ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

นวสูตร ว่าด้วยบุคคลที่เปรียบได้กับผ้าเปลือกไม้ ๓ ชนิด


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๕๓๙] ภิกษุทั้งหลาย ผ้าเปลือกไม้ แม้ใหม่ก็สีทราม มีสัมผัสหยาบ และราคาถูก
แม้กลางเก่ากลางใหม่ก็สีทราม มีสัมผัสหยาบ และราคาถูก
แม้เก่าแล้วก็สีทราม มีสัมผัสหยาบ และราคาถูก
ผ้าเปลือกไม้ที่คร่ำคร่าแล้ว เขาก็ทำเป็นผ้าเช็ดหม้อข้าวบ้าง
ทิ้งเสียที่กองขยะบ้าง ฉันใด


ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นนั่นเทียวแล แม้หากว่า ภิกษุนวกะ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันเลว
เรากล่าวความทุศีลมีธรรมเลวนี้ โดยเป็นความมีสีทรามของภิกษุนวกะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีสีทราม ฉะนั้น


อนึ่ง ชนเหล่าใดคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ของภิกษุนวกะผู้ทุศีลมีธรรมเลวนั้น
ข้อนั้นย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งอันไม่เกื้อกูลเพื่อทุกข์แก่ชนเหล่านั้นตลอดกาลนาน
เรากล่าวการคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ที่เป็นไปเพื่อสิ่งอันไม่เกื้อกูลเพื่อทุกข์นี้ โดยเป็นความมีสัมผัสหยาบของภิกษุนวกะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีสัมผัสหยาบ ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุนวกะผู้ทุศีลมีธรรมเลวนั้น รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด
การรับของภิกษุนวกะนั้น ย่อมไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านั้น
เรากล่าวการรับอันไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านี้
โดยเป็นความมีราคาถูกของภิกษุนวกะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีราคาถูก ฉะนั้น


ภิกษุทั้งหลาย แม้หากว่า ภิกษุมัชฌิมะเป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันเลว
เรากล่าวความทุศีลมีธรรมเลวนี้ โดยเป็นความมีสีทรามของภิกษุมัชฌิมะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีสีทราม ฉะนั้น


อนึ่ง ชนเหล่าใดคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ของภิกษุมัชฌิมะผู้ทุศีลมีธรรมเลวนั้น
ข้อนั้นย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งอันไม่เกื้อกูลเพื่อทุกข์แก่ชนเหล่านั้นตลอดกาลนาน
เรากล่าวการคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ที่เป็นไปเพื่อสิ่งอันไม่เกื้อกูลเพื่อทุกข์นี้ โดยเป็นความมีสัมผัสหยาบของภิกษุมัชฌิมะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีสัมผัสหยาบ ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุมัชฌิมะผู้ทุศีลมีธรรมเลวนั้น รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด
การรับของภิกษุมัชฌิมะนั้น ย่อมไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านั้น
เรากล่าวการรับอันไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านี้
โดยเป็นความมีราคาถูกของภิกษุมัชฌิมะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีราคาถูก ฉะนั้น


ภิกษุทั้งหลาย แม้หากว่า ภิกษุเถระ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันเลว
เรากล่าวความทุศีลมีธรรมเลวนี้ โดยเป็นความมีสีทรามของภิกษุเถระนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีสีทราม ฉะนั้น


อนึ่ง ชนเหล่าใดคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ของภิกษุเถระผู้ทุศีลมีธรรมเลวนั้น
ข้อนั้นย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งอันไม่เกื้อกูลเพื่อทุกข์แก่ชนเหล่านั้นตลอดกาลนาน
เรากล่าวการคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ที่เป็นไปเพื่อสิ่งอันไม่เกื้อกูลเพื่อทุกข์นี้ โดยเป็นความมีสัมผัสหยาบของภิกษุเถระนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีสัมผัสหยาบ ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุเถระผู้ทุศีลมีธรรมเลวนั้น รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด
การรับของภิกษุเถระนั้น ย่อมไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านั้น
เรากล่าวการรับอันไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านี้
โดยเป็นความมีราคาถูกของภิกษุเถระนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้าเปลือกไม้มีราคาถูก ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุเถระเห็นปานนั้น กล่าวอะไรในท่ามกลางสงฆ์
ภิกษุทั้งหลายก็กล่าวเอาว่า ประโยชน์อะไรด้วยถ้อยคำของท่านผู้โง่เขลา
ไม่ฉลาด กล่าวออกไป ถึงตัวท่านก็ควรรู้เรื่องที่ควรพูด
ภิกษุเถระนั้นโกรธน้อยใจ ก็จะใช้ถ้อยคำชนิดที่เป็นเหตุให้สงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม
(คือห้ามไม่ให้ติดต่อเกี่ยวข้องกับภิกษุทั้งหลาย)
เหมือนผ้าเปลือกไม้เก่าที่เขาทิ้งเสียที่กองขยะ ฉะนั้น


ภิกษุทั้งหลาย ผ้ากาสีแม้ใหม่ สีก็งาม สัมผัสนิ่ม และราคาแพง
แม้กลางเก่ากลางใหม่สีก็งาม สัมผัสนิ่มและราคาแพง
แม้เก่าแล้วสีก็งาม สัมผัสนิ่ม และราคาแพง
ผ้ากาสีถึงคร่ำคร่าแล้ว เขายังใช้เป็นผ้าห่อรัตนะบ้าง
เก็บไว้ในหีบของหอมบ้าง ฉันใด


ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นนั่นเทียวแล แม้หากว่าภิกษุนวกะ เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม
เรากล่าวความมีศีลมีกัลยาณธรรมนี้ โดยเป็นความมีสีงามของภิกษุนวกะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เปรียบเหมือนผ้ากาสีมีสีงาม ฉะนั้น


อนึ่ง ชนเหล่าใดคบหา สมาคม สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ของภิกษุนวกะผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมนั้น
ข้อนั้นย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อสุขแก่ชนเหล่านั้นตลอดกาลนาน
เรากล่าวการคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อสุขนี้
โดยเป็นความมีสัมผัสนิ่มของภิกษุนวกะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เปรียบเหมือนผ้ากาสีมีสัมผัสนิ่ม ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุนวกะผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมนั้น รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด
การรับของภิกษุนวกะนั้น ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านั้น
เรากล่าวการรับอันมีผลมาก มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านี้
โดยเป็นความมีราคามากของภิกษุนวกะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้ากาสีมีค่ามาก ฉะนั้น


ภิกษุทั้งหลาย แม้หากว่าภิกษุมัชฌิมะ เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม
เรากล่าวความมีศีลมีกัลยาณธรรมนี้ โดยเป็นความมีสีงามของภิกษุมัชฌิมะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เปรียบเหมือนผ้ากาสีมีสีงาม ฉะนั้น


อนึ่ง ชนเหล่าใดคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ของภิกษุมัชฌิมะผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมนั้น
ข้อนั้นย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อสุขแก่ชนเหล่านั้นตลอดกาลนาน
เรากล่าวการคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อสุขนี้
โดยเป็นความมีสัมผัสนิ่มของภิกษุมัชฌิมะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เปรียบเหมือนผ้ากาสีมีสัมผัสนิ่ม ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุมัชฌิมะผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมนั้น รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด
การรับของภิกษุมัชฌิมะนั้น ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านั้น
เรากล่าวการรับอันมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
โดยเป็นความมีค่ามากของภิกษุมัชฌิมะนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้ากาสีมีค่ามาก ฉะนั้น


ภิกษุทั้งหลาย แม้หากว่าภิกษุเถระ เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม
เรากล่าวความมีศีลมีกัลยาณธรรมนี้ โดยเป็นความมีสีงามของภิกษุเถระนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เปรียบเหมือนผ้ากาสีมีสีงาม ฉะนั้น


อนึ่ง ชนเหล่าใดคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ
ของภิกษุเถระผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมนั้น
ข้อนั้นย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อสุขแก่ชนเหล่านั้นตลอดกาลนาน
เรากล่าวการคบหา สมาคม นับถือ ถึงทิฏฐานุคติ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อสุขนี้
โดยเป็นความมีสัมผัสนิ่มของภิกษุเถระนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เปรียบเหมือนผ้ากาสีมีสัมผัสนิ่ม ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุเถระผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมนั้น รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด
การรับของภิกษุเถระนั้น ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก แก่ชนเหล่านั้น
เรากล่าวการรับอันมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
โดยเป็นความมีค่ามากของภิกษุเถระนั้น
เราเรียกบุคคลเช่นนี้ว่าเปรียบเหมือนผ้ากาสีมีค่ามาก ฉะนั้น


อนึ่ง ภิกษุเถระผู้มีคุณธรรมอย่างนี้ กล่าวอะไรขึ้นในท่ามกลางสงฆ์
ภิกษุทั้งหลายก็ได้พากันพูดอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย จงสงบเสียงเถิด
ภิกษุเถระจะกล่าวธรรมจะกล่าววินัยนี้ ดังนี้


เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาในข้อนี้ว่า
เราทั้งหลายจักมีผ้ากาสีเป็นเครื่องเปรียบเทียบ
จักไม่มีผ้าเปลือกไม้เป็นเครื่องเปรียบเทียบ
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล.


นวสูตร จบ



(นวสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๔)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP