วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๑๓



cover siwadol



ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ห้องประชุมเล็ก คฤหาสน์ศิวาดล

            เดิมห้องประชุมนี้เคยเป็นห้องรับรองแขกทั่วไป ต่อมาบริษัทของนายศิวามักจัดประชุมย่อยนอกสถานที่เป็นประจำเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ จึงเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงห้องรับรองแขกมาเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก เพื่อใช้สถานที่นี้แทนรีสอร์ต โรงแรมหรู

            พิจิก นายสันติ และลูกจ้างที่อยู่ร่วมเหตุการณ์อีกสี่คนต่างนั่งรอในห้องประชุมพร้อมหน้า รอตำรวจมาพูดคุย สอบปากคำเพิ่มเติม

            ทั้งหกรออยู่ราวสิบนาที ประตูห้องก็เปิด นายศิวาพาตำรวจนอกเครื่องแบบห้านายเข้ามา

            “นั่งตามสบาย ไม่ต้องลุกหรอก” นายศิวาบอกเมื่อเห็นพวกลูกจ้างขยับตัวจะลุกขึ้นตามมารยาท

            “วันนี้ตำรวจจะมาคุยกับพวกเราเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง ให้ความร่วมมือหน่อยนะ”

            “ครับ” นายสันติรับคำแทนลูกจ้างคนอื่นเช่นเคย

            นายศิวายิ้ม สีหน้าพอใจ ก่อนเชิญนายตำรวจยศสูงที่สุดในกลุ่มให้เข้าไปพูดคุย สอบปากคำตนเองในห้องเล็กด้านข้างเป็นการส่วนตัว

            นายตำรวจอีกสี่นายแบ่งหน้าที่ แยกกันซักถาม บันทึกปากคำพยานทั้งหกทีละคนอย่างละเอียดตามลำดับ โดยใช้พื้นที่ในห้องประชุมอย่างเต็มที่

            เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ประตูห้องเล็กด้านข้างเปิดออก นายศิวาสอบปากคำเสร็จเดินมาพร้อมกับนายตำรวจยศสูง

            “มีใครสอบปากคำเสร็จแล้วบ้าง” นายศิวาถาม

            “ผมครับ” พิจิกยกมือตอบ

            “ดีแล้วนายพิจิก...ช่วยพาสารวัตรธงรบไปดูที่เกิดเหตุหน่อยสิ” นายศิวาสั่ง

            “ได้ครับ” พิจิกลุกขึ้นตอบรับ

            นายศิวาหันไปยิ้มเชิงขอโทษสารวัตรหนุ่ม

            “ขอโทษจริง ๆ นะครับที่ผมไปด้วยไม่ได้ อีกเดี๋ยวจะได้เวลาเข้าประชุมวิดีโอทางไกลกับพวกบอร์ดบริหารแล้ว”

            “ไม่เป็นไรครับ เท่าที่คุณศิวาสละเวลาให้ ผมก็ขอบคุณมากแล้ว”

            “โอ๊ย...อย่าบอกว่าผมสละเวลาอะไรเลย...นี่มันเป็นปัญหาความเป็นความตายของผม ถ้าไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างนี้ ผมมันก็แย่แล้วล่ะครับ”

            นายศิวาถ่อมตัว ก่อนหันไปกำชับลูกน้อง

            “พิจิก...ดูแลสารวัตรท่านดี ๆ ด้วยนะ”

            “ครับคุณศิวา” ลูกจ้างหนุ่มตอบรับหนักแน่น

            พอเจ้าของศิวาดลออกจากห้อง สารวัตรธงรบก็หันมองลูกจ้างหนุ่มเป็นเชิงรอให้อีกฝ่ายนำทาง

            “เชิญครับสารวัตร” พิจิกยิ้มซื่อ เดินนำหน้าสารวัตรหนุ่มอย่างคล่องแคล่วว่องไว


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            คนขับรถหน้าใหม่ของศิวาดลพานายตำรวจยศสูงตรงไปยังรถยนต์อเนกประสงค์คันใหญ่ ซึ่งใช้งานภายในอาณาเขตศิวาดลเป็นหลัก

