กระปุกออมสิน Money Literacy
สุขการจากใช้เงิน ใครๆก็อยากได้ แต่...
Mr.Messenger
สนใจติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ http://twitter.com/MrMessenger
ไม่ว่าคุณจะเคยตั้งเป้าหมายในชีวิตหรือไม่ หรือตั้งไว้ใหญ่เพียงใด แต่เชื่อไหมครับว่า แทบทุกคน มีเป้าหมายแฝงที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เยาว์วัย นั้นก็คือ “อยากรวย”
นิยามคำว่า “รวย” ของแต่ละคน ไม่มีทางที่จะเท่ากัน แต่เราทั้งหมดเข้าใจตรงกันว่า หมายถึง มีเงินเยอะพอที่จะไม่ต้องทำงานต่อไป เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนบนสื่อ คนที่ถูกนิยมชมชอบ คนที่ได้รับการยกย่องว่าประสบความสำเร็จในชีวิต เขาเหล่านั้นต่าง “รวย” แทบทั้งสิ้น
ผมเชื่อว่า ผู้อ่านคงได้อ่านบทความหลายๆบทความที่พยายามถ่ายทอดมุมมองต่อความรวยไว้ว่า อยู่ที่ความพอใจของแต่ละคน ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และผมสนับสนุนครับ แต่ถ้ามองในมุมนั้นอย่างเดียว หลายคนจึงเลือกวิธีคือ ตั้งเป้าหมายเป็นตัวเลขไว้ ว่ามีเท่าไหร่ ฉันถึงจะพอ แล้วแลกด้วยการทำงานเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
แต่สำหรับสาวๆนั้น ค่อนข้างแตกต่างซักเล็กน้อย เพราะสาวๆส่วนใหญ่ที่ผมได้พูดคุย ต่างพูดไปในทางเดียวกันว่า สำหรับพวกเธอแล้ว เธอยอมทำงานหนัก เพื่อได้เงินเยอะๆ แล้วก็ถึงแล้วแห่งความสุขของพวกหล่อน นั้นก็คือ การช้อปปิ้ง ครับ (หนุ่มๆหลายคน อ่านถึงตรงนี้ ก็คงร้อง หึหึ อยู่ในใจ) หนุ่มๆครับสะใจ ให้รู้ว่าสะใจ และผมก็รู้ว่า หนุ่มๆหลายคน ก็ทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินเยอะๆมาซื้อสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ เช่น รถงามๆซักคัน นาฬิกาหรูซักเรือน หรือ เสื้อผ้าตามเทรนด์ในสไตล์ของตัวคุณเอง
รวมความแล้ว คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ ทำงานหนัก ก็เพื่อจะมีความสุขจากการใช้เงิน จริงไหม? ลองนึกถึงตัวเองดูนะครับ
ประเด็นคือ สมมติว่า หนุ่มสาวเหล่านั้นเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานเดือนละ ๓๐ วัน เพื่อแลกกับเงินเดือนซึ่งจะวิ่งเข้าบัญชีในทุกๆสิ้นเดือน นั้นหมายความว่า พวกเขาจะต้องพยายามฝ่ารถติด เบียดตัวเองขึ้นบนรถไฟฟ้า ต้องคอยตีสองหน้ากับเพื่อนร่วมงาน นั่งวิจารณ์เจ้านาย ทำงานจนลืมเวลาพักเที่ยง นั่งประชุม ๒-๓ ชั่วโมงต่อวัน ฝ่ารถติดกลับบ้าน กลับบ้านไปก็สลบไสล ไม่ทันไรก็ตื่นขึ้นมาเจอวงเวียนชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ถามว่า ยอมทุกข์ขนาดนั้นไปเพื่ออะไร? ก็เพื่อไปเจอความสุขตอนสิ้นเดือนซึ่งไม่เคยเลย ที่จะสามารถเติมเต็มให้หัวใจตัวเองอิ่มเอมได้ ... คุณเป็นอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า?
บางคน ยิ่งถลำลึก เพราะพอสุขจากการใช้เงิน ไม่สามารถเติมเต็มชีวิตได้ ก็พาลไปคิดว่า เอ๊ะ! หรือว่า เราต้องมีเงินมากกว่านั้นขึ้นไปอีก ว่าแล้วก็ยิ่งทำงานหนัก ยิ่งเครียดมากขึ้น เพื่อที่จะได้เงินมากขึ้น สุดท้ายก็ไม่เคยได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆเสียที
แท้จริงแล้ว ความสุข ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้มีรูปแบบตายตัว คนเราสามารถนิยามความสุขในแบบของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องคิดให้เหมือนคนอื่น ซึ่งสำหรับผม ผมนิยามความสุขไว้อีกมุมหนึ่ง นั้นก็คือ “ความสุขที่ได้จากการทำในสิ่งที่ตัวเองรัก” พอปรับมุมมองมาเป็นมุมนี้ ในหนึ่งเดือน ผมสามารถมีความสุขได้ทุกๆวันที่ผมทำงานโดยไม่ต้องร้อนใจ และรอให้เงินเดือนออก เมื่อเราได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก เราก็จะไม่โหยหาสิ่งเร้าภายนอกใดๆให้มาเติมเต็ม พอสิ้นเดือนปั๊บ ไม่ต้องซื้อของอะไรมาก ไม่ต้องไปกินข้าวร้านอาหารหรูๆ ไม่ได้เจียดเงินมาผ่อนรถที่ราคาแพงพอๆกับคอนโด ผมก็มีความสุขได้ แถมเงินออมกลับมีมากขึ้นกว่าตอนที่พยายามทำงานหนักๆแล้ววัดเป้าหมายไปที่ตัวเงิน
ผมอยากให้ใครที่ไม่มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ ลองย้อนกลับมาลองดู หามุมที่จะเปลี่ยนความคิดเราให้เป็นคนใหม่ คนที่ใครๆ แม้แต่ตัวเราในอดีตก็ต้องอิจฉา ลองหาดูนะครับ พลังแห่งการคิดบวก มันมหาศาลจริงๆ เชื่อผม!!
เทียบกับการปฏิบัติธรรม ภาวนาแล้ว เหมือนกันยังไงไม่รู้สินะ
ถ้าหวังจะได้นิพพาน ต่อให้ตั้งใจปฏิบัติให้มากขนาดไหน ก็ยิ่งห่างไกลมากขึ้นเท่านั้น เพราะนั้นคือการกระทำที่เจือไปด้วยกิเลส ต่อเมื่อปฏิบัติในแบบเดิม แต่ตั้งใจใหม่ว่า จะเรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ เห็นความเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยไม่หวังอะไรมากกว่านั้น ... นี่กลับทำให้นักปฏิบัติเข้าใกล้นิพพานขึ้นไปทุกที
ชีวิต มันก็เป็นแบบนี้ละครับ
< Prev | Next > |
---|