ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta
ภิกขุสูตร ว่าด้วยภิกษุรูปหนึ่ง
กลุ่มไตรปิฎกสิกขา
[๗๔] ณ กรุงสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอประทานวโรกาส พระเจ้าข้า
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ
ที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกจากหมู่
ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุ บุคคลย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด
ย่อมถึงการกำหนดเพราะสิ่งนั้น บุคคลย่อมไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด
ย่อมไม่ถึงการกำหนดเพราะสิ่งนั้น.
ภิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว
ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อได้โดยพิสดารอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงรูป ย่อมถึงการกำหนดเพราะรูปนั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงเวทนา ย่อมถึงการกำหนดเพราะเวทนานั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงสัญญา ย่อมถึงการกำหนดเพราะสัญญานั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงสังขาร ย่อมถึงการกำหนดเพราะสังขารนั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงวิญญาณ ย่อมถึงการกำหนดเพราะวิญญาณนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ไม่ถึงการกำหนดเพราะรูปนั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงเวทนา ก็ไม่ถึงการกำหนดเพราะเวทนานั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงสัญญา ก็ไม่ถึงการกำหนดเพราะสัญญานั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงสังขาร ก็ไม่ถึงการกำหนดเพราะสังขารนั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ไม่ถึงการกำหนดเพราะวิญญาณนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เข้าใจเนื้อความแห่งพระภาษิต
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วโดยย่อได้โดยพิสดารอย่างนี้แล.
[๗๕] ภ. ถูกแล้ว ถูกแล้ว ภิกษุ เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำ
ที่เรากล่าวโดยย่อได้โดยพิสดารดีนักแล
ภิกษุ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงรูป ก็ย่อมถึงการกำหนดเพราะรูปนั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงเวทนา ก็ย่อมถึงการกำหนดเพราะเวทนานั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงสัญญา ก็ย่อมถึงการกำหนดเพราะสัญญานั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงสังขาร ก็ย่อมถึงการกำหนดเพราะสังขารนั้น
ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ย่อมถึงการกำหนดเพราะวิญญาณนั้น
ภิกษุ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ย่อมไม่ถึงการกำหนดเพราะรูปนั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงเวทนา ก็ย่อมไม่ถึงการกำหนดเพราะเวทนานั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงสัญญา ก็ย่อมไม่ถึงการกำหนดเพราะสัญญานั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงสังขาร ก็ย่อมไม่ถึงการกำหนดเพราะสังขารนั้น
ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ย่อมไม่ถึงการกำหนดเพราะวิญญาณนั้น
ภิกษุ เธอพึงเห็นเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อ โดยพิสดารอย่างนี้แล.
[๗๖] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปนั้นเพลิดเพลินอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ลุกจากอาสนะ ถวายบังคม กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป
ครั้งนั้นแล เธอได้เป็นผู้ผู้เดียว หลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่
ไม่นานเท่าไร ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม
ที่กุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น
ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ก็ภิกษุนั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย.
ภิกขุสูตร จบ
(ภิกขุสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๗)
< Prev | Next > |
---|