วรรณกรรมนำใจ Lite Literature
ศิวาดล ๔
ชลนิล
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
“ปู่จ๋า...ใครมายืนทำอะไรบนสะพานน่ะ” แม่หนูน้อยชี้มือป้อมไปยังสะพานสูงใกล้สวนสาธารณะ
“จริงด้วยปู่ น่ากลัวจัง...เขากระโดดมาแล้ว...” พ่อหนูตาโตรีบร้องบอกปู่ของตนเช่นกัน
ปู่คงคา ปู่เผด็จมองตามมือหลานทั้งสอง แต่ไม่เห็นอะไรเลย ราวสะพานนั้นว่างเปล่า ท่ามกลางแดดยามบ่าย
“หวาย...เขาขึ้นไปอีกแล้วปู่” หนูเมษาเขย่ามือปู่ ท่าทางตกใจ
“ปู่เห็นมั้ย...เขากระโดดอีก...” พิจิกบอกบ้าง
คราวนี้ปู่ทั้งสองสำรวมจิต เพ่งมองไปยังราวสะพานนั้น สัมผัสทางใจก่อให้เกิดเงานิมิตราง ๆ ในหัว ถึงดวงวิญญาณของคนที่เคยกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย แล้วขณะนี้กำลังกระโดดสะพานซ้ำ ๆ โดยไม่รู้สึกตัวในอีกภพภูมิหนึ่ง
ถอนจิตจากสมาธิ หันมองหลานทั้งสอง นึกทึ่งกับความสามารถพิเศษ ที่เห็นอีกภพภูมิด้วยตาเนื้ออย่างที่ไม่ค่อยเกิดกับคนธรรมดาทั่วไป
“เมื่อเช้าพวกเราเพิ่งไปทำบุญกันมาใช่มั้ยลูก” ปู่คงคาก้มลงถามหลานชายหลานสาว
“จ้ะ” แม่หนูตอบรับ ดวงตาเรียวรีเจิดจรัสใสแจ๋ว
“จิกได้ใส่บาตรพระหลายองค์ด้วย” เด็กชายยิ้มแป้นกล่าวอวดอย่างภูมิใจ
“ทำบุญแล้วลูกมีความสุขมั้ย” ปู่เผด็จถามบ้าง
“มี...”
“มี...”
สองเสียงแย่งกันตอบ
“ถ้างั้นลูกนึกถึงความสุขตอนได้ทำบุญนะ...แล้วส่ง ‘ความสุข’ นี้ไปให้คนที่อยู่บนราวสะพานนั้น” ปู่คงคาอธิบายช้า ๆ
เด็กทั้งสองพยักหน้า รับรู้เข้าใจและสามารถปฏิบัติอย่างที่ปู่สอนได้โดยไม่ต้องอธิบายซ้ำ
“เขาหายไปแล้ว” เมษารีบบอก
“จิกรู้สึกเหมือนเขาได้รับ ‘ความสุข’ ไปจริง ๆ ด้วยล่ะ” เด็กชายอธิบายความรู้สึกของตน
“ดีแล้วลูก...”
ชายชราทั้งสองมองหน้ากัน
ในที่สุด ‘ความพิเศษ’ ของหลานรักพวกตนก็เริ่มปรากฏ...ทั้งคู่ไม่แปลกใจ เพราะได้อ่านดวงชะตา เวลาตกฟากของเด็กทั้งสองตั้งแต่แรกเกิดแล้ว
เมษา...พิจิก...ไม่ได้เกิดวันเดือนเดียวกัน...แต่ฤกษ์เกิดของทั้งคู่บอกชัดว่ามี ‘ของเก่า’ ติดตัวกันมามากขนาดไหน
...นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อหนู แม่หนูแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้...