            พิจิกเปิดประตูให้สารวัตรตามหน้าที่ รอจนนายตำรวจขึ้นนั่งเรียบร้อยจึงวิ่งกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ออกรถอย่างนุ่มนวล

            สารวัตรธงรบเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบเศษ ผิวคล้ำ ร่างกายแข็งแรงบึกบึน เหลือบตามองคนขับรถหนุ่มซึ่งทำหน้าที่บริการอย่างดี ขับรถสุภาพ พูดจาเกรงใจ แล้วอมยิ้มน้อย ๆ รอจนรถแล่นห่างจากตัวคฤหาสน์พอสมควรจึงค่อยเอ่ยปาก

            “ทำไมเดือนมหาวิทยาลัย ถึงกลายเป็นทิดสึกใหม่ได้นะ...คุณพิจิก” น้ำเสียงเช่นนี้แสดงว่าผู้พูดรู้จักคุ้นเคยกับคนขับรถหน้าใหม่อย่างยิ่ง

            พิจิกหันไปยิ้มกว้างให้สารวัตรหนุ่ม นัยน์ตาโตทอประกายซุกซน

            “ผมกินยาลดความหล่อไปตั้งสามกระปุก ยังจำกันได้อีกเหรอพี่ธงรบ...” คนขับรถหนุ่มตอบด้วยถ้อยคำสนิทสนม กันเอง

            สารวัตรหนุ่มหัวเราะ มองเสี้ยวใบหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอ็นดู ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตาคมคายอย่างนี้ ริมฝีปากเหมือนมีรอยยิ้มประดับไม่สร่างซา ดวงตากลมโตฉายแววฉลาดเฉลียว ดีกรีอดีตเดือนของมหาวิทยาลัย ต่อให้แกล้งกล้อนผมกลายเป็นทรงทิดสึกใหม่ ก็ยังดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา

            “มาทำอะไรแบบนี้ ผู้การท่านรู้หรือเปล่า?” สารวัตรธงรบถาม

            ‘ผู้การ’ ที่เอ่ยถึงคือ ท่านผู้บังคับการฯ นายตำรวจระดับสูง บิดาของพิจิกเอง

            พิจิกหัวเราะ นัยน์ตาพราว กิริยาที่แสดงให้เห็นเฉพาะคนใกล้ตัว

            “กระผมมาทำงานตามคำสั่งของผู้มีอำนาจสูงกว่าท่านผู้การครับผม” ชายหนุ่มแกล้งตอบเสียงหนักแน่นแบบทหาร

            สารวัตรธงรบพยักหน้าเข้าใจ ผู้มีอำนาจสูงกว่า ‘ผู้การ’ ในบ้านมีสองคน...คนแรกคือคุณนายผู้การ ซึ่งดูแลกิจการ ธุรกิจครอบครัวเกือบทั้งหมด ส่วนอีกคนคือ ปู่เผด็จ...บิดาผู้การ นับเป็นผู้มีอำนาจ อิทธิพลตัวจริง

            “ถ้างั้น เราคงได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจคนเดียวกันแล้วล่ะ” สารวัตรธงรบบอก

            “จริงน่ะ” พิจิกแปลกใจ “ผมเพิ่งคุยกับคุณปู่เมื่อคืนก่อนเกิดเรื่อง พอเกิดเรื่องก็ส่งรายงานไปตอนตีสองตีสามนี่เอง...ปู่สั่งงานพี่ธงรบต่อแล้วเหรอ”

            “อย่าคิดว่าคนแก่ทำอะไรเชื่องช้าสิ” สารวัตรหนุ่มบอก

            นายตำรวจยศสูงมีความสัมพันธ์กับครอบครัวพิจิกไม่ใช่น้อย...



            พ่อของธงรบเคยเป็นคนงานโรงสีปู่เผด็จ แม่ขายผักอยู่ในตลาด มีน้องชายน้องสาวอีกสามคน...

            คืนหนึ่ง โรงสีคู่แข่งปู่เผด็จลอบส่งคนมาเผายุ้งข้าวซึ่งเก็บข้าวสารไว้หลายร้อยกระสอบ พ่อธงรบเป็นเวรเฝ้ายุ้งข้าวพอดี เข้าไปขัดขวางจนถูกแทงจนตาย แต่สามารถป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ได้สำเร็จ

            ปู่เผด็จสั่งคนตามล่าผู้ร้ายรายนี้จนเจอ จับส่งตำรวจ สอบสวนจนมันยอมซัดทอดผู้บงการ แล้วพามันไปกราบขอขมาต่อหน้าโลงศพ และลูกเมียคนที่มันฆ่าก่อนจะเข้าคุก

            เมื่อพ่อตาย ขาดเสาหลักของบ้าน เงินชดเชยที่ทางโรงสีปู่เผด็จให้มา รวมกับรายได้จากการค้าขายของแม่ก็ไม่พอที่จะเลี้ยงหลายชีวิตในระยะยาวได้

            ธงรบจึงเตรียมลาออกจากโรงเรียน เพื่อมาหางานทำช่วยแม่

            ปู่เผด็จเห็นผลการเรียนที่ดีของเขาจึงเรียกมาพูดคุย...

            “เอ็งเรียนดีอย่างนี้ อนาคตอยากเป็นอะไร?”

            “ผมอยากเป็นตำรวจครับ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้”

            “ทำไมวะ”

            “ผมเป็นพี่ชายคนโต ต้องช่วยแม่ทำงานหาเงินมาเลี้ยงพวกน้อง ๆ”

            “ถ้าเอ็งได้เรียนต่อ คิดว่าจะสอบเข้าตำรวจได้มั้ย”

            “ผมจะพยายามเต็มที่”

            “ดี...งั้นข้าจะส่งให้เอ็งเรียนจนจบ...หางานพิเศษให้แม่เอ็งทำเพื่อเพิ่มรายได้ แต่ถ้าเอ็งเรียนจบแล้วสอบเข้าตำรวจไม่ได้ ข้าจะให้เอ็งมาทำงานโรงสีใช้หนี้ที่ส่งเสียมาทั้งหมด...เอามั้ย”

            “เอาครับ” ธงรบตอบโดยไม่ต้องคิด

            ที่จริง ปู่เผด็จจะให้ทุน ส่งเสียเลี้ยงดูธงรบ และครอบครัวให้เรียนจนจบเลยก็ได้ เพราะพ่อของเขาทำคุณประโยชน์แก่โรงสีท่านผู้เฒ่าขนาดนั้น

            ปู่เผด็จกลับต้องการสร้างแรงมุมานะให้แก่เด็กหนุ่ม สอนให้รู้ว่าทุกสิ่งในโลกไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายกลายเป็นแค่คนแบมือรับเงินบริจาคทาน สร้างนิสัยกลายเป็นคนอ่อนแอ

            นอกจากหางานให้แม่เขาทำพิเศษ เพิ่มรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว ส่งเสียจนเรียนจบ...ปู่เผด็จยังมอบ ‘ศักดิ์ศรี’ ความภาคภูมิใจแก่เด็กในปกครองด้วย

            นับเป็นการตอบแทนความดีพ่อของธงรบ อย่างที่ปู่เผด็จไม่ให้แก่ใครขนาดนี้บ่อยนัก

            สำหรับสารวัตรธงรบแล้ว...ปู่เผด็จเป็นมากกว่าผู้มีพระคุณส่งเสียเลี้ยงดู...เขาจึงเคารพท่านผู้เฒ่าอย่างยิ่ง และเผื่อแผ่ความรักเอ็นดู ให้เกียรติมายังหลานรักของปู่เสมอมา...



            รถจอดหน้าประตูด้านหลังศิวาดล ซึ่งขณะนี้ปิดสนิท ล็อกกุญแจ

            สารวัตรธงรบยังเล่าเรื่องคำสั่งจากปู่เผด็จไม่จบ...

