ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta
ภริยาสูตร ว่าด้วยภริยา ๗ จำพวก
กลุ่มไตรปิฎกสิกขา
[๖๐] ครั้งนั้น ในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร
เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดแล้ว
ก็สมัยนั้นมนุษย์ทั้งหลายในนิเวศน์ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีส่งเสียงอื้ออึง
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามว่า
คฤหบดี เหตุไรหนอ มนุษย์ทั้งหลายในนิเวศน์ของท่านจึงส่งเสียงอื้ออึง
เหมือนชาวประมงแย่งปลากัน อนาถบิณฑิกเศรษฐีกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นำนางสุชาดาคนนี้มาจากตระกูลมั่งคั่ง
มาเป็นสะใภ้ในเรือน นางไม่เชื่อถือแม่ผัว ไม่เชื่อถือพ่อผัว ไม่เชื่อถือสามี
แม้แต่พระผู้มีพระภาคเจ้านางก็ไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกนางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนว่า มานี่เถิด สุชาดา
นางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วว่า
เจ้าค่ะ พระองค์ผู้เจริญ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า
สุชาดา ภริยาของบุรุษ ๗ จำพวกนี้ ๗ จำพวกเป็นไฉน
คือ ภริยาเสมอด้วยเพชฌฆาต ๑ เสมอด้วยโจร ๑
เสมอด้วยนาย ๑ เสมอด้วยมารดา ๑ เสมอด้วยพี่สาวน้องสาว ๑
เสมอด้วยเพื่อน ๑ เสมอด้วยทาสี ๑
สุชาดา ภริยาของบุรุษ ๗ จำพวกนี้แล
เธอเป็นจำพวกไหนใน ๗ จำพวกนั้น.
นางสุชาดากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
หม่อมฉันยังไม่รู้ทั่วถึงความแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วโดยย่อนี้ได้โดยพิสดาร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงแสดงธรรมแก่หม่อมฉัน
โดยที่หม่อนฉันจะพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโดยย่อนี้โดยพิสดารเถิด.
ภ. สุชาดา ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
นางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วว่า
เจ้าค่ะ พระองค์ผู้เจริญ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า
ภริยาผู้มีจิตประทุษร้าย ไม่อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูล
ยินดีในชายอื่น ดูหมิ่นสามี เป็นผู้อันเขาซื้อมาด้วยทรัพย์ พยายามจะฆ่าผัว
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยเพชฌฆาต (วธกาภริยา)
สามีของหญิงประกอบด้วยศิลปกรรม พาณิชยกรรม และกสิกรรม
ได้ทรัพย์ใดมา ภริยาปรารถนาจะยักยอกทรัพย์แม้มีอยู่น้อยนั้นเสีย
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยโจร (โจรภริยา)
ภริยาที่ไม่สนใจการงาน เกียจคร้าน กินมาก ปากร้าย ปากกล้า
ร้ายกาจ กล่าวคำหยาบ ข่มขี่ผัวผู้ขยันขันแข็ง
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยนาย (อัยยภริยา)
ภริยาใดอนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูลทุกเมื่อ
ตามรักษาสามีเหมือนมารดารักษาบุตร รักษาทรัพย์ที่สามีหามาไว้ได้
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยมารดา (มาตุภริยา)
ภริยาที่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว มีความเคารพในสามีของตน
เป็นคนละอายบาป เป็นไปตามอำนาจสามี
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว (ภคินีภริยา)
ภริยาใดในโลกนี้เห็นสามีแล้วชื่นชมยินดี เหมือนเพื่อนผู้จากไปนานแล้วกลับมา
เป็นหญิงมีตระกูล มีศีล มีวัตรปฏิบัติสามี
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยเพื่อน (สขีภริยา)
ภริยาใดสามีเฆี่ยนตีขู่ตะคอกก็ไม่โกรธ
ไม่คิดพิโรธโกรธตอบสามี อดทนได้ เป็นไปตามอำนาจสามี
ภริยาเห็นปานนี้ของบุรุษเรียกว่า ภริยาเสมอด้วยทาสี (ทาสีภริยา)
ภริยาที่เรียกว่า ภริยาเสมอด้วยเพชฌฆาต ภริยาเสมอด้วยโจร
และภริยาเสมอด้วยนาย ภริยาทั้ง ๓ จำพวกนั้นล้วนแต่เป็นคนทุศีล
หยาบช้า ไม่เอื้อเฟื้อ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรก
ส่วนภริยาที่เรียกว่าภริยาเสมอด้วยมารดา ภริยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว
ภริยาเสมอด้วยเพื่อน และภริยาเสมอด้วยทาสี
ภริยาทั้ง ๔ จำพวกนั้น เพราะตั้งอยู่ในศีล ถนอมรักไว้ยั่งยืน
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ.
สุชาดา ภริยาของบุรุษ ๗ จำพวกนี้แล
เธอเป็นจำพวกไหนใน ๗ จำพวกนั้น.
ส. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำหม่อมฉันว่า
เป็นภริยาของสามีผู้เสมอด้วยทาสี.
ภริยาสูตร จบ
(ภริยาสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)
< Prev | Next > |
---|