นั่นหมายความว่า...อีกไม่นาน...ทั้งคู่จะเป็น ‘ทายาท’ ผู้รับมรดก ‘วิชา’ ทั้งมวลของสองผู้เฒ่า ซึ่งในอนาคต ทั้งคู่จะมีความสำเร็จที่เหนือกว่าปู่ตนแน่นอน
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
หญิงผอมบางชุดขาว พร้อมด้วย ‘ผู้ติดตาม’ ลับหายจากสายตาไปแล้ว เมษา พิจิกค่อยขยับตัวจากหลังต้นไม้ที่หลบซ่อนออกมา
“มาไวเหมือนกันนะ” พิจิกเอ่ยทักเสียงแผ่ว พอได้ยินกันสองคน
“ฉันมาเร็วอยู่แล้ว...แต่แกน่ะมันพวกหูหมา จมูกมด ตามก้นฉันมาติด ๆ ได้” เมษาตอบ
“ใครตามใคร พูดดี ๆ หมวยเล็ก” ชายหนุ่มยักคิ้ว ล้อเลียน
“กับแกนี่...ต้องให้พูดดีด้วยเหรอ” หญิงสาวย้อน
“ไม่ต้องพูดดีก็ได้...แต่พูดให้มันตรงหน่อย ฉันมาก่อนนะโว้ย ไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย...อย่าบิดเบือน” พิจิกสั่งสอน
“ฉันออกมาตั้งแต่ตอนฝนหยุดตก...ฟ้ายังมืดสนิท...แกออกมาตอนไหน” เมษาสวนกลับ
พิจิกยิ้มกริ่ม...ฟังอย่างนี้แปลว่า เขาออกมาช้ากว่าหล่อน...แต่ไม่ได้ลอบตามมาแน่นอน
“ฉันออกมาช้ากว่าแกก็จริง...แต่มั่นใจเหอะว่าไม่ได้ตามก้นแกมาแน่...หรือว่ากลิ่นแกแรง พรางตัวไม่เป็น ขนาดปล่อยให้หูหมา จมูกมดแอบตามมาได้ล่ะ”
คราวนี้เมษาเถียงไม่ออก พิจิกมักมีวาจาจัดจ้าน ใช้กับหล่อนโดยเฉพาะ ทำให้ต้องยอมถอยหลายครั้ง ทางเดียวที่แก้ลำได้คือ...เดินออกมาเฉย ๆ
ด้านนอกสวนป่าอนุรักษ์ค่อยสว่างขึ้น เมษาเดินออกมาแล้วพยายามเลี่ยงถนนหลัก อาศัยเงาร่มครึ้มของต้นไม้แนวป่า ใช้ลัดเลาะเดินทางกลับไปยังตึกที่พักของตน โดยไม่เหลียวหลัง สนใจชายหนุ่ม
พิจิกมองเงาหลังหญิงสาวแล้วอมยิ้ม ยอมเดินอ้อมกลับตึกที่พักอีกทาง ซึ่งมีระยะไกลกว่าโดยไม่นึกใส่ใจ...อย่างน้อย ไม่ให้อีกฝ่ายย้อนวาจาเอาได้...ว่าเขายังเดินตามตูดหล่อนอีก...