            “ท่านโทรหาพี่แต่เช้า ไหว้วานให้สืบ ติดตามเรื่องคดีของนายศิวาเมื่อคืน พอดีมันเป็นคดีใหญ่ ค่อนข้างสำคัญ ทางตำรวจท้องที่เลยประสานไปทางส่วนกลาง ขอให้มาร่วมสอบสวนด้วย พี่เลยรับงานนี้เอง...ก่อนมาถึงก็ค้นข้อมูลเกี่ยวกับนายศิวาได้มากพอสมควรแล้ว”

            “แสดงว่าคุณปู่ไม่ได้บอกพี่ธงเรื่องผมอยู่ที่นี่” พิจิกดับเครื่องยนต์แล้วหันมาถาม

            “ท่านไม่ได้บอกอะไรเลย แค่ให้ช่วยสืบสองคดี คือเรื่องของนายศิวาเมื่อคืน กับคดีการตายของพยาบาลพิเศษ...คุณโสภี”

            พิจิกชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ

            “งั้นพี่ก็ได้ข้อมูลการตายคุณโสภีแล้ว”

            “ตอนนี้พี่ติดต่อไปกองพิสูจน์หลักฐานแล้ว บอกเขาว่า ถ้าได้ผลตรวจสารพิษในนมก้นแก้วแล้วให้โทรมาบอกด้วย”

            “เยี่ยมเลย” พิจิกยิ้มแล้วมองอีกฝ่ายแปลก ๆ “ถามจริงเถอะ พี่ไม่แปลกใจที่เห็นผมเลยเหรอ”

            พิจิกตั้งคำถาม เพราะแวบแรกที่เห็นสารวัตรหนุ่มเดินตามนายศิวาเข้าห้องประชุม เขายังหวั่นใจว่านายตำรวจจะแสดงอาการพิรุธ จับจ้องเขาจนผิดปกติ ทำให้นายศิวาเกิดความสงสัยได้ แต่อีกฝ่ายกลับมองมาปกติเหมือนเห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

            ได้ยินคำถามนี้ สารวัตรธงรบหัวเราะเบา ๆ

            “พี่เห็นคุณพิจิก กับน้องเมษาทำเรื่องแผลง ๆ กันตั้งแต่วัยรุ่น...เรื่องแค่นี้ไม่แปลกใจหรอก”

            ธงรบคุ้นเคยกับสองครอบครัวมากพอที่จะไม่แสดงอาการผิดปกติ หากเห็นทั้งคู่ทำเรื่องประหลาด ไม่ว่าจะเป็นการไล่ผี บุกป่าช้า แก้คุณไสย กระทั่งเข้าไปมีส่วนร่วม ช่วยตำรวจคลี่คลายคดีฆาตกรรม!



            สองหนุ่มลงจากรถ เดินไปยังประตูที่ปิดสนิท พิจิกมีกุญแจอยู่ในรถ จึงนำมันมาเปิดประตูออก ให้นายตำรวจได้สำรวจดูทิศทางหลบหนี แอบซุ่มของคนร้ายได้...

            “คนร้ายมากันสามคนใช่มั้ย” สารวัตรหนุ่มถาม

            “ครับ”

            “มากันทางไหน พอบอกได้มั้ย”

            พิจิกนึกทบทวนตั้งแต่จุดที่เห็นเงาดำมือปืนทั้งสาม จนพวกมันเหนี่ยวไกยิงยามหน้าประตู ก่อนบอกแก่ตำรวจ

            “ทางนี้ครับ”

            ชายหนุ่มชี้จุด แล้วอธิบายวิธีบุกเข้ามากราดกระสุนอย่างอุกอาจ บอกลักษณะรูปร่างการแต่งตัวมือปืนทั้งสาม การแบ่งหน้าที่จัดการเหยื่อ กับผู้อยู่ในเหตุการณ์ รายละเอียดปลีกย่อยในการต่อสู้ ก่อนสรุปถึงเส้นทางการหลบหนีของพวกมันเท่าที่จำได้ทั้งหมด

            สารวัตรธงรบบันทึกปากคำ รายละเอียด ไม่แปลกใจกับความทรงจำชนิดละเอียดเกือบทุกเม็ดของชายหนุ่ม สติและวิธีรับมือกับเหตุไม่คาดฝันอย่างทันท่วงที

            เพราะครั้งหนึ่ง พิจิกเคยช่วยเขาคลี่คลายคดีฆาตกรรมอำพรางที่แสนยากเย็นมาแล้ว


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            “คนในรูปทั้งหมดไม่ใช่ฆาตกรครับ” พิจิก เด็กหนุ่มหัวเกรียนวัยมัธยมปลายชะโงกหน้าดูรูปผู้ต้องสงสัยบนโต๊ะก่อนเอ่ยปากโพล่งขึ้นมา

            “เฮ้ย คุณพิจิก มาที่นี่ได้ยังไง” นายตำรวจหนุ่มรีบกวาดรูปทั้งหมดบนโต๊ะมาเก็บ ไม่ต้องการให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามารับรู้ในคดี

            “ก็...มีบางคนอยากให้ผมมาช่วย...” เด็กหนุ่มพูดอ้อมแอ้ม เหลือบมองความว่างเปล่าด้านข้างเก้าอี้นายตำรวจ เหมือนกำลังสบตากับใครบางคน

            “ใคร?” ธงรบสงสัย

            พิจิกไม่ตอบ นิ่งเงียบครู่หนึ่ง สายตาจ้องมองตรงอากาศว่างที่เดิมก่อนเอ่ยปากพูดอีกเรื่อง

            “พี่ธงมีรูปหมู่ที่ผู้ตายได้ถ่ายไว้ในงานเลี้ยงบริษัทหรือเปล่า...”

            “มี...แต่เฮ้ย...คุณจิกรู้ได้ยังไง” นายตำรวจยังสงสัย

            “อย่าถามอะไรมากเลยน่า...ถ้ามีก็ช่วยเอามาให้ผมดูหน่อย”

            ถึงพิจิกอายุน้อยกว่าร่วมสิบปี ธงรบก็ให้ความเกรงใจในฐานะหลานรักของผู้มีพระคุณ จึงยอมหยิบรูปหมู่งานเลี้ยงบริษัทที่มีผู้ตายร่วมด้วยมาวางให้ดูบนโต๊ะ

            พิจิกเงยหน้ามองใครบางคนในความว่างเปล่า ก่อนชี้นิ้วไปยังบุคคลหนึ่งซึ่งยืนถ่ายรูปร่วมกับผู้ตาย

            “คนนี้แหละฆาตกร!” เด็กหนุ่มระบุชัด

            “เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนรักกัน แถมในเวลาเกิดเหตุเขาก็มีพยานเวลา พยานบุคคลครบ” นายตำรวจแย้ง

            “เขาสร้างหลักฐานพยานเท็จ” พิจิกตอบ

            “แล้วมีหลักฐานอื่นมาขัดแย้งมั้ย” ธงรบถามหยั่งเชิง

            เด็กหนุ่มนิ่งอีกครู่ คล้ายกำลังฟังรายละเอียดบางอย่าง

            “มีครับ ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในที่เกิดเหตุ”

            “ไม่น่าใช่นะ ที่นั่นน่ะตำรวจเก็บหลักฐานไปหมดแล้ว”

            “ไปดูด้วยกันอีกทีมั้ยล่ะ” พิจิกท้าทาย

            ที่เกิดเหตุเป็นตึกร้างรอเวลารื้อถอน ทุบทิ้ง รอบด้านเต็มไปด้วยวัชพืช ต้นไม้รกทึบ พิจิกเดินนำหน้านายตำรวจอย่างมั่นใจ บุกเข้าไปยังบริเวณด้านหลังตึก ซึ่งทางตำรวจเก็บหลักฐานไปหมดแล้ว

            ทว่า...จุดที่เด็กหนุ่มพาไปค้นเป็นมุมอับ อยู่ในหลืบโดนวัชพืชปกคลุมอยู่

            ธงรบคีบหลักฐานใส่ถุง นึกไม่ถึงคำพูดเด็กหนุ่มจะเป็นความจริง

            “คนร้ายไม่ได้ฆ่าเหยื่อที่นี่” คำพูดของพิจิกตรงกับหลักฐานเดิมที่ได้มา “เขาฆ่าเหยื่อจากอีกที่หนึ่ง แล้วนำมาทิ้งไว้ที่นี่”

            “คุณจิกรู้มั้ยว่าเขาฆ่าเหยื่อที่ไหน” นายตำรวจหนุ่มถามลองเชิง

            พิจิกยิ้มรับ

            “รู้สิ...ที่นั่นอาจมีหลักฐานบางอย่างมัดตัวฆาตกรชนิดดิ้นไม่หลุดได้เลยล่ะ!”

            แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงตามวาจาเด็กหนุ่ม สถานที่ฆาตกรรมอันลึกลับถูกพาไปพบง่ายดาย อีกทั้งยังเจอหลักฐานบางชิ้นที่มัดตัวฆาตกรตัวจริงอย่างดิ้นไม่หลุดจนได้

            ปิดคดีนี้สำเร็จ ธงรบถามเด็กหนุ่มตรง ๆ

            “คุณจิกรู้รายละเอียดขนาดนี้ได้ยังไง”

            เด็กหนุ่มนิ่ง รู้ว่าต้องเจอคำถามนี้ในที่สุด

            “ผมขอเก็บเป็นความลับได้มั้ย” เขาต่อรอง

            ธงรบถอนใจ แววตากังวล...ในฐานะตำรวจ เขาอาจตั้งข้อสงสัยเด็กหนุ่มเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฆาตกรได้ แม้ใจจริงจะไม่คิดอย่างนั้นเลย

            “บอกพี่เถอะ” นายตำรวจหนุ่มขอร้องอย่างจริงใจ

            “ถ้า...” พิจิกเริ่มต้น น้ำเสียงมีความลังเลเล็กน้อย “ผมบอกพี่ธงว่า...ดวงวิญญาณของเหยื่อมาขอร้องให้ช่วย โดยบอกรายละเอียดในการฆาตกรรมทั้งหมดให้รู้ เพื่อช่วยทวงความยุติธรรมแก่เขา...พี่จะเชื่อมั้ยครับ”

            คำตอบนี้ทำให้นายตำรวจนิ่งอั้น ปราศจากวาจาซักถาม เขารู้ว่าหลานชายปู่เผด็จไม่ใช่คนโกหก ชอบแต่งเรื่องหลอกลวงใคร และปู่เผด็จเอง ก็มีคนเก่าแก่ร่ำลือกันว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้าคนหนึ่ง

            ปิดคดีได้สำเร็จนับเป็นเรื่องน่ายินดีพอแล้ว ธงรบไม่พยายามฟื้นฝอยหาความจริงอีก เพราะมันเป็นเรื่องที่คนทั่วไปยากทำใจเชื่อได้จริง ๆ


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เสร็จจากการเก็บหลักฐาน ถ่ายรูปที่เกิดเหตุเพิ่มเติม สองหนุ่มกลับขึ้นรถ พูดคุยเรื่องมือปืนที่ยังค้างคา

            “พี่ธงพอรู้มั้ยว่ามือปืนพวกนี้มาจากไหน” พิจิกตั้งคำถามยังไม่สตาร์ทรถ

            “เท่าที่เล่ามาพอจะรู้อยู่เหมือนกันว่าเป็นมือปืนจากซุ้มไหน...ขอเวลาเอาปืนที่พบเมื่อคืน กับหลักฐานปลอกกระสุนเพิ่มเติมพวกนี้ไปตรวจสอบก่อน น่าจะควานหาตัวไม่ยากเท่าไหร่”

            “ทำไมคุณศิวาถึงโดนมือปืนระดับนี้หมายหัวเอา” พิจิกถามต่อ

            “ศัตรูทางธุรกิจน่ะ” นายตำรวจตอบแบบยั้ง ๆ ไม่เปิดเผยทั้งหมด

            พิจิกชะงัก มองสารวัตรหนุ่ม รู้ทันทีว่าการสอบปากคำก่อนหน้านี้ นายศิวาได้เปิดเผยรายชื่อศัตรูทางธุรกิจ ผู้ต้องสงสัยที่จ้างวานมือปืนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

            “พี่ธงได้รายชื่อผู้ต้องสงสัยมาแล้ว?” ถามเพื่อย้ำความแน่ใจ

            “ใช่” ธงรบยอมรับ

            “บอกผมได้มั้ย”

            “พี่บอกได้แค่เป็นศัตรูทางธุรกิจ” สารวัตรหนุ่มไม่เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนมากกว่านี้ “ถ้าท่านถามมา...พี่ก็คงรายงานให้ทราบได้เท่านี้เหมือนกัน”

            พิจิกเข้าใจ ถึงอย่างไรธงรบก็เป็นตำรวจมีจรรยาบรรณ หน้าที่ต้องเคารพรักษาเหมือนกัน

            “ไม่เป็นไรครับ บอกแค่นี้ผมน่าจะหาข้อมูลต่อเองได้”

            ธงรบคลายใจที่อีกฝ่ายไม่คาดคั้นเซ้าซี้ให้ลำบากใจ สองปู่หลานเหมือนกันอย่างหนึ่งคือเป็นลูกผู้ชายใจกว้าง ไม่ชอบบีบบังคับใคร

            พิจิกสตาร์ทรถ โทรศัพท์มือถือธงรบสั่น บอกสัญญาณเรียกเข้า

            “สวัสดีครับ” ธงรบรับสาย

            คนขับรถศิวาดลเข้าเกียร์นำรถออกจากที่ เงี่ยหูฟังเสียงแว่ว ๆ ในโทรศัพท์อย่างตั้งใจ จับใจความคร่าว ๆ ได้ว่า เป็นการรายงานผลตรวจสารพิษในแก้วนมบนโต๊ะพยาบาลโสภี

            รถแล่นช้า ๆ เป็นการรอให้บทสนทนาระหว่างนายตำรวจหนุ่มกับผู้รายงานทางโทรศัพท์เสร็จสิ้น

            พอธงรบวางสาย พิจิกก็เอ่ยปากทันที

            “ผลตรวจออกมาว่ายังไงครับ”

            สารวัตรหนุ่มหัวเราะเบา ๆ คดีนี้ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของเขา จึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง

            “ในนมก้นแก้วคุณโสภีมีตะกอนยานอนหลับออกฤทธิ์แรงอยู่ ซึ่งตรงกับสารพิษที่พบในร่างของเธอ”

            “ตอนนี้เขาตั้งสมมุติฐานหรือยังครับว่าคุณโสภีถูกวางยา หรือกินยาฆ่าตัวตายเอง” ในห้องนอนพยาบาลโสภีมียานอนหลับออกฤทธิ์แรงอยู่ด้วย ไม่น่าแปลกหากเธอจะเป็นคนหยิบมาใช้เอง

            “เรื่องนั้นต้องสืบต่อไป” สารวัตรธงรบบอก

            พิจิกเคาะนิ้วบนพวงมาลัย สังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นในใจ จังหวะเดียวกับโทรศัพท์ของเขาส่งสัญญาณว่ามีไลน์เข้ามา

            “น่าจะเป็นจากคุณปู่” ชายหนุ่มบอกลอย ๆ ตั้งใจให้นายตำรวจได้ยินด้วย

            “เปิดดูตอนนี้เลยมั้ย” ธงรบถาม

            พิจิกหักพวงมาลัยลงจอดข้างทาง สังหรณ์ในใจมาพร้อมข้อความทางไลน์จากปู่ ดูสอดคล้องอย่างเหลือเชื่อ

            ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์เปิดดูข้อความทางไลน์ แววตาปรากฏร่องรอยฉงนสงสัย

            “ท่านส่งมาว่ายังไง” นายตำรวจเป็นฝ่ายอยากรู้

            “ผลตรวจสารพิษในนมก้นแก้วออกมาแล้วเหมือนกันครับ”

            พิจิกเพิ่งส่งหลักฐานให้ปู่เมื่อคืน...คาดไม่ถึงแค่ครึ่งวันก็รู้ผลแล้ว

            “ผลเป็นยังไง เหมือนกันมั้ย” สารวัตรหนุ่มไม่แปลกใจ ที่ผู้เฒ่าสามารถทำงานนี้ได้รวดเร็ว

            “ไม่เหมือนครับ” พิจิกตอบ

            “เป็นสารพิษคนละตัวเหรอ”

            “ไม่ใช่...” น้ำเสียงบอกความลังเล ไม่แน่ใจ “ปู่บอกมาทางไลน์ว่า...นมก้นแก้วที่ผมเก็บตัวอย่างส่งไปให้ ไม่มีสารพิษอะไรเลย!”

            สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ หลักฐานจากที่เกิดเหตุเดียวกัน กลับได้รับผลต่างกันขนาดนี้...หมายความอย่างไร?

            พยาบาลโสภีเสียชีวิตด้วยสาเหตุใดกันแน่!



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP