ดับเพลิง Calm Down
นิทานโทสะ ตอน ธรรมทาน - อภัยทาน
โดย ชลนิล
รูปภาพประกอบโดย เซมเบ้
...การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง...
ชาวนักเผยแพร่ธรรมะจะมีความยินดีที่ได้มีโอกาสพิมพ์หนังสือธรรมะ ไรท์ซีดีธรรมะแจกแก่คนทั่วไปเป็นธรรมทานเสมอ
การได้แจกหนังสือธรรมะ แจกซีดี เอ็มพี ๓ รวมพระธรรมเทศนาของครูบาอาจารย์ออกไปในวงกว้าง ก็เป็นเสมือนการส่งต่อดวงไฟแห่งธรรมให้กระจายเฉิดฉาย ขับไล่ความมืดมัวของความไม่รู้ ให้แก่เพื่อนร่วมโลก
ธรรมะเป็นสิ่งที่ดี...ประเสริฐ...แต่คนรับหน้าที่แจกหนังสือธรรมะอย่างผม กลับมีความมืดมิดของโทสะจนน่าละอายใจ แต่ผมไม่อายนะ ถ้าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
ในงานแจกหนังสือ ซีดีธรรมะครั้งหนึ่ง มีผู้คนแวะเวียนมาขอรับกันไม่ขาดสาย โดยที่ซุ้มแจกจะมีซีดีตัวอย่าง และหน้าปกหนังสือติดโชว์ไว้ด้านหน้า ให้คนที่มา ได้ดูเพื่อตัดสินใจเลือกสรร
ความที่จำกัดจำนวนหนังสือ และซีดีแก่ผู้มารับ ทำให้หลายคนต้องเลือกซีดี หนังสือที่ตนเองชอบมากที่สุดได้ไม่กี่ชิ้น ผลคือหนังสือบางเล่ม ซีดีบางแผ่นหมดไปอย่างรวดเร็ว
ถึงของจะหมด แต่ยังมีซีดีตัวอย่างแขวนโชว์อยู่ จึงต้องนำกระดาษไปแปะที่แผ่นบอกว่าหมดแล้ว ขนาดนั้นก็ยังมีคนมาเทียวถามหาซีดีแผ่นนั้นอยู่บ่อย ๆ
พอรู้ว่าหมด ก็ถามว่าจะมาเมื่อไหร่?
ส่วนใหญ่พอได้คำตอบก็ไม่มีปัญหาอะไร บอกแค่จะมาขอรับวันหลัง...
แต่ใช่ว่าทุกคนจะพูดรู้เรื่องไปเสียทั้งหมด คนที่มีปัญหาก็ยังมี...แถมเป็นเด็กเสียด้วย
เด็กผู้ชายตัวอ้วน สูง อายุราวสิบสอง สิบสามปี สวมแว่น แต่งตัวดี มากับครอบครัวที่ดูมีฐานะ เขาถามหาซีดีแผ่นที่หมดไปแล้ว...
“หมดครับน้อง...วันหลังค่อยมาใหม่นะ” ผมตอบ
“แล้วจะมาเมื่อไหร่?” เขาถามด้วยอาการมีฟอร์มหน่อย ๆ
“น่าจะพรุ่งนี้นะ...” ผมตอบอย่างใจเย็น ทั้งที่เริ่มขัดตากับกิริยาของเด็กคนนี้แล้ว
“งั้นขอแผ่นนี้ได้มั้ย ขี้เกียจมาอีก” เขาชี้แผ่นโชว์ ที่แปะกระดาษบอกว่าหมด
ผมหันไปมองน้องผู้ชายที่ช่วยแจกซีดีธรรมะด้วยกัน เขามีหน้าที่ดูแลสต๊อกของ ในขณะที่ผมเป็นแค่คนช่วยแจกเฉย ๆ
“ไม่ได้ครับน้อง...นี่เป็นแผ่นที่เอาไว้โชว์น่ะ” น้องผู้ชายตอบเด็กคนนั้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เป็นกันเอง
“ทำไมถึงให้แผ่นนี้ไม่ได้ล่ะ...จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาเอาใหม่” น้ำเสียงเด็กพูดแบบขัดใจ วางอำนาจนิด ๆ แบบคนที่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ทุกอย่าง
ผมโมโหจนจุกอก พูดอะไรไม่ออก เม้มปากแน่น ไม่กล้าหลุดวาจาร้าย ๆ ออกมาตามอารมณ์โกรธในขณะนั้น ไม่งั้นคงได้คำพูดประมาณนี้
...เด็กบ้าอะไรวะ วางท่าอย่างกับเป็นเจ้านาย ทำท่าดูถูกคนอื่น ทั้งที่ตัวแกมันก็แค่รุ่นลูก!...
อัตตาในใจพองโต ขุ่นโกรธ...เรื่องอะไรจะให้เด็กรุ่นลูกมาวางท่าใส่ มองเราอย่างกับเป็นขี้ข้า...หนอย...ไอ้เด็กเวร...
โทสะพุ่งขึ้นหน้า ปิดปากตัวเอง ไม่อยากพูดอะไร...
คนที่ตอบคือน้องผู้ชายคนเดิม
“ไม่ได้จริง ๆ ครับ...พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะ เดี๋ยวพี่จะเตรียมไว้ให้” น้ำเสียงของน้องผู้ชายที่แจกหนังสือธรรมะด้วยกันไม่มีกระแสร้อนของโทสะสักนิด มีแต่ความใสเย็น ตั้งมั่น ราวกับไม่รู้สึกหวั่นไหวกับกิริยาของเด็กตรงหน้า
ผมเกิดความละอายใจอย่างแรง โทสะในใจลดฮวบฮาบ วกกลับมาดูจิตตนเอง เห็นความน่าละอาย ขยะแขยง เมื่อเปรียบเทียบกับน้องผู้ชายคนนี้
เด็กผู้ชายคนนั้นยังแสดงท่าทาง พูดจาดื้อดึงต่ออีกสองสามคำ แต่ก็ได้รับคำตอบอย่างใจเย็น ไม่ถือสาจากน้องผู้ชายที่แจกหนังสือธรรมะ จนยอมจากไปในที่สุด
มองดูหนังสือ ซีดีธรรมะที่เรียงรายบนชั้น รู้สึกเหมือนตนเองเป็นทัพพีที่ไม่รู้รสแกง...ยืนแจกหนังสือธรรมะแท้ ๆ ใจกลับมีโทสะ อัตตาหนาแน่น
เฮ้อ...ก่อนที่ผมจะมาแจกหนังสือธรรมะเป็นธรรมทาน ก็น่าที่จะฝึกฝนจิตใจตนเอง ให้รู้จักมี “อภัยทาน” เสียก่อนเนอะ...
-----๐๐๐-----
< Prev | Next > |
---|