ทั้งสองไม่พูดถึงหญิงชุดขาวท่าทางแปลกกับผู้ติดตามคนละภพ ทั้งที่มองเห็นชัดถนัดตาขนาดนั้น
การเลือกปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยปากปรึกษา ซักถามกันก็เพราะ ต่างฝ่ายรู้เท่าที่อีกฝ่ายรู้ แต่ด้วยความเป็นคู่แข่ง ทำให้ต้องเก็บงำ สงวนความคิด ความเห็นตนไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ประโยชน์แม้สักเล็กน้อย
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
นายสมยศ พ่อบ้านศิวาดลเดินนำหน้าสองหนุ่มสาวคนงานใหม่ ตรงไปทางด้านหลังคฤหาสน์ศิวาดลที่มองเห็นเป็นสีขาวพร่างอยู่ตรงหน้า
ระหว่างทางก็อธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวควรรู้ กฎระเบียบข้อห้ามต่าง ๆ ในสถานที่แห่งนี้
เขตรั้วศิวาดลเป็นเหมือนเมืองหนึ่ง แบ่งแยกคนงานตามหน้าที่ต่าง ๆ ไม่ก้าวก่ายกัน สร้างกฎระเบียบขึ้นมาเพื่อความสงบเรียบร้อยในการปกครอง อยู่ร่วม
ผู้อยู่จุดสูงสุด เหนือระเบียบต่าง ๆ คือคุณศิวา และคุณแพรพลอย ผู้เป็นเจ้าของบ้าน รองลงมาคือคุณเข็มทอง แม่บ้านใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลรักษากฎระเบียบ สั่งการทุกอย่างแทนเจ้าของบ้าน เพื่อให้เกิดความราบรื่น คล่องตัว
ส่วนนายสมยศ ถึงจะมีตำแหน่งพ่อบ้านก็จริง หน้าที่ของเขาก็ไม่ต่างจากหัวหน้าคนงาน คอยรับคำสั่งจากคุณเข็มทองอีกต่อหนึ่ง คอยดูแลความเรียบร้อยบริเวณรอบคฤหาสน์ รวมถึงควบคุมการทำงานของคนงานชายในนี้
เนื่องจากโรคประจำตัวของคุณแพรพลอยกำเริบ จำเป็นต้องมีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแล จ่ายยา ติดต่อกับแพทย์
คุณแพรพลอยจึงให้ญาติห่าง ๆ ชื่อคุณโสภี มารับหน้าที่นี้ และนอกจากนั้น ก็ยังให้พยาบาลส่วนตัวคนนี้ ดูแลเรือนพยาบาล คอยจ่ายยาให้คนงานที่ป่วยด้วยโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ และปฐมพยาบาลหากมีคนงานเกิดอุบัติเหตุ ก่อนที่รถพยาบาลจะมารับ
นายสมยศบอกเล่าเรื่องราวควรรู้ในศิวาดลให้คนงานใหม่ฟัง พลางสังเกตสีหน้า ความรู้สึกของคนทั้งคู่ไปด้วย
เห็นแล้วต้องส่ายหน้า ระอาใจ เขาบอกเล่าเรื่องราว กฎระเบียบที่คนงานใหม่จำเป็นต้องรู้มากมาย แต่สองหนุ่มสาวดูหน้ามึน งง ๆ เอ๋อ ๆ ท่าทางไม่ซึมซาบ เข้าใจสักเท่าไหร่
เจ้าคนงานชายคอยพยักหน้าตอบ...ครับ ๆ ...เป็นระยะ แววตายังคงซื่อบื้อ ไม่เข้าหัวสักนิด ยิ่งเห็นผมทรงดอกกระถินแบบทิดสึกใหม่อย่างนี้ ชวนให้เห็นภาพหนุ่มบ้านนา ที่ไอคิวไม่เกินยี่สิบ ไม่รู้ว่าขับรถเป็นได้อย่างไร
ส่วนหญิงสาวผมม้า หน้าหมวย ก็คอยยิ้มรับ ถามคำตอบคำ ถนอมวาจากลัวดอกพิกุลจะร่วง ขนาดแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าคนงานใหม่ น่าจะดูดีกว่าเมื่อวาน แต่ยังไม่อาจทิ้งคราบสาวบ้านนาที่เอ๋อ ๆ เหม่อแบบมันสมองมีน้อย ไม่รู้จะเป็นที่ขัดตาคุณเข็มทองหรือไม่...
พ่อบ้านศิวาดลถอนใจหนัก นึกภาวนาให้คุณเข็มทองมีธุระด่วน ไม่มีเวลาสังเกตสังกาอบรมเด็กทั้งสองนานนัก ไม่งั้นเขาคงโดนหางเลขไปด้วย
เมษา พิจิกศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับศิวาดลมาก่อนแล้ว กฎระเบียบเรื่องราวที่ได้ยิน จึงฟังผ่านหูแบบไม่ใส่ใจมากนัก ‘คราบ’ หนุ่มสาวบ้านนอกที่พวกตนสวมใส่อยู่ เป็นสิ่งน่าระวังมากที่สุด
ทั้งคู่ไม่เคยเห็นรูป ไม่รู้จักคุณเข็มทอง แม่บ้านใหญ่ศิวาดล แต่จากกิตติศัพท์ได้ยินมา พอรู้ว่าคนผู้นี้มีสายตาแหลมคม อ่านคนออกเพียงชั่วขณะที่ได้พูดจากันไม่กี่คำ
หากเธอผู้นี้เกิดสงสัย ดูออกว่าลักษณะแท้จริงพวกเขาไม่ใช่หนุ่มสาวบ้านนา แต่แกล้งปลอมตัวมาสมัครงานระดับล่าง คงเกิดปัญหาตามมาพอสมควร
นอกจากปรับ ‘ลุค’ ภายนอกแล้ว พวกเขาจึงต้องเกิดงำประกายตา แววฉลาดเฉลียวของพวกตน ไว้ภายใต้เปลือกที่สร้างด้วย
ทางเดินเข้าด้านหลังคฤหาสน์ศิวาดลโรยด้วยกรวดทรายหยาบ สองข้างทางปลูกไม้ดอกล้มลุกชูช่อสวยงาม ขนาดเป็นด้านหลังตัวคฤหาสน์ยังมีการจัดสวน ตกแต่งร่มรื่น งดงามขนาดนี้
ประตูด้านหลังเปิดออก เมษา พิจิกย่างเท้าเข้าสู่ตัวคฤหาสน์เป็นครั้งแรก สัมผัสพื้นปูหินแกรนิตมันวับ ผนังทาสีนวลตา เพดานสูงทั้งที่เป็นแค่ห้องเก็บของด้านหลัง
นายสมยศพาสองหนุ่มสาวเดินเข้ามาเงียบ ๆ ไม่เกิดเสียงฝีเท้า ผ่านจากห้องเก็บของ ห้องครัวขนาดเล็กแล้วก็มาถึงห้องโถงใหญ่ของศิวาดล...
เมษา พิจิกชะงักเท้าพร้อมกัน กระแสคลื่นเฉพาะบางอย่าง แผ่เข้ามากระทบจิตสัมผัสอย่างจัง อาการเสมือนไฟฟ้าแล่นปลาบลงสู่ร่าง
“หยุดทำไม...คุณเข็มทองรออยู่...อย่าชักช้า” นายสมยศหันมาบอก
สองหนุ่มสาวสีหน้าแปลกเปลี่ยน เพิ่งรู้สึกตัว
“อย่าเพิ่งตะลึงอะไรกับห้องโถงนี้เลย ในนี้มีอะไรสวยงามใหญ่โตกว่านี้อีกเยอะ”
พ่อบ้านศิวาดลคิดว่าหนุ่มสาวบ้านนอกคู่นี้ คงตะลึงงันกับการตกแต่งอันงดงาม ประดับประดาอย่างสวยหรูอลังการภายในห้องโถงใหญ่ศิวาดล
หารู้ไม่ว่า...เมษา พิจิกไม่ได้มองดู รับรู้เลยว่าห้องโถงนี้มีอะไร ตกแต่งอย่างไรบ้าง...
“ครับ...”
“ค่ะ...”
สองหนุ่มสาวรีบตั้งสติ ตอบรับพร้อมเร่งฝีเท้าก้าวตามพ่อบ้านอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องทำงานคุณเข็มทอง...
เปิดประตู ก้าวเข้ามาในห้อง พบสตรีวัยกลางคนร่างสูง ผอมบางอยู่ในชุดขาวเรียบร้อย กำลังยืนเด่นสง่าหน้าบานกระจกที่เปิดอ้า รับแสงตะวัน
“มาช้านะ...สมยศ” นี่เป็นคำทักทายแรกจากแม่บ้านใหญ่
สองหนุ่มสาวแอบกลืนน้ำลาย ตั้งสติ พยายามรักษา ‘เปลือก’ ของตนอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
ตั้งแต่ก้าวล่วงมาถึงห้องโถงใหญ่ศิวาดล...พวกเขาพบความแปลกใจครั้งใหญ่ ได้เจอสิ่งต้องการค้นหาอย่างง่ายดาย
ความแปลกใจที่ตามมาติด ๆ คือคุณเข็มทอง...แม่บ้านใหญ่ตรงหน้า
ณ ห้องโถงใหญ่ศิวาดลนั้น พิจิก เมษาสัมผัสพร้อมกันถึงกระแสคลื่นอาคม การปิดผนึกวิญญาณร้ายของปู่พวกตนที่หลงเหลือถึงปัจจุบัน
มันบอกให้ทราบว่า...เรือนพระยาคงเวทอยู่ตรงนี้...ที่ตั้งคฤหาสน์ศิวาดล
เรื่องน่าประหลาดใจตามมาคือ...สตรีชุดขาว ที่มีคลื่นพลังงานดวงวิญญาณติดตามเมื่อเช้านี้ เป็นคนเดียวกับคุณเข็มทอง แม่บ้านใหญ่...
ประสบเรื่องน่าแปลกใจติดกันสองเรื่องภายในเวลาอันสั้น สองหนุ่มสาวยังสามารถเก็บอาการ รักษา ‘เปลือก’ ของตนได้อีกหรือไม่...?
บทที่ ๓
กิตติศัพท์ที่ได้ยินมาทั้งหมดเกี่ยวกับคุณเข็มทอง แม่บ้านใหญ่ศิวาดล เมื่อได้มาเจอกันจัง ๆ ต่อหน้า มันปรากฏไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตัวจริง
สตรีวัยกลางคนผู้นี้น่าจะมีอายุราวห้าสิบปลายเกือบหกสิบ เส้นผมหงอกขาวแซมหนาตาโดยเจ้าตัวไม่สนใจย้อมแต่รวบเป็นมวยด้านหลังเรียบร้อย เผยให้เห็นโครงหน้าสามเหลี่ยม ปลายคิ้วสูง ดวงตาดุคมปลาบชวนคนอยู่ใกล้นึกพรั่น
คุณเข็มทองคือผู้หญิงที่เมษา พิจิกเห็นตอนเช้ามืด ต่างกันเพียงเวลานี้ไม่มีวิญญาณดวงใดคอยติดตาม เบื้องหลังสตรีวัยกลางคนว่างเปล่า ปราศจากกลิ่นอาย ไร้ร่องรอยคลื่นพลังงานต่างภพ
สิ่งที่สองหนุ่มสาวเห็นตรงกันนั่นคือ สตรีตรงหน้าดูลึกลับ น่าเกรงขาม และมีอำนาจเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องเสแสร้งปรุงแต่ง
คนประเภทนี้ ไม่น่ามีดวงวิญญาณเฝ้าติดตาม ยกเว้นมีเหตุบางอย่าง...ซึ่งยากอธิบาย
หลังจากนายสมยศได้รับคำทักทายแกมตำหนิจากคุณแม่บ้านใหญ่ ก็รีบกล่าวขอโทษแล้วแนะนำคนงานใหม่โดยไม่ยอมให้เสียเวลา...
“ผู้ชายคนนี้ชื่อพิจิก มาเป็นคนขับรถ ส่วนผู้หญิงชื่อเมษา มาเป็นผู้ช่วยแม่ครัว...ทั้งคู่จะทำงานที่นี่ชั่วคราว แค่เดือนเดียว จนกว่าจะเสร็จงาน ‘เปิดรั้วศิวาดล’ ครับ”
‘เปิดรั้วศิวาดล’ เป็นงานใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายปี คนต้นคิดงานคือคุณแพรพลอย
หลังคุณดลดารา ภรรยาคนแรกเสียชีวิต คุณศิวาก็เกือบจะปิดตัว ปิดคฤหาสน์จากบุคคลภายนอก คุณรายา ภรรยาคนที่สองเคยมีความคิดจะเปิดศิวาดลอีกครั้งแต่เสียชีวิตก่อน ส่วนคุณพรนรี ภรรยาคนที่สามมีเวลาอยู่ที่นี่น้อยเกินไป ทำให้ศิวาดลกลายเป็นแดนต้องห้ามจากผู้คนทั่วไปหลายปี
คุณแพรพลอยอยู่ศิวาดลครบปีแล้ว นอกจากอาการโรคประจำตัวกำเริบเป็นครั้งคราว ก็ยังไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เพื่อนฝูงในวงการมักแวะมาเยี่ยมเยียนเนือง ๆ คนเหล่านั้นพอเห็นความสวยงามไม่เหมือนใครของที่นี่ ก็อยากขอเช่าใช้สถานที่เพื่อถ่ายทำละคร ถ่ายโฆษณา หรือไม่ก็ใช้จัดงานอีเว้นท์ใหญ่โต
ด้วยความที่เธอเพิ่งเป็นนายหญิงคนใหม่จึงไม่กล้าอนุญาต เปิดบ้านให้เพื่อนฝูง คนในวงการเข้ามาเช่าใช้สถานที่แบบนั้น
กระทั่งอยู่มาครบปี ถือโอกาสนำความคิดนี้ไปคุยกับคุณศิวา สามีนักธุรกิจ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าศิวาดลเงียบเหงา เป็นแดนต้องห้ามร่วมสิบปี การเปิดคฤหาสน์ศิวาดลเพื่อใช้ในทางธุรกิจเป็นสิ่งน่าสนใจ เพราะนอกจากจะทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว รายได้ที่ตามมาก็สามารถใช้บริหารสถานที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องดึงเงินจากธุรกิจหลักของตนมาหล่อเลี้ยง ดูแลอย่างเคย
งานเปิดรั้วศิวาดล จึงนับเป็นงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่งานแรก เชิญคนในวงการบันเทิง วงการสื่อใหญ่ ๆ มาแทบทั้งหมด เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสถานที่แห่งนี้ว่าสามารถใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจบันเทิง และการโฆษณาได้มากแค่ไหน
ในอนาคต คฤหาสน์ศิวาดลจะไม่เพียงแค่เปิดให้เช่าสถานที่ถ่ายทำละคร ถ่ายโฆษณาเท่านั้น แต่ยังสามารถรองรับการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่ ๆ การประชุมสัมมนานอกสถานที่ หรือกระทั่งงานเล็ก ๆ อย่างการมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งได้ทั้งหมด
เค้าโครงความคิดเช่นนี้ย่อมขัดต่อเจตนาเดิมของคุณดลดารา ผู้ออกแบบ สร้างสรรค์สถานที่นี้ขึ้นมา...แต่...เธอผู้นั้นเสียชีวิตมานานนับสิบปีแล้ว คุณศิวามีความเห็นคล้อยตามคุณแพรพลอยภรรยาคนปัจจุบันมากกว่า...ราวกับลืมเลือนภรรยาคนแรกไปเสียแล้ว
พอได้ยินชื่องาน ‘เปิดรั้วศิวาดล’ แววตาคุณเข็มทองทอประกายวับด้วยความไม่พอใจขึ้นแวบหนึ่งก่อนเลือนหาย กลายเป็นราบเรียบ
นายสมยศเห็นอย่างนั้นจึงรีบหุบปาก นิ่งเงียบ
“พิจิก...เมษา” คุณเข็มทองทวนชื่อคนงานใหม่ทั้งสอง นัยน์ตาคมปลาบกวาดมองผู้มาใหม่ด้วยประกายอำนาจชวนพรั่น คล้ายแลทะลุถึงภายในไม่ต่างจากเครื่องเอกซเรย์
สองหนุ่มสาวเงยหน้ารับเมื่อถูกเรียกชื่อ สีหน้าแววตาบอกถึงความซื่อปนขลาดกลัว
“สองคนเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า” คำถามไม่เจาะจงถึงใคร
“คะ...ครับ...” พิจิกละล่ำละลักตอบท่าทางตื่น ๆ
“เอ่อ...เป็นคนบ้านเดียวกันค่ะ” เมษาขยายความด้วยเสียงแปร่งติดเหน่อนิด ๆ
“เรียนจบชั้นไหน” คำถามตามมาอีก
“ในจังหวัด...จบโรงเรียนมัธยม...เอ่อ...ค่ะ” เมษาไม่ได้โกหก...ถ้าในจังหวัดบ้านเกิด หล่อนเรียนจบแค่ชั้นมัธยมเท่านั้น ส่วนระดับมหาวิทยาลัย...เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ
แม่บ้านใหญ่หันไปทางพิจิก...รอคำตอบ
“เอ่อ...เหมือนกัน...ครับ” ชายหนุ่มเลือกตอบแบบหญิงสาว...ถือว่าไม่ได้พูดเท็จเช่นกัน
ผู้อาวุโสไม่ตั้งคำถามต่อ สายตาแลตรงสองหนุ่มสาวด้วยแววประเมิน หยั่งลึก คล้ายกำลังเจาะ มองดูและฟังในสิ่งที่คนทั้งคู่ไม่ตอบมาเป็นวาจา
พิจิกเสมองเก้าอี้ข้าง ๆ ไม่กล้าสบตาคุณแม่บ้าน ท่าทางอึดอัด เกรงกลัว เหมือนนายทหารชั้นผู้น้อยกำลังยืนอยู่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาระดับสูง
เมษาก้มหน้า มือบิดชายเสื้อตนเอง แสดงอาการเหมือนสาวชาวบ้านที่ไม่กล้าสบตา สู้หน้าผู้ใหญ่จากเมืองกรุง
นายสมยศมองสองคนงานใหม่อย่างเห็นใจ ลักษณะอาการเช่นนี้เขาเห็นจากคนงานอื่นมาแล้ว ไม่มีใครทนต่อสายตาทรงอำนาจเหมือนเครื่องเอกซเรย์ของแม่บ้านใหญ่ได้สักคน
คนงานใหม่สองหนุ่มสาวไม่แตกต่างจากคนอื่นเลย
ตัวพ่อบ้านทำได้แค่เอาใจช่วย นึกภาวนาขอให้คุณเข็มทองไล่พวกเขาออกจากห้องทำงานเร็ว ๆ
“ไปได้แล้ว” แม่บ้านใหญ่เอ่ยปากในที่สุด
เมษา พิจิกแอบถอนใจโล่งอก ท่าทางเหมือนได้รับอภัยโทษครั้งใหญ่ รีบยกมือไหว้คุณแม่บ้าน อดใจรอให้พ่อบ้านศิวาดลเปิดประตูออกจากห้องก่อน จึงรีบถอยหลังตามไปอย่างรวดเร็ว
นึกโล่งใจ ที่ละครฉากนี้พวกตนแสดงได้สมบทบาทอย่างยิ่ง!
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
กลับออกมาผ่านห้องโถงใหญ่ด้านหน้า หยุดยืนกวาดสายตามองอย่างละเอียด คราวนี้นอกจากรับสัมผัสจากอาคมปิดผนึกของปู่ทั้งสองชัดเจนขึ้นแล้ว ยังตื่นตากับการตกแต่งสวยงามมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของห้องนี้
“ไง...ยังติดใจความสวยของที่นี่อยู่อีกเหรอ” นายสมยศเอ่ยปากอย่างเห็นขัน
“ครับ”
“ค่ะ”
สองหนุ่มสาวตอบรับ แสร้งทำเป็นสนใจรายละเอียดในห้องโถงเพื่อถ่วงเวลาหาจุดที่มีพลังอาคมเข้มข้นที่สุด
พิจิกมองเพดานด้านบน เมษาสังเกตลวดลายบนพื้นห้องโถง จากนั้นทั้งสองก็สลับกันมองสิ่งที่อีกฝ่ายสังเกต แล้วพบความคล้ายคลึงบางอย่างระหว่างเพดานกับพื้นห้องโถง
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องพาพวกเธอไปที่ทำงานกันอีก” พ่อบ้านเร่ง
“ลายบนเพดานสวยดีนะครับ” พิจิกเอ่ยขึ้น พ่อบ้านศิวาดลเงยหน้ามองแล้วมีสีหน้าผิดปกติแวบหนึ่ง
“ลวดลายเหมือนพื้นข้างล่างนี่ด้วย” เมษาเสริมพร้อมกับสังเกตสีหน้านายสมยศ
“อือ...” ผู้สูงวัยกว่ากล้อมแกล้มรับคำ ถ้าสองคนงานใหม่ไม่ได้รับการฝากฝังจากน้าชายตน คงโดนไล่ออกจากห้องโถงแต่แรกแล้ว
“เหมือนเป็นเลขหนึ่งไทยเลย” คนงานหนุ่มตั้งข้อสังเกต
“แต่ดูดี ๆ เหมือนตัว ด.เด็กนะคะ” เมษาพูดพลางมองตาแป๋ว ขณะที่อีกฝ่ายสะดุ้งโหยงไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“ไป...ไป...รีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณแม่บ้านใหญ่ออกมาเห็นจะโดนดุเอา” นายสมยศรีบใช้ชื่อคุณเข็มทองมาอ้าง
เมษา พิจิกแกล้งก้มหน้างุดรีบเดินตามออกจากห้องโดยไม่กล้าซักถามอะไรอีก มีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ รู้ทันติดอยู่มุมปาก
ก่อนมาศิวาดล สองหนุ่มสาวศึกษารายละเอียดของที่นี่มากสุดเท่าที่จะพอหาได้ ทำให้รู้ว่าลายเซ็นของศิลปินชื่อดังอย่างคุณดลดารามีลักษณะพิเศษอย่างไร
ตัว ด.เด็กที่ลากเส้นละม้ายเลขหนึ่งไทยคือตัวอักษรแรกในลายเซ็นของเธอ
การเข้ามาอยู่ของนายหญิงคนที่สอง สาม สี่แห่งศิวาดล อาจทำให้ต้องเก็บสมบัติ ร่องรอยของนายหญิงคนก่อนออกไปจนหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ยากจะทำให้ลบเลือนนั่นคือเอกลักษณ์ ชื่อของดลดารา นายหญิงคนแรก ที่ฝากไว้เป็นงานศิลปะ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับคฤหาสน์หลังนี้
ลวดลายบนเพดาน พื้น ผนัง กระทั่งลายในผ้าม่าน ข้าวของเครื่องใช้ กระทั่งรูปแบบแผนผังการจัดวางโครงสร้างพื้นที่ทั้งหมด จะมองเห็นลายเซ็นของดลดาราซ่อนอยู่ในนั้นอย่างแนบเนียน
...เรียกได้ว่า...นอกจากดลดาราแล้ว...ไม่มีผู้หญิงคนไหน ได้เป็นเจ้าของศิวาดลอย่างแท้จริง!...
(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)
< Prev | Next > |
---|