ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

การแผ่เมตตาจะช่วยให้รอดจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ ได้หรือไม่



ถาม – ตอนนี้ดิฉันกำลังวิตกกังวลมากเกี่ยวกับการระบาดอย่างหนัก
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (
COVID-๑๙)
อยากทราบว่าควรแผ่เมตตาให้ไวรัสนี้ไหมคะ


ถ้าใครฟังบางทีอาจจะรู้สึกตลก
แต่จริงๆ แล้วคือถ้าเราแผ่เมตตาให้อะไรก็แล้วแต่
จริงๆ ความหมายก็คือการที่เราเอาความสุขไปเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นนะ
ความหมายที่แท้จริงของเมตตาคือเราสร้างความสุขขึ้นมาในใจก่อน
มีความสุขจริงๆ ไม่ได้แกล้งสุข ไม่ได้แกล้งทำเป็นนึกภาพของผู้มีความสุข
แต่ว่าความสุขที่ล้นเอ่อขึ้นมา จะจากการทำบุญ รักษาศีล
สวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือว่าเจริญสติภาวนาก็แล้วแต่
จนกระทั่งเกิดจิตวิญาณ เกิดจิตใสใจเบาขึ้นมานะ
กระทั่งเราสามารถที่จะเอาความรู้สึกสะอาด ใส เบา ตรงนั้น
ไปเผชิญหน้ากับทุกสิ่งในโลก
หันเอาด้านของความสุขทางจิตใจของเราออกไปพบกับโลก
หรือแม้แต่กระทั่ง "โรค" ที่มันเป็นโรคร้ายอยู่
อันนี้เรียกว่าเป็นการแผ่เมตตา



การแผ่เมตตาให้กับสิ่งใดก็ตาม
ก็คือการหันเอาความสุข ภาคของความสุข ตัวตนของความสุข
หรือว่าสภาพจิตใจที่เป็นกุศลธรรมออกไปใส่สิ่งนั้น
มันจะกลายเป็นเกราะป้องกันตัวขึ้นมา

ซึ่งถ้าเรามีความสามารถที่จะเห็นออร่า (
aura)
ที่มันเบ่งบานเป็นประกาย มีความสว่างหนาๆ ขึ้นมา
เราก็จะเริ่มเข้าใจว่ากำแพงแก้วที่มันปกป้องเราจากภยันตราย
จริงๆ แล้วที่ดีที่สุดก็คือการแผ่เมตตานั่นเอง


อย่างที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
ถ้าหากแผ่เมตตาได้ระดับอัปปมัญญาสมาบัตินะ
คือไม่ใช่เมตตาแบบท่องแค่สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
แต่ใจยังแค้นยังเดือดปุดๆ อยู่อะไรแบบนี้ ไม่ใช่แบบนั้นนะ
ต้องเป็นเมตตาในแบบที่มีความนิ่ง ว่าง กว้าง สว่าง
แล้วก็เกิดความรู้สึกจริงๆ ว่าเราอยากเผื่อแผ่ความสุข
ที่มีในใจนี่มันล้นเหลือเหลือเกิน มันเกิน เกินพอนะ
อยากจะแผ่ให้กับคนทั้งโลก อยากให้คนทั้งโลกมีความสุขตาม
อันนี้แหละที่เป็นเมตตาแบบที่มีทิศทางจะไปเป็นอัปปมัญญาสมาบัติได้



ทีนี้ที่อัปปมัญญาสมาบัติจริง ก็คือจะต้องมีความเป็นฌาน
มีความนิ่ง มีความต่อเนื่อง มีความสว่าง มีความกว้าง มีความโอฬารของจิตนะ
อย่างเสมอต้นเสมอปลายช่วงหนี่ง ยาวนานช่วงหนี่ง
ตรงนี้มันถึงจะเรียกว่าเป็นกำแพงแก้วของจริง
ชนิดที่พระพุทธเจ้าตรัสนะแม้แต่ยาพิษก็ไม่สามารถทำอันตรายได้
อย่าว่าแต่โควิดเลย



ทีนี้อย่างถ้ากลัว เกิดความวิตก แล้วเราแผ่เมตตาให้กับไวรัส
มันก็เหมือนกับเป็นการทำให้จิตไม่กลัวมันน่ะ
เราคิดง่ายๆ แบบที่มันตื้นที่สุดนะ
ถ้าเรามีความสุขอยู่กับอะไร เราจะไม่กลัวสิ่งนั้น
ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะน่ารังเกียจขนาดไหนสำหรับชาวโลกก็ตาม
ทีนี้ถ้าหากว่าเราทำให้เมตตาตัวนี้มันแข็งแกร่งขึ้นได้ระดับที่เป็นสมาธิ
เราจะรู้ออกมาจากข้างในเลย มันจะมีสัญชาตญาณทางจิตบอกนะ
ว่าจิตวิญญาณของเรานี่แข็งแรง มีภูมิต้านทานเชื้อโรคร้าย
ทั้งในระดับของร่างกายแล้วก็ในระดับของจิตนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP