งมีความเบา
แต่ประเด็นของสังสารวัฏก็คือ ไม่ว่าคุณจะขึ้นสูงแค่ไหน
ในที่สุดเนี่ยมันจะถูกดูดลงต่ำอีก
ตรงนี้ คือเพราะคนไม่รู้ว่าเกิดมาเพราะอะไร เคยไปทำอะไรไว้ถึงได้ดี
พอได้ดีขึ้นมาตั้งแต่เกิด มันก็หลง มันก็เหลิง
ส่วนคนที่ตกระกำลำบากก็จะมีแก่ใจนะ
ว่าชีวิตทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมอาภัพอัปภาคย์วาสนานักนะ
มันก็พอได้ยินคำแนะนำอะไรทางศาสนาดีๆ
ก็พยายามใฝ่ใจนะที่จะคิดดี ทำดี พูดดี มันก็ได้ขึ้นสูงใหม่
แล้วพอสูงถึงจุดหนึ่ง มันไม่สามารถพ้นไปจากจักรวาลแห่งสังสารวัฏไปได้
มันก็ต้องเวียนกลับมานะ
อันนี้คือรอบของสังสารวัฏ ขึ้นสูง แล้วต้องลงต่ำเสมอ
ไม่มีทางนะที่จะหลุดพ้นไปได้โดยอาศัยเพียงกรรมดี
แต่เราจะต้องมีกรรมใส กรรมใสก็เกิดจากการเข้าใจนะว่า
จะปฏิบัติธรรมให้เกิดความพ้นไปจากสังสารวัฏได้อย่างไร
ซึ่งเราต้องรอพระพุทธเจ้ามาอุบัตินะ เป็นเวลานานมาก นานมากๆ เลย
คือถ้าเปรียบเทียบ ท่านก็ว่ากันเป็นล้านๆ ชาติ
หรือว่าต้องเวียนว่ายตายเกิดไปนานมาก กว่าจะกลับมาพบพระพุทธเจ้าอีกที
แล้วคนที่มีสิทธิ์พบพระพุทธเจ้าได้ ก็ต้องเคยทำบุญในศาสนาพุทธไว้ก่อน
ก่อนที่จะมีโอกาสทำบุญกับพุทธศาสนา
ก็ต้องเคยเป็นผู้ที่เชื่อในลัทธิหรือศาสนาที่เป็นเหตุเป็นผล
มีเรื่องของกรรม มีเรื่องของวิบากอะไรแบบนี้เป็นที่ตั้งนะ
มันจะต้องไต่ชั้นขึ้นมามากมายมหาศาล
กว่าที่จะได้ทำบุญกับพระพุทธศาสนาเป็นชาติแรกนี่
เพราะฉะนั้นคือที่เราอยู่กันแบบนี้นี่นะ บางคนที่กำลังนั่งๆ ฟังอยู่
บางคนคิดว่าตัวเองไม่ค่อยมีวาสนาไม่ค่อยมีโอกาสนะ
ผมเคยได้ยินมากับหูนะ บอกว่าไม่ค่อยได้ทำทานหรอกเพราะไม่รวย
คือยังมีความเข้าใจผิดอีกมากนะ
บอกว่านึกว่าตัวเองไม่มีบุญเพราะตัวเองไม่รวย แล้วคงทำบุญอะไรไม่ได้มาก
จริงๆ แล้ว การทำบุญการจะวัดว่าใครมีวาสนาแค่ไหน
ดูกันตรงนี้เลยว่าคุณน่ะมีความสนใจที่จะศึกษา ที่จะทำความเข้าใจธรรมะหรือเปล่า
มีความปรารถนาที่จะได้เจริญสติ ปฏิบัติธรรมหรือเปล่า
ถ้าหากว่ามีอยู่ ขอให้รู้เถอะว่าคุณเป็นข้อยกเว้นมากๆ แล้วนะ
ในสังสารวัฏที่มีวิญญาณเป็นอนันต์ มีวิญญาณนับไม่ได้ว่าเท่าไหร่ นับไม่ถ้วน
คุณเป็นหนึ่งในล้านๆ ล้าน เป็นหนึ่งในอสงไขยไม่รู้เท่าไหร่นะที่มีวาสนาได้ขนาดนี้
เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเราเกิดเป็นชาวพุทธแล้วโชคดีมีวาสนา
อย่าเข้าใจแค่เป็นภาพเลื่อนลอยว่า โอ๊ย! โชคดีจังได้มาพบความสุขแบบนี้
แต่จริงๆ แล้ว มันยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของสังสารวัฏนะ
มันเป็นลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของสังสารวัฏจริงๆ
คือเรามีสิทธิ์ที่จะพ้นไป ที่จะปิดอบายได้ภายในชาตินี้ ถ้าเจริญสติถูกทางนะ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เองนะครับว่า
หากใครก็ตามที่ได้เจริญสติจนกระทั่งเห็นกายใจนี้นะ
เป็นธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖
พูดง่ายๆ ว่าเห็นโดยความเป็นรูปเป็นนาม ไม่มีตัวตนได้
ไม่มีทางตายก่อนได้โสดาปัตติผล นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสยืนยันไว้นะ
ถ้าหากว่าเราเป็นผู้ที่รู้ตัวว่ามีโอกาสแล้ว มีวาสนาแล้ว
อย่าทิ้งโอกาสไปก็แล้วกัน เพราะสังสารวัฏน่ากลัวจริงๆ ครับ
คือถ้ายังไม่เห็น ก็จะไม่รู้นะว่าน่ากลัวขนาดไหน
แต่ถ้าเห็น มันจะกลัวจับจิตจับใจเลยนะ แล้วไม่อยากเกิดอีกจริงๆ
คือพระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่าให้นึกถึงอุจจาระ
เอามาป้ายนิ้ว ป้ายตัว นิดๆ หน่อยๆ นี่อยากเอาไหม
ถ้าไม่อยากเอาก็แบบนั้นแหละ
คือเราไม่ควรนึกถึงสังสารวัฏโดยความน่าอยู่
ถ้าหากว่าต้องเกิด มันก็เหมือนกับเปื้อนอุจจาระปัสสาวะอะไรแบบนี้
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นะครับ
< Prev | Next > |
